ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : ชัยชนะครั้งที่ ๔ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (องคุลีมาล)


ธรรมะเพื่อประชาชน : ชัยชนะครั้งที่ ๔ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (องคุลีมาล)

Dhammaforpeople
ธรรมะเพื่อประชาชน

DhammaPP_02.jpg

ชัยชนะครั้งที่ ๔ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

(ตอน ชนะองคุลิมาล)

              เวลาแห่งการปฏิบัติธรรม เป็นเวลาที่มีคุณค่ามหาศาล เพราะเราจะได้ทำใจหยุดใจนิ่ง แสวงหาอริยมรรค ซึ่งเป็นเส้นทาง ของพระอริยเจ้าทั้งหลาย เป็นทางเอกสายเดียวเท่านั้น ที่จะนำเราให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน เข้าถึงความสุขที่แท้จริงที่ทำให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย ปัจจุบันมวลมนุษยชาติส่วนใหญ่ยังไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตว่า เกิดมาทำไม อะไรคือสิ่งที่ต้องแสวงหา เมื่อไม่มีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรม ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติธรรม ชีวิตจึงตกอยู่ในท่ามกลางกระแสแห่งความทุกข์ เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องพันธนาการที่คลายออกไม่ได้ ต่อมาเมื่อได้ลงมือปฏิบัติธรรมย่อมจะเข้าใจชีวิต และมุ่งทำความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้น เพื่อจะได้ไปสู่เป้าหมาย คือ อายตนนิพพานกันทุกคน


 

DhammaPP_03.jpg


                 มีบทสรรเสริญพุทธคุณในพุทธชัยมงคลคาถา บทที่ ๔ ว่า
                 "อุกฺขิตฺตขคฺคมติหตฺถสุทารุณนฺตํ
                 ธาวนฺติโยชนปถงฺคุลิมาลวนฺตํ
                 อิทฺธีภิสงฺขตมโน  ชิตวา  มุนินฺโท
                 ตนฺเตชสา  ภวตุ  เต  ชยมงฺคลานิ
 
               พระผู้มีพระภาคเจ้าจอมมุนี ทรงใช้ฤทธิ์ทางใจ ให้เป็นอิทธาภิสังขาร ทรงชนะองคุลิมาล ผู้แสนโหดเหี้ยมร้ายกาจ มีฝีมือฉกรรจ์ ถือดาบวิ่งไล่พระองค์ สิ้นทาง ๓ โยชน์ ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ท่าน"

 

DhammaPP_04.jpg

               เรื่องของพระองคุลิมาลนี้ เป็นเรื่องราวที่มีสาระและแง่คิด มุมมองที่น่าศึกษา สามารถนำมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจได้ดีมาก ครั้งนี้หลวงพ่อจะนำมาเล่าโดยตัดเฉพาะบางตอน ที่พระอรรถกถาจารย์ได้กล่าวไว้ จะได้เป็นการเพิ่มเติมศรัทธาปสาทะในพระบรมศาสดา ว่าแม้องคุลีมาลที่คนทั้งเมืองเกรงขาม ได้ยินเพียงชื่อก็ขนลุกขนพอง ยังยอมแพ้พระผู้มีพระภาคเจ้า กลับจิตกลับใจมาบวช  จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

 


 

DhammaPP_05.jpg


                องคุลิมาลเป็นบุตรพราหมณีมันตานี ซึ่งเป็นภรรยาของปุโรหิต เกิดในฤกษ์ของดาวโจร บิดาจึงคิดจะฆ่าลูกตั้งแต่แรกเกิดเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม แต่พระราชาทรงเมตตาให้เลี้ยงไว้ พร้อม ตั้งชื่อทารกว่า อหิงสกุมาร

 

 

DhammaPP_.06.jpg

                   เมื่อเจริญวัยขึ้น มารดาบิดาได้ส่งไปศึกษาศิลปวิทยาที่เมืองตักสิลา เนื่องจากประพฤติตนดีจึงเป็นที่รักของอาจารย์ แต่ถูกลูกศิษย์คนอื่นๆ ใส่ความว่า อหิงสกุมารดีแต่ต่อหน้าอาจารย์ลับหลังก็เกะกะเกเร อาจารย์จึงคิดจะกำจัดด้วยการสั่งให้ไปฆ่ามนุษย์ นำนิ้วมือมา ๑,๐๐๐ องคุลี แล้วอาจารย์จะสอนวิชาที่จะทำให้สำเร็จเป็นเจ้าโลก

 

 

DhammaPP_07.jpg

                   แม้เป็นคนฉลาดแต่ไม่ได้เฉลียวใจ มุ่งแต่จะเรียนวิชา จึงเข้าป่าไปดักฆ่ามนุษย์ แล้วร้อยนิ้วมือเป็นพวงมาลัยคล้องคอ ชาวบ้านจึงตั้งฉายาว่า องคุลิมาลโจร ใครได้ยินชื่อนี้เป็นขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน พวกชาวบ้านจึงร้องทุกข์ต่อพระเจ้าปเสนทิโกศล

 

 

DhammaPP_08.jpg

               ฝ่ายนางพราหมณีผู้เป็นมารดารู้ว่า ลูกชายสุดที่รักของตนกำลังจะถูกฆ่า ด้วยความรักลูก นางจึงรีบเดินทางออกนอกเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อบอกข่าวให้ลูกหนีไปโดยเร็ว

 

 

DhammaPP_.09.jpg

              ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูสัตวโลก เห็นองคุลิมาลปรากฏในข่ายพระญาณ แล้วรู้ไปต่อว่า องคุลิมาลจะเป็น อสีติมหาสาวกองค์สุดท้ายของพระองค์ เช้าวันนั้นจึงเสด็จไปโปรดองคุลิมาล ขณะนั้นองคุลิมาลกำลังเงื้อดาบวิ่งไล่มารดาหมายจะตัดนิ้วมือให้ครบ ๑,๐๐๐ นิ้ว เพราะได้มาแล้ว ๙๙๙ นิ้ว

 

 

DhammaPP_10.jpg

                   พระบรมศาสดารู้ว่าองคุลิมาลกำลังจะทำมาตุฆาต จึงแสดงพระองค์ในระหว่างคนทั้งสองนั้น ทำให้องคุลิมาลเบี่ยงเบนความสนใจ วิ่งเข้าใส่พระพุทธองค์ทันที

 

 

DhammaPP_11.jpg

           พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร ทำให้องคุลีมาลวิ่งตามไม่ทัน ทั้งที่พระองค์ทรงเสด็จดำเนินไปตามปกติ ในอรรถกถาท่านได้พรรณนาไว้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลให้แผ่นดินเป็นลานใหญ่ข้างหน้า และทรงประทับอยู่กลางลานนั้น ส่วนองคุลิมาลอยู่อีกด้านหนึ่ง คิดจะตามพระพุทธเจ้าให้ทันก็วิ่งเต็มกำลัง พระพุทธองค์ทรงก้าวไปตามปกติ แต่กลับปรากฏตัวด้านหน้าขององคุลิมาล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบันดาลให้เป็นแม่นํ้าบ้าง เป็นหล่ม เป็นเลนบ้าง ขวางหน้าองคุลิมาล เป็นดังนี้ตลอด ๓ โยชน์  องคุลิมาลรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า คิดว่าน่าอัศจรรย์จริงหนอ ไม่เคยเป็นเช่นนี้ เมื่อก่อน แม้ช้างม้ากำลังวิ่ง รถกำลังแล่น เรายังวิ่งตามได้ทัน แต่ครั้งนี้เราวิ่งจนสุดกำลัง ยังไม่อาจทันสมณะที่เดินตามปกติได้ จึงหยุดยืนพลางร้องบอกพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "สมณะ หยุด สมณะ หยุด"

 

 

 

DhammaPP_12.jpg

               พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด" องคุลิมาลคิดว่า "สมณศากยบุตรเป็นคนพูดจริง แต่สมณะรูปนี้กำลังเดินอยู่แท้ๆ กลับพูดว่า เราหยุดแล้ว" จึงตะโกนถามว่า "ดูก่อนสมณะ ท่านกำลังเดินอยู่ กลับบอกว่าหยุดแล้ว แต่ท่านก็ยังไม่หยุด ที่ท่านกล่าวถึงข้าพเจ้าผู้หยุดแล้วว่า ไม่หยุด การหยุดของท่านเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุดนั้น เป็นอย่างไร"

 

 

 

 

DhammaPP_13.jpg

               พระผู้มีพระภาคเจ้าตอบว่า "ดูก่อนองคุลิมาล เราวางอาชญาในสรรพสัตว์ได้แล้ว จึงชื่อว่า หยุดแล้ว ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย ชื่อว่า ยังไม่หยุด ถึงแม้ว่าท่านหยุดในบัดนี้ก็ดี แต่ท่านจะต้องวิ่งต่อไปในอบายภูมิในภายหน้า"    องคุลิมาลฟังดังนั้น คิดว่า เห็นทีสมณะนี้คงเป็นใหญ่ในโลก  ทรงเสด็จมาโปรดเรา จึงทิ้งดาบลงเหว แล้วทูลขอบรรพชากับพระพุทธองค์

 

 

DhammaPP_14.jpg

               พระพุทธองค์ตรัสว่า "ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด" เพียงเท่านั้นเพศฆราวาสพลันหายไป ไตรจีวรและอัฐบริขารเกิดขึ้นกับองคุลิมาลทันที เพราะท่านได้สั่งสมบุญในส่วนนี้มา  จากนั้นก็ตามเสด็จพระพุทธองค์กลับวัดพระเชตวัน

 

 

DhammaPP_15.jpg

               ขณะเดียวกันนั่นเอง พระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จออกจากกรุงสาวัตถีด้วยขบวนม้าประมาณ ๕๐๐ เข้าไปในพระอาราม เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลถึงพระราชกรณียกิจที่จะต้องไปปราบองคุลิมาล พระพุทธองค์ตรัสว่า "มหาบพิตร ถ้ามหาบพิตรทอดพระเนตรเห็นองคุลิมาลผู้ปลงผม และหนวดครองผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต ประพฤติพรหมจรรย์ มหาบพิตรจักพึงทำกับเขาอย่างไร"

 

 

DhammaPP_16.jpg

         พระเจ้าปเสนทิโกศลตรัสว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันพึงไหว้ พึงลุกรับ พึงเชื้อเชิญด้วยอาสนะ พึงบำรุงด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานเภสัชบริขาร หรือพึงจัดการรักษาคุ้มครองป้องกันอย่างเป็นธรรม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ องคุลีมาลนั้นเป็นคนทุศีล มีบาปธรรม จักมีความสำรวมด้วยศีลปานนี้เชียวหรือ"

 

 

DhammaPP_17.jpg

              พระพุทธองค์ทรงชี้นิ้วไปทางพระองคุลิมาลซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล พลางตรัสบอกว่า "มหาราช นั่นองคุลิมาล" พระราชาทรงตกพระทัย พระโลมชาติชูชัน เหล่าทหารที่ติดตามถึงกับขนลุกชูชัน สะดุ้งหวาดหวั่นไปตามๆ กัน พระบรมศาสดาตรัสว่า "อย่าทรงกลัวเลยมหาบพิตร องคุลิมาลเป็นผู้ไม่มีภัยต่อใครๆ อีกต่อไปแล้ว" เมื่อพระราชาทรงหายกลัวได้เสด็จเข้าไปสนทนากับพระเถระว่า "ท่านผู้เจริญ ขอพระคุณเจ้าจงบำเพ็ญสมณธรรมเถิด ข้าพเจ้าจักทำความขวนขวายในปัจจัย ๔ แด่พระคุณเจ้าเอง" พลางเปลื้องผ้าคาดเอวถวายพระองคุลิมาล

 

 

DhammaPP_18.jpg

               พระราชาตรัสชมเชยว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริงหนอ ที่พระพุทธองค์ทรงทรมานองคุลิมาลได้ ทรงยังบุคคลที่ใครๆ ให้สงบไม่ได้ ให้สงบได้ ทรงยังบุคคลที่ใครๆหยุดไม่ได้ ให้หยุดได้ เพราะหม่อมฉันไม่สามารถจะทรมานองคุลิมาลได้แม้ด้วยอาชญา แม้ด้วยศาสตรา แต่พระพุทธองค์ทรงทรมานได้ โดยไม่ต้องใช้อาชญา ไม่ต้องใช้ศัสตราใดๆ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันดีพระทัย จะขอทูลลาไปในบัดนี้"

 

DhammaPP_19.jpg

               เราจะเห็นว่า การที่บุคคลใดจะมีวีถีชีวิตที่สมบูรณ์ทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและเบื้องปลายนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก กว่าชีวิตจะก้าวข้ามพ้นอุปสรรค จากความทุกข์ยาก ไปสู่ความสุขอันเป็นอมตะนิรันดร์นั้น บางครั้งอาจเคยก้าวพลาดจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ต้องอาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นประทีปเอกของโลก ชีวิตจะก้าวไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย นั่นคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงทำให้พระองคุลิมาลหยุดได้ จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นเราต้องหมั่นฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง จะได้บรรลุธรรมกันทุก ๆ คน มาเล่าอย่างย่อ ๆ ให้ลูก ๆ ทุกคนได้รับฟังกัน พอที่จะเป็นเครื่องเจริญพุทธานุสติกันทุกคนนะจ๊ะ


 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. อังคุลิมาลสูตร เล่ม ๒๑ หน้า ๑๔๑

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล