Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน
ทุกอย่างต้องอาศัยบุญ
จุดกำเนิดของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถ บ่งบอกได้ว่าคนนั้นดีหรือชั่ว แต่สิ่งที่สำคัญก็คือการที่บุคคลได้ทำอะไรให้แก่ใคร และเป็นประโยชน์มากน้อยเพียงใด การกระทำนั้นจะเป็นเครื่องบ่งบอกเอง เราสามารถจัดการชีวิตของตัวเอง ให้ไปในทิศทางที่ตนต้องการ และปรารถนาจะให้เป็นไปได้ ชีวิตของนักสร้างบารมี ก็ต้องดำเนินตามทางของนักสร้างบารมี ทั้งในอดีตหรือที่ทำกันในปัจจุบัน คือต้องสร้าง เพราะการนำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา อย่างเต็มเปี่ยมบริบูรณ์จะทำให้บารมีอื่นๆ ทำได้สมบูรณ์ไปด้วย บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุข และความสำเร็จในชีวิตทั้งในอดีตปัจจุบันและก็ในอนาคต จนกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า บุญเป็นชื่อของความสุข คนที่มีความสุขก็เพราะมีบุญมาก คนที่มีความทุกข์ก็เพราะมีบุญน้อย ความสำเร็จในชีวิตก็เช่นกัน ใครที่มีบุญมากความสำเร็จในชีวิตก็มีมาก จะทำธุรกิจการงานอะไรก็สำเร็จหมด แล้วก็ได้ผลเกินควรเกินคาด ตรงกันข้ามคนที่มีบุญน้อยจะทำอะไรมันก็ฝืดเคือง ได้บ้างไม่ได้บ้าง ทำธุรกิจการงานก็ขาดทุน ได้ไม่พอกับที่ลงทุนลงไป บางทีซ้ำร้ายไปกว่านั้นน่ะ ถึงกับล้มละลายก็มี
เพราะฉะนั้นบุญนี่แหละที่มีอานุภาพ เกินกว่าสิ่งใดๆในโลกนี้ เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วก็ควรที่จะหมั่นสั่งสมบุญ ให้กับตัวของเราเองให้ได้มากๆ เข้าไว้ บุญก็จะได้ช่วยประคับประคองเรา ในเส้นทางการสร้างบารมีตลอดไป เหมือนภัททชิเถระ ที่ท่านสั่งสมบุญไว้ มากมายจนในที่สุดบุญนั้นก็สามารถ ช่วยให้ท่านได้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสมบูรณ์ แล้วก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในพระพุทธศาสนา ในการแห่งพระผู้มีพระเจ้าพระนามว่าปทุมุตร พระเถระท่านเคยบังเกิดในตระกูลพราหมณ์ พอเจริญวัยบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบการศึกษา ในสิลปศาสตร์ของพราหมณ์ แล้วท่านก็มีจิตใฝ่ในการบวชไม่มีความต้องการที่จะครองเรือน จึงออกบวชในลัทธิภายนอกได้ถือเพศเป็นดาบส สร้างอาศรมอยู่ในป่า
วันหนึ่งก็ได้มองเห็นพระบรมศาสดาเสด็จมาทางอากาศ ก็บังเกิดจิตใจเลื่อมใสในจริยวัตรของพระองค์เป็นอย่างมาก จึงได้ยืนประคองอัญชลีพระบรมศาสดาทรงเห็นอัธยาศัยของท่าน จึงเสด็จลงจากอากาศมาประทับยืน ณ ที่ใกลอาศรมของท่าน ท่านได้น้อมน้ำผึ้ง เง่าบัว เนยใสและนมสดเข้าไปถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงอนุเคราะห์แก่ท่าน แล้วทรงทำอนุโมทนากถา เสด็จหลีกไป
ด้วยบุญกรรมนั้นท่านได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ดำรงอยู่ในสวรรค์ชั้นนั้น จนตลอดอายุขัย จุติจากอัตภาพนั้นก็ท่องเที่ยวไปมาในสุคติภพอย่างเดียว ในการแห่งพระผู้มีพระเจ้าพระนามว่าวิปัสสี ท่านก็ได้เกิดเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์มาก ได้ถวายผ้าไตรด้วยความเลื่อมใส แด่ภิกษุสงฆ์ถึง ๑,๘๐๐,๐๐๐ รูป ท่านได้ทำกุศลไว้เป็นอันมาก พอละโลกก็ได้บังเกิดในเทวโลก เมื่อเคลื่อนจากเทวโลกนั้น ก็มาบังเกิดในมนุษยชนโลก และสมัยที่โลกว่างเปล่าจากพระพุทธเจ้า แล้วบุญก็บรรดาลให้ท่านได้บำรุงพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ๕๐๐ พระองค์
จุติจากอัตภาพนั้นก็ไปบังเกิดในราชตระกูลล ท่านหมั่นพร่ำสอน ทศพิธราชธรรม แก่พระญาติและราชบุตรทั้งหลาย แล้วได้บำรุงโอรสของตน ที่ได้บรรลุพระปัจเจกโพธิญาณ เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ท่านก็ถือเอาพระบรมธาตุบรรจุไว้ในเจดีย์ เพื่อสักการะบูชา ท่านได้บำเพ็ญมหากุศลอันเป็นบุญใหญ่ นับภพนับชาติไม่ถ้วนอย่างนี้
ในการแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานี้ ท่านก็ได้มาบังเกิด เป็นลูกชายคนเดียว ของภัททิยเศรษฐี ซึ่งมีทรัพย์สมบัติมากถึง ๘๐ โกฎ ในภัททิยนครมีนามว่า ภัทชิกุมาร อิสริยสมบัติ โภคสมบัติและบริวารสมบัติของท่านได้มีถึงในที่สุด คล้ายกับของพระโพธิสัตว์ของเรา ในภพชาติสุดท้ายนี้
เพื่อจะสงเคราะห์ภัททิยกุมาร พระบรมศาสดาก็เสด็จออกจากเมืองสาวัตถีได้เสด็จไปยังภัททิทยนคร พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ทรงประทับอยู่ในเชตวัน ทรงรอให้ญาณของท่านแก่กล้าเสียก่อน วันหนึ่งเมื่อภัททชิกุมารกำลังนั่งในปราสาท เปิดสีหบัญชรมองดู ได้เห็นมหาชนกำลังเดินไปฟังธรรมในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีความสงสัยว่ามหาชนนี้กำลังจะไปที่ไหนกัน เมื่อทราบแล้วก็ไปยังสำนักของพระบรมศาสดา พร้อมด้วยบริวารหมู่ใหญ่ เพียงแค่ได้ฟังธรรมครั้งเดียวแล้วก็เป็นครั้งแรก ท่านก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทั้งๆ ที่ยังประดับประดาไปด้วยอาภรณ์ทั้งหลาย
พระบรมศาสดาให้โอวาทท่านภัททิยเศรษฐีว่า บุตรชายของท่านประดับประดาด้วยเครื่องอลังการ ฟังธรรมได้ดำรงอยู่ในพระอรหัตแล้ว บุตรของท่านสมควรเพื่อจะบวชเสียเดี๋ยวนี้แหละ ถ้าไม่บวชก็จะปรินิพพาน เศรษฐีกราบทูลว่าบุตรของข้าพระองค์ยังเป็นคนหนุ่มแน่นอยู่ กิจด้วยการปรินิพพานจะมีไม่ได้ ขอพระองค์ทรงจงให้เขาบวชเถิด พระบรมศาสดาทรงให้เขาได้บรรพชาอุปสมบท ประทับอยู่ในที่นั้นได้ ๗ วันแล้ว ก็เสด็จไปยังโกฏิคาม ใกล้ฝั่งแม่น้ำคงคา ชาวบ้านโกฏิคามก็ถวายมหาทาน แด่หมู่ภิกษุมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
พระภัททชิเถระปรารถนาจะบรรลือสีหนาท ท่านจึงกำหนดเวลาที่ประสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมา แล้วก็ได้นั่งเข้าสมาบัติที่โคนต้นไม้แห่งหนึ่ง เมื่อพระมหาเถระทั้งหลายมาถึง ท่านก็ไม่ได้ลุกขึ้นต้อนรับ ทำให้ภิกษุที่ยังเป็นปุถุชน ต่างก็พากันเพ่งโทษว่า ภิกษุรูปนี้บวชมายังไม่เท่าใด ก็กลายเป็นผู้แข็งกระด้างไปเสียแล้ว ไม่ยอมลุกขึ้นในเวลาที่พระมหาเถระทั้งหลายมาถึง ส่วนชาวบ้านโกฏิคามได้พากัน ผูกเรือแพเป็นอันมากถวายแด่พระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์
พระบรมศาสดาจึงดำริว่า เราจะประกาศถึงอานุภาพของพระภัททชิ แล้วจึงประทับยืนบนเรือตรัสถามว่า ภัททชิไปไหน กราบทูลว่าพระเจ้าข้า แล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ยืนประคองอัญชลี พระบรมศาสดาตรัสถามว่าภัททชิมานี่ซิ เธอจงขึ้นเรือลำเดียวกันกับเราเถิด พระภัททชิจึงเหาะขึ้นไปในอากาศ แล้วลงในเรือลำเดียวกันกับพระบรมศาสดาประทับ ในเวลาที่เรือแล่นไปในท่ามกลางแม่น้ำคงคา พระบรมศาสดาตรัสว่า ภัททชิในเวลาที่เธอเป็นพระเจ้ามหาปนาท รัตนประสาทจมลงในที่ไหนเล่า พระเถระกราบทูลว่า จมลงในที่ตรงนี้พระเจ้าข้า พระบรมศาสดาตรัสว่า ถ้าเช่นนั้นเธอก็ควรตัดความสงสัยของเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายเถิด พระเถระจึงเอานิ้วเท้าคีบหยอดประสาทประมาณ ๒๕ โยชน์ แล้วเหาะไปในอากาศท่านได้ยกประสาทขึ้นสูงถึง ๕๐ โยชน์ เมื่อปราสาทถูกยกลอยไป พวกญาติของท่านในภพก่อน ซึ่งได้เกิดเป็นปลา เต่าและกบ เพราะความโลภในปราสาทก็พากันล้มกลิ้งไปมา พระบรมศาสดาจึงตรัสว่าพวกญาติเธอกำลังลำบาก พระเถระจึงปล่อยประสาท ประสาทก็ตั้งสติอยู่ตามเดิม ทำให้ภิกษุทั้งหลายหายสงสัยในคุณวิเศษของท่าน
เห็นไหมจ๊ะว่าการที่คนใดคนหนึ่ง จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงสุดได้นั้นน่ะ เบื้องหลังของความสำเร็จที่แท้จริง ล้วนมาจากบุญที่เคยทำเอาไว้ในอดีตนับภพนับชาติไม่ถ้วนนั่นเอง แม้การที่ภัททชิเถระนี้ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ ก็เพราะบุญบารมีที่ท่านบำเพ็ญมาในพระพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพระพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ทั้งหลายในอดีต บำเพ็ญมาเรื่อยไม่เคยขาดเลย บุญที่ท่านทำนั้นน่ะมีแต่บุญใหญ่ทั้งนั้นเลย เป็นบุญที่สามารถให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยเร็วพลัน เราก็เช่นเดียวกันนะจ๊ะต้องสั่งสมบุญบารมีให้มากๆ เราต้องตั้งใจสร้างบารมีกันต่อไปนะจ๊ะ
พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)