ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ชีวิตพินาศเพราะขาดความพอดี


ธรรมะเพื่อประชาชน : ชีวิตพินาศเพราะขาดความพอดี

Dhamma for people

ธรรมะเพื่อประชาชน

 

DhammaPP112_01.jpg
ชีวิตพินาศเพราะขาดความพอดี

                        การเดินทางไกลไปสู่อายตนะนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกชีวิตต่างต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏ  โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการมุ่งกำจัดอาสวะกิเลสให้หมดสิ้นไป จะได้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ซึ่งการที่จะดำเนินจิตของเราให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะได้นั้น ต้องดำเนินไปตามเส้นทางสายกลาง ที่เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งเป็นทางแห่งความบริสุทธิ์อันเกิดจากการทำใจหยุดใจนิ่ง ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านดำเนินจิตไปสู่อายตนะนิพพาน ดังนั้นตรงศูนย์กลางกายนี้จึงสำคัญมาก เพราะเป็นต้นทางที่จะทำให้บรรลุมรรคผลนิพพาน เราอยากสมปรารถนามีความสุขที่แท้จริง ก็ให้ทำใจให้หยุดนิ่งที่ตรงนี้ให้ได้ตลอดเวลากันนะจ๊ะ 

                        มีพุทธพจน์ที่ปรากฏในพุทธคณิกายคาถาธรรมบท ความว่า 
                                มนุชสฺส ปมตฺตจาริโน 
                                ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย 
                                โส ปริปฺลวติ หุราหุรํ 
                                ผลมิจฺฉํว วนสฺมึ วานโร 

                       ตัณหาย่อมเจริญแก่สัตว์ผู้ประพฤติประมาท เหมือนเถาย่านทรายเจริญอยู่ในป่า บุคคลผู้ตกอยู่ในอำนาจของตันหา ย่อมเร่ร่อนไปในภพน้อยใหญ่ เหมือนวานรอยากได้ผลไม้ เร่ร่อนไปในป่าใหญ่ฉะนั้น ผู้ที่ประมาทในการดำเนินชีวิต ย่อมมีโอกาสพลั้งพลาดไปทำบาปอกุศล เมื่ออกุศลธรรมครอบงำ กิเลสตันหาในตัวก็จะเพิ่มมากขึ้น เมื่อจิตใจของเราตกอยู่ในอำนาจของกิเลสแล้ว ก็จะทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง ไปประพฤติผิดศีลผิดธรรมแล้วความหายนะ ก็จะเกิดขึ้นตามมา ดังเรื่องที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้ เนื้อหาของเรื่องจะเป็นอย่างไร เรามาติดตามรับฟังกันเลยนะจ๊ะ

 

 

DhammaPP112_02.jpg


           สมัยพุทธกาลมีพ่อค้ากลุ่มหนึ่งเป็นชาวเมืองสาวัตถี ก่อนที่จะออกไปค้าขายได้ชักชวนกันไปทำบุญ ถวายทานกับพระบรมศาสดา พร้อมทั้งขอสมาทานศีล ๕ แล้วกราบทูลให้พระบรมศาสดาทรงทราบ ถึงการมาถวายทานว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์กำลังจะออกไปค้าขาย ถ้ากลับกันมาอย่างปลอดภัยเมื่อไหร่ ก็จะพากันมาเข้าเฝ้า และถวายทานกับพระพุทธองค์อีก

 

 

DhammaPP112_03.jpg


                    วันต่อมาพวกพ่อค้าก็ได้เดินทางไปค้าขาย โดยอาศัยเกวียน 500 เล่ม เมื่อพวกพ่อค้าเดินไปถึงทางทุรกันดารทางหนึ่ง เกิดหลงทางเข้าไปในป่าใหญ่ จนกระทั่งน้ำและอาหารที่เตรียมมาได้หมดลง เมื่อไปถึงต้นไทรต้นหนึ่งก็ปลดเกวียน แล้วเข้าไปนั่งพักในระหว่างทาง

 

 

DhammaPP112_04.jpg

                       พวกพ่อค้าเห็นใบต้นไทรเขียวชอุ่มจึงคิดกันว่า ข้างใต้ต้นไม้นี้น่าจะมีน้ำ พอให้พวกเราดื่มประทังชีวิตกันได้ ตามกิ่งและใบก็น่าจะมีน้ำชุ่มอยู่ภายใน ดังนั้นพวกพ่อค้าจึงรอนตัดกิ่งต้นไทรทางทิศตะวันออกดู พอกิ่งขาดตอน น้ำได้ไหลพรั่งพรูออกมา พวกพ่อค้าพากันดื่มและอาบด้วยความปีติใจรำพึงว่า รุกขเทวดาสงเคราะห์เราแล้ว จากนั้นพากันตัดกิ่งต้นไทรด้านทิศใต้อีก น่าอัศจรรย์อาหารหลากหลายชนิดมีรสชาติเอร็ดอร่อยก็ได้พลั่งพลูออกมา พวกพ่อค้าต่างบริโภคกันอย่างเอร็ดอร่อย 


                       เมื่อบริโภคกันจนอิ่มหนำแล้ว ก็พากันลองตัดกิ่งทางทิศตะวันตกดูอีก ก็มีพวกสตรีสวยงามพากันออกมา พ่อค้าจึงได้อภิรมย์กับพวกนาง ต่อจากนั้นพวกพ่อค้าก็พากันลองตัดกิ่งทางด้านทิศเหนือ ก็มีแก้ว ๗ ประการหลั่งไหลออกมามากมาย พวกพ่อค้าเห็นแล้วก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง จึงพากันเก็บเอาของมีค่าเหล่านั้น ใส่จนเต็มเกวียนทั้ง 500 เล่ม แล้วพากันเดินทางกลับไปยังเมืองสาวัตถี ขนเอาทรัพย์เข้าไปเก็บไว้ในบ้านของตน หลังจากนั้นพวกพ่อค้าก็ได้ระลึกถึงคำพูดที่ได้รับปากกับพระบรมศาสดาเอาไว้ 

 

 

DhammaPP112_05.jpg


                       วันต่อมาพวกพ่อค้าได้พากันถือดอกไม้และของหอม เข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ถวายบังโคมพระพุทธองค์แล้วก็นั่งอยู่ ในที่อันเหมาะสมเพื่อฟังธรรม เมื่อฟังธรรมเสร็จ ก็ทูลนิมนต์ให้พระบรมศาสดา ไปฉันภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น พอรุ่งเช้าพวกพ่อค้าก็พากันมาถวายภัตตาหาร แล้วกราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงทราบ ถึงการมาถวายภัตตาหารในครั้งนี้ว่า พวกข้าพระองค์ทำบุญเช้านี้ เพราะได้เคยปรารถนาเอาไว้แล้ว และเพื่ออุทิศให้กับรุกขเทวดา ที่ได้ให้ทรัพย์แก่พวกข้าพระองค์ 


                       พุทธองค์จึงตรัสถามพวกพ่อค้าว่า พวกท่านทำบุญอุทิศให้กับเทวดาที่ไหน พวกพ่อค้ากราบทูลว่า พวกข้าพระองค์ได้ทรัพย์กันมา จากต้นไทรต้นหนึ่ง จึงทำบุญอุทิศให้กับรุกขเทวดาที่ต้นไทรนั้น พระบรมศาสดาตรัสว่า ดีจริงพวกเธอรู้จักประมาณในการขนเอาทรัพย์ ไม่เห็นแก่ได้จนมากเกินไป แต่พวกพ่อค้าในอดีตต้องเสียทั้งทรัพย์และชีวิต เพราะไม่รู้จักความพอดี เมื่อพวกพ่อค้าฟังพระดำรัสแล้ว ใคร่อยากจะรู้เรื่องราวในอดีต จึงทูลอาราธนาให้พระบรมศาสดาตรัสเล่าให้ฟัง 

 

 

DhammaPP112_07.jpg


                       พุทธองค์จึงตรัสเล่าให้ฟังว่า ในอดีตกาลพวกพ่อค้าจากเมืองต่างๆ ได้มาประชุมกัน ยังเมืองพาราณสี แล้วก็ตั้งพ่อค้าคนหนึ่งให้เป็นหัวหน้า ต่อมาพวกพ่อค้าได้เดินทางไปทำการค้าขาย จนกระทั่งถึงทางทุรกันดารทางหนึ่ง น้ำและอาหารที่เตรียมกันมาได้หมดลง ขณะนั้นได้เห็นต้นไทรต้นหนึ่ง จึงพากันเข้าไปนั่งพักเพื่อเอาแรง

 

 

DhammaPP112_08.jpg

 

                    พวกพ่อค้าเห็นต้นไทรมีใบเขียวชอุ่มจึงคิดกันว่า น่าจะมีน้ำไหลซึมอยู่ข้างในกิ่งไม้ แล้วก็พากันลองตัดกิ่งด้านทิศตะวันออกดู พอตัดกิ่งขาดตกลง น้ำก็ไหลออกมา พวกพ่อค้าก็พากันดื่มและอาบด้วยความปีติยินดี แล้วก็ตัดกิ่งทางด้านทิศใต้ดูอีก กิ่งนี้กับมีข้าวสาลี เนื้อสุก แกง ขนม ถั่ว ไหลออกมามากมาย พวกพ่อค้าก็ได้บริโภคกันเอร็ดอร่อย ก็ลองตัดกิ่งทางด้านตะวันตกดูอีก กิ่งนี้ก็มีเหล่าสตรีสวยงามมาบำรุงบำเรอพวกพ่อค้า ต่อจากนั้นพวกพ่อค้าก็พากันตัดกิ่งทางด้านทิศเหนืออีก กิ่งไม้นี้มีแก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์ เงินทองเครื่องประดับ และผ้ากัมพลไหลออกมามากมาย จึงต่างพากันขนใส่เกวียน แต่แล้วพวกพ่อค้ากลุ่มนี้ก็ยังไม่พอใจ อยากจะได้มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก แล้วก็คิดกันว่าน่าจะมีสิ่งที่ดีกว่านี้อีกในต้นไทร จึงพากันตัดโค่นต้นไทรเสีย

 

 

DhammaPP112_09.jpg


                      เมื่อพระโพธิสัตว์หัวหน้าพ่อค้า เห็นพวกพ่อค้ากำลังจะตัดโค่นต้นไทร จึงพูดห้ามขึ้นว่า พวกท่านก็ได้สิ่งของมีค่ามากมายแล้ว ก็น่าจะพอกันได้แล้ว จะไปตัดโค่นต้นไทรอีกทำไม พวกพ่อค้าถูกความโลภครอบจิตใจ จึงไม่ยอมเชื่อฟังคำทัดทานของพระโพธิสัตว์แต่อย่างใด

                       ลำดับนั้นพยานาคที่อยู่ใต้ต้นไทร เห็นพวกพ่อค้ากำลังจะตัดโค่นต้นไทร เพราะความละโมบจัด จึงสั่งพวกนาคบริวาร ให้แปลงร่างเป็นทหารแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ มีทหารหุ้มเกราะ ทหารยิงธนู ทหารถือโล่และดาบ พร้อมกับสั่งให้ฆ่าพวกพ่อค้าให้ตายทั้งหมด ยกเว้นไว้แต่หัวหน้าพ่อค้าคนเดียว พวกนาคบริวารก็ได้ทำตามคำสั่ง บันดาพวกพ่อค้าโลภมากทั้งหลายได้เสียชีวิตทั้งหมด เว้นแต่พระโพธิสัตว์

 

 

DhammaPP112_10.jpg

                       แล้วพวกนาคก็ได้ช่วยกันขนสิ่งของมีค่ามากมาย บรรทุกใส่เกวียนทั้ง ๕๐๐ เล่มนำพ่อค้าพระโพธิสัตว์กลับไปยังเมืองพาลานาสี และก็มอบทรัพย์สิ่งของทั้งหมดให้กับพระโพธิสัตว์ จากนั้นพวกนาคก็ลากลับมายังนาคพิภพของตนตามเดิม

 

 

DhammaPP112_11.jpg


                       เราจะเห็นได้ว่า ความโลภเป็นเหตุนำมาซึ่งความหายนะ คนเราถ้าไม่รู้จักประมาณเสียแล้ว จิตใจก็จะตกอยู่ในอำนาจของกิเลสอาสวะ จะถูกกิเลสชักนำไปสู่ความเสื่อม ความไม่รู้จักพอ จะทำให้เกิดการแสวงหาเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้นเราต้องรู้จักยับยั้งช่างใจ ต้องรู้จักประมาณในการแสวงหา ที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม แล้วชีวิตเราจะมีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง แล้วสิ่งที่สำคัญคือเราต้องหมั่นแสวงบุญ และแสวงหาพระรัตนตรัยภายในตัวกันนะจ๊ะ

 

พระธรรมเทศนาโดย : หลวงพ่อธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

 

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล