Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน
ชัยชนะครั้งที่ ๔ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(ตอน ชนะองคุลิมาล)
เวลาแห่งการปฏิบัติธรรม เป็นเวลาที่มีคุณค่ามหาศาล เพราะเราจะได้ทำใจหยุดใจนิ่ง แสวงหาอริยมรรค ซึ่งเป็นเส้นทาง ของพระอริยเจ้าทั้งหลาย เป็นทางเอกสายเดียวเท่านั้น ที่จะนำเราให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน เข้าถึงความสุขที่แท้จริงที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย ปัจจุบันมวลมนุษยชาติส่วนใหญ่ยังไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม อะไรคือสิ่งที่ต้องแสวงหา เมื่อไม่มีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรม ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ชีวิตจึงตกอยู่ในท่ามกลางกระแสแห่งความทุกข์ เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องพันธนาการที่คลายออกไม่ได้ ต่อมาเมื่อได้ลงมือปฏิบัติธรรมย่อมจะเข้าใจชีวิต และมุ่งทำความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้น เพื่อจะได้ไปสู่เป้าหมาย คือ อายตนนิพพานกันทุกคน
มีบทสรรเสริญพุทธคุณในพุทธชัยมงคลคาถา บทที่ ๔ ว่า
"อุกฺขิตฺตขคฺคมติหตฺถสุทารุณนฺตํ
ธาวนฺติโยชนปถงฺคุลิมาลวนฺตํ
อิทฺธีภิสงฺขตมโน ชิตวา มุนินฺโท
ตนฺเตชสา ภวตุ เต ชยมงฺคลานิ
พระผู้มีพระภาคเจ้าจอมมุนี ทรงใช้ฤทธิ์ทางใจ ให้เป็นอิทธาภิสังขาร ทรงชนะองคุลิมาล ผู้แสนโหดเหี้ยมร้ายกาจ มีฝีมือฉกรรจ์ ถือดาบวิ่งไล่พระองค์ สิ้นทาง ๓ โยชน์ ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ท่าน"
เรื่องของพระองคุลิมาลนี้ เป็นเรื่องราวที่มีสาระและแง่คิด มุมมองที่น่าศึกษา สามารถนำมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ดีมาก ครั้งนี้หลวงพ่อจะนำมาเล่าโดยตัดเฉพาะบางตอน ที่พระอรรถกถาจารย์ได้กล่าวไว้ จะได้เป็นการเพิ่มเติมศรัทธาปสาทะในพระบรมศาสดา ว่าแม้องคุลีมาลที่คนทั้งเมืองเกรงขาม ได้ยินเพียงชื่อก็ขนลุกขนพอง ยังยอมแพ้พระผู้มีพระภาคเจ้า กลับจิตกลับใจมาบวช จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
องคุลิมาลเป็นบุตรพราหมณีมันตานี ซึ่งเป็นภรรยาของปุโรหิต เกิดในฤกษ์ของดาวโจร บิดาจึงคิดจะฆ่าลูกตั้งแต่แรกเกิดเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม แต่พระราชาทรงเมตตาให้เลี้ยงไว้ พร้อม ตั้งชื่อทารกว่า อหิงสกุมาร
เมื่อเจริญวัยขึ้น มารดาบิดาได้ส่งไปศึกษาศิลปวิทยาที่เมืองตักสิลา เนื่องจากประพฤติตนดีจึงเป็นที่รักของอาจารย์ แต่ถูกลูกศิษย์คนอื่นๆ ใส่ความว่า อหิงสกุมารดีแต่ต่อหน้าอาจารย์ลับหลังก็เกะกะเกเร อาจารย์จึงคิดจะกำจัดด้วยการสั่งให้ไปฆ่ามนุษย์ นำนิ้วมือมา ๑,๐๐๐ องคุลี แล้วอาจารย์จะสอนวิชาที่จะทำให้สำเร็จเป็นเจ้าโลก
แม้เป็นคนฉลาดแต่ไม่ได้เฉลียวใจ มุ่งแต่จะเรียนวิชา จึงเข้าป่าไปดักฆ่ามนุษย์ แล้วร้อยนิ้วมือเป็นพวงมาลัยคล้องคอ ชาวบ้านจึงตั้งฉายาว่า องคุลิมาลโจร ใครได้ยินชื่อนี้เป็นขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน พวกชาวบ้านจึงร้องทุกข์ต่อพระเจ้าปเสนทิโกศล
ฝ่ายนางพราหมณีผู้เป็นมารดารู้ว่า ลูกชายสุดที่รักของตนกำลังจะถูกฆ่า ด้วยความรักลูก นางจึงรีบเดินทางออกนอกเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อบอกข่าวให้ลูกหนีไปโดยเร็ว
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูสัตวโลก เห็นองคุลิมาลปรากฏในข่ายพระญาณ แล้วรู้ไปต่อว่า องคุลิมาลจะเป็น อสีติมหาสาวกองค์สุดท้ายของพระองค์ เช้าวันนั้นจึงเสด็จไปโปรดองคุลิมาล ขณะนั้นองคุลิมาลกำลังเงื้อดาบวิ่งไล่มารดาหมายจะตัดนิ้วมือให้ครบ ๑,๐๐๐ นิ้ว เพราะได้มาแล้ว ๙๙๙ นิ้ว
พระบรมศาสดารู้ว่าองคุลิมาลกำลังจะทำมาตุฆาต จึงแสดงพระองค์ในระหว่างคนทั้งสองนั้น ทำให้องคุลิมาลเบี่ยงเบนความสนใจ วิ่งเข้าใส่พระพุทธองค์ทันที
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร ทำให้องคุลีมาลวิ่งตามไม่ทัน ทั้งที่พระองค์ทรงเสด็จดำเนินไปตามปกติ ในอรรถกถาท่านได้พรรณนาไว้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลให้แผ่นดินเป็นลานใหญ่ข้างหน้า และทรงประทับอยู่กลางลานนั้น ส่วนองคุลิมาลอยู่อีกด้านหนึ่ง คิดจะตามพระพุทธเจ้าให้ทันก็วิ่งเต็มกำลัง พระพุทธองค์ทรงก้าวไปตามปกติ แต่กลับปรากฏตัวด้านหน้าขององคุลิมาล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลให้เป็นแม่นํ้าบ้าง เป็นหล่ม เป็นเลนบ้าง ขวางหน้าองคุลิมาล เป็นดังนี้ตลอด ๓ โยชน์ องคุลิมาลรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า คิดว่าน่าอัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยเป็นเช่นนี้ เมื่อก่อน แม้ช้างม้ากำลังวิ่ง รถกำลังแล่น เรายังวิ่งตามได้ทัน แต่ครั้งนี้เราวิ่งจนสุดกำลัง ยังไม่อาจทันสมณะที่เดินตามปกติได้ จึงหยุดยืนพลางร้องบอกพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "สมณะ หยุด สมณะ หยุด"
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด" องคุลิมาลคิดว่า "สมณศากยบุตรเป็นคนพูดจริง แต่สมณะรูปนี้กำลังเดินอยู่แท้ๆ กลับพูดว่า เราหยุดแล้ว" จึงตะโกนถามว่า "ดูก่อนสมณะ ท่านกำลังเดินอยู่ กลับบอกว่าหยุดแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่หยุด ที่ท่านกล่าวถึงข้าพเจ้าผู้หยุดแล้วว่า ไม่หยุด การหยุดของท่านเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุดนั้น เป็นอย่างไร"
พระผู้มีพระภาคเจ้าตอบว่า "ดูก่อนองคุลิมาล เราวางอาชญาในสรรพสัตว์ได้แล้ว จึงชื่อว่า หยุดแล้ว ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย ชื่อว่า ยังไม่หยุด ถึงแม้ว่าท่านหยุดในบัดนี้ก็ดี แต่ท่านจะต้องวิ่งต่อไปในอบายภูมิในภายหน้า" องคุลิมาลฟังดังนั้น คิดว่า เห็นทีสมณะนี้คงเป็นใหญ่ในโลก ทรงเสด็จมาโปรดเรา จึงทิ้งดาบลงเหว แล้วทูลขอบรรพชากับพระพุทธองค์
พระพุทธองค์ตรัสว่า "ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด" เพียงเท่านั้นเพศฆราวาสพลันหายไป ไตรจีวรและอัฐบริขารเกิดขึ้นกับองคุลิมาลทันที เพราะท่านได้สั่งสมบุญในส่วนนี้มา จากนั้นก็ตามเสด็จพระพุทธองค์กลับวัดพระเชตวัน
ขณะเดียวกันนั่นเอง พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จออกจากกรุงสาวัตถีด้วยขบวนม้าประมาณ ๕๐๐ เข้าไปในพระอาราม เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลถึงพระราชกรณียกิจที่จะต้องไปปราบองคุลิมาล พระพุทธองค์ตรัสว่า "มหาบพิตร ถ้ามหาบพิตรทอดพระเนตรเห็นองคุลิมาลผู้ปลงผม และหนวดครองผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์ มหาบพิตรจักพึงทำกับเขาอย่างไร"
พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันพึงไหว้ พึงลุกรับ พึงเชื้อเชิญด้วยอาสนะ พึงบำรุงด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานเภสัชบริขาร หรือพึงจัดการรักษาคุ้มครองป้องกันอย่างเป็นธรรม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ องคุลีมาลนั้นเป็นคนทุศีล มีบาปธรรม จักมีความสำรวมด้วยศีลปานนี้เชียวหรือ"
พระพุทธองค์ทรงชี้นิ้วไปทางพระองคุลิมาลซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล พลางตรัสบอกว่า "มหาราช นั่นองคุลิมาล" พระราชาทรงตกพระทัย พระโลมชาติชูชัน เหล่าทหารที่ติดตามถึงกับขนลุกชูชัน สะดุ้งหวาดหวั่นไปตามๆ กัน พระบรมศาสดาตรัสว่า "อย่าทรงกลัวเลยมหาบพิตร องคุลิมาลเป็นผู้ไม่มีภัยต่อใครๆ อีกต่อไปแล้ว" เมื่อพระราชาทรงหายกลัวได้เสด็จเข้าไปสนทนากับพระเถระว่า "ท่านผู้เจริญ ขอพระคุณเจ้าจงบำเพ็ญสมณธรรมเถิด ข้าพเจ้าจักทำความขวนขวายในปัจจัย ๔ แด่พระคุณเจ้าเอง" พลางเปลื้องผ้าคาดเอวถวายพระองคุลิมาล
พระราชาตรัสชมเชยว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริงหนอ ที่พระพุทธองค์ทรงทรมานองคุลิมาลได้ ทรงยังบุคคลที่ใครๆ ให้สงบไม่ได้ ให้สงบได้ ทรงยังบุคคลที่ใครๆหยุดไม่ได้ ให้หยุดได้ เพราะหม่อมฉันไม่สามารถจะทรมานองคุลิมาลได้แม้ด้วยอาชญา แม้ด้วยศาสตรา แต่พระพุทธองค์ทรงทรมานได้ โดยไม่ต้องใช้อาชญา ไม่ต้องใช้ศัสตราใดๆ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันดีพระทัย จะขอทูลลาไปในบัดนี้"
เราจะเห็นว่า การที่บุคคลใดจะมีวีถีชีวิตที่สมบูรณ์ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและเบื้องปลายนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก กว่าชีวิตจะก้าวข้ามพ้นอุปสรรค จากความทุกข์ยาก ไปสู่ความสุขอันเป็นอมตะนิรันดร์นั้น บางครั้งอาจเคยก้าวพลาดจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ต้องอาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นประทีปเอกของโลก ชีวิตจะก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงทำให้พระองคุลิมาลหยุดได้ จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นเราต้องหมั่นฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง จะได้บรรลุธรรมกันทุก ๆ คน มาเล่าอย่างย่อ ๆ ให้ลูก ๆ ทุกคนได้รับฟังกัน พอที่จะเป็นเครื่องเจริญพุทธานุสติกันทุกคนนะจ๊ะ
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
* มก. อังคุลิมาลสูตร เล่ม ๒๑ หน้า ๑๔๑