Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน
ทำสิ่งแวดล้อมให้เป็นปฏิรูปเทส ตอน ๒
ความไม่ประมาทเป็นยอดแห่งธรรมทั้งปวง ใครก็ตามที่ดำรงตนอยู่ด้วยความไม่ประมาท ชีวิตของผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นอมต ไม่มีวันตายจากความดี แต่ใครที่ใช้ชีวิตอย่างประมาทมัวเมา ชีวิตของผู้นั้นก็เป็นเสมือนผู้ติดตายไปแล้ว เกิดมาก็เกิดมาเปล่าเพราะไม่มีสาระแก่นสารอะไร ความไม่ประมาทนี้ได้ชื่อว่า ครอบคลุมไว้ซึ่งความดีทุกประการ หากเรามีความไม่ประมาทและมีความตระหนักแน่นอยู่ในใจ เราก็จะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า ความไม่ประมาทของเรา จะทำให้ชีวิตเราสมบูรณ์ บริบูรณ์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งต้นแหล่งแห่งความไม่ประมาทก็คือ การมีสติอยู่ที่ศูนย์กลางกายตลอดเวลา มีใจหยุดนิ่งอยู่ในกลางพระธรรมกาย หากทำได้อย่างนี้ก็จะได้ชื่อว่า เป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาทเป็นชีวิตของผู้ประเสริฐอย่างแท้จริง
มีวาระพระบาลีที่มาในมงคลทีปนีว่า บริษัท ๔ ย่อมเที่ยวไป บุญกริยาวัตถุมีทานเป็นต้น ย่อมเป็นไป คำสอนของพระบรมศาสดามีองค์ ๙ ย่อมรุ่งเรืองในประเทศใด ประเทศนั้นที่ว่าประเทศอันสมควร การอาศัยอยู่ในประเทศอันสมควรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เป็นมงคล เพราะเป็นปัจจัยแห่งการทำบุญแห่งสัตว์ทั้งหลาย การได้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม นับว่าเป็นอุดมมงคลสำหรับชีวิต เพราะชีวิตจะเจริญรุ่งเรือง หรือว่าตกต่ำสภาพแวดล้อมรอบตัวเราน่ะมีส่วนอย่างสำคัญ
เหมือนต้นโพธิ์ต้นไทร หากปลูกไว้ในกระถางถึงจะไม่ตาย ก็กลายเป็นไม้แคะแกลน แต่ถ้านำไปปลูกในที่ดินดี มีบริเวณกว้างขวาง น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ก็โตวันโตคืน กลายเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาเต็มที่ จนให้ความร่มเย็นแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย สำหรับวิสัยของผู้ที่ชื่อว่าเป็นบัณฑิตมีสติปัญญาที่แท้จริงนะจ๊ะ จะอยู่ที่ไหนก็จะทำตรงนั้นให้เป็นปฏิรูปประเทส จะอยู่ทางโลกก็สามารถที่จะใช้ความคิดสร้างสรรค์ สร้างงานขึ้นมาเองให้เกิดเป็นโอกาสที่ดี แก่คนรอบข้างได้ด้วย ไม่มัวรอคอยโอกาสจากใครที่หยิบยื่นให้ แต่จะเป็นผู้หยิบยื่นโอกาสนั้นน่ะให้แก่คนอื่น
ดังตัวอย่างของมหาอุบาสิกาวิสาขา ซึ่งหลวงพ่อได้เล่าค้างเอาไว้เมื่อครั้งที่แล้ว ว่าท่านเป็นตัวอย่างของนักสร้างบารมี ฝ่ายหญิงชั้นแนวหน้า เป็นนักธุรกิจที่เป็นพระโสดาบันบุคคล เป็นผู้รักในการให้ทานเป็นชีวิตจิตใจ แม้จะอยู่ในสถานที่ไม่เอื้ออำนวยเลย แต่ท่านก็ใช้สติปัญญาพลิกผันชีวิตของคนรอบข้าง และสภาวะแวดล้อมให้เป็นปฏิรูปประเทส คือทำให้สถานที่และบุคคลในเหมาะสมต่อการสร้างความดีทุกชนิดได้อย่างน่าอัศจรรย์
เรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อท่านได้เข้าไปเป็นสะใภ้ของ มิคารเศรษฐีผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ ในช่วงแรก ก็ไม่มีโอกาสได้บำเพ็ญกุศลอะไรเลย เพราะพ่อของสามีและทุกคนในครอบครัว นับถือพวกนักบวชชีเปลือย ด้วยคิดว่าเป็นพระอรหันต์ ช่วงแรกท่านก็ตั้งใจทำหน้าที่ของสะใภ้ที่ดี ไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลย เครื่องบรรณาการต่างๆ ที่มีผู้นำมามอบให้ ท่านกระจัดสารปันส่วน เป็นบรรณาการตอบแทนแก่คนเหล่านั้น ท่านผูกสมัครสัมพันธไมตรีกับคนรอบข้าง ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน จนเป็นที่รักที่นับถือของคนทุกๆ คน มีอยู่วันหนึ่งมิคารเศรษฐี ได้ทำการฉลอง งานอาวาหมงคลแก่ลูกชาย ได้เชิญเหล่าชีเปลือยให้มันนั่งเต็มไปทั่วบริเวณบ้าน พร้อมกับส่งข่าวบอกลูกสะใภ้ว่า ขอให้มาไหว้พระอรหันต์ทั้งหลาย เนื่องจากวิสาขาเป็นอริยสาวิกาชั้นโสดาบัน พอได้ฟังคำว่าพระอรหันต์เท่านั้นแหละ ก็ร่าเริงยินดีตั้งใจว่าจะไปนมัสการพระอรหันต์ และถวายภัตตาหารแก่เนื้อนาบุญอันเลิศ ครั้นไปถึงกลับพบเห็นแต่เหล่าชีเปลือยผู้ไม่มียางอาย จึงตำหนิว่าคนเหล่านั้นน่ะ ไม่ใช่พระอรหันต์ แล้วก็ขอตัวกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม
เหล่าชีเปลือยได้ฟังนางกล่าวเช่นนั้น แล้วก็เกิดความไม่พอใจ ได้ตำหนิเศรษฐีว่า ท่านคหบดี หาหญิงคนอื่นมาเป็นสะใภ้ไม่ได้แล้วหรือ ทำไมจึงนำสาวิกาของพระสมณโคดม ให้เข้ามาอยู่ในบ้านของท่าน จงรีบขับไล่นางออกไปเสียจากบ้านหลังนี้เถิด ฝ่ายเศรษฐีคิดว่า ตัวเองน่ะไม่อาจที่จะขับไล่ลูกสะใภ้ ผู้เป็นลูกสาวของเศรษฐีใหญ่ประจำเมือง ให้ออกจากบ้านตามคำแนะนำของพวกชีเปลือยได้ จึงได้แต่กล่าวแก้ตัวแทนลูกสะใภ้ว่า ท่านอาจารย์ขึ้นชื่อว่าคนหนุ่มสาวทั้งหลาย ย่อมเป็นคนชอบทำอะไรน่ะตามใจตัวเอง ทำทั้งที่รู้บ้างไม่รู้บ้าง ขอพวกท่านอย่าได้ถือสาหาความนางเลย ท่านมิคารเศรษฐีได้เก็บความไม่พอใจลูกสะใภ้เอาไว้ เพราะกิจการงานบ้านทุกอย่าง นางวิสาขาก็ได้ทำอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จะบำรุงดูแลพ่อผัวแม่ผัว ก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่อง เพียงแต่ทิฏฐิในเรื่องการนับถือศาสนานั้นไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเหล่านักบวชชีเปลือยกลับไปแล้ว ท่านเศรษฐีก็ถือช้อนทอง ทานข้าวมธุปายาสในถาดทอง ด้วยความเอร็ดอร่อย ฝ่ายวิสาขาก็คอยอุปัฏฐากดูแลอยู่ใกล้ชิด
บังเอิญว่าในขณะนั้นน่ะ มีพระภิกษุรูปหนึ่งเดินบิณฑบาต ผ่านมาถึงประตูบ้านของเศรษฐี นางวิสาขาเห็นพระเถระมารับบาตร ก็คิดจะพิสูจน์ความศรัทธาของท่านเศรษฐีว่า จะเลื่อมใสในพระสงฆ์ ผู้เป็นบุญเขตอันเยี่ยมบ้างไหม แต่เศรษฐีแม้เห็นพระเถระ ก็ทำเป็นเหมือนไม่เห็น ก้มหน้าก้มตาบริโภคข้าวมธุปายาส ทำเป็นไม่สนใจพระที่มายืนอยู่หน้าบ้าน ท่านรู้ทันบิดาของสามีจึงเข้าไปหาพระเถระ และกล่าวเสียงดังว่า นิมนต์ไปข้างหน้าก่อนเถอะเจ้าค่ะ บิดาสามีของดิฉันกำลังกินของเก่า
เอาล่ะคราวนี้ เหตุการณ์ที่จะพลิกผันวิถีชีวิตของท่านเศรษฐี กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว คือ ท่านเศรษฐีนั้นน่ะคราวก่อน เวลาที่เหล่านิครนถ์ว่ากล่าว ตัวท่านก็ยังพออดกลั้นได้ แต่ในขณะที่ลูกสะใภ้กล่าวหาตนว่ากินของเก่า ความอดทนที่มีอยู่ก็หายไปหมด กลายเป็นความโกรธเคืองขึ้นมาแทน ก็วางช้อนทองตะโกนสั่งเรียกข้าทาสบริวารว่า พวกเจ้าจงนำข้าวมธุปายาสนี้ออกไป แล้วจงจับหญิงนี้ออกไป จากบ้านหลังนี้เดี๋ยวนี้ เพราะว่านางว่า เราเป็นพวกกินของเก่าที่ไม่สะอาด
แต่ว่าในนิเวศนั้นไม่ว่าจะเป็นข้าทาส หรือกรรมกรทั้งหมด เป็นบริวารสมบัติของนางสาขา แล้วก็เคารพนับถือท่านมาก จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาจับมือจับเท้าท่าน แม้แต่ผู้ว่ากล่าวห้ามปรามด้วยวาจา ก็ยังไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ย ทุกคนในบ้านอยู่ในอาการนิ่ง มหาอุบาสิกาวิสาขา ได้กล่าวกับพ่อสามีว่า พวกเราจะไม่ออกไปด้วยเหตุเพียงเท่านี้ดอก เพราะดิฉันก็ไม่ได้ถูกท่าน นำมาจากท่าน้ำเหมือนพวกกุมทาสี ธรรมดาว่าเหล่าธิดาของบิดามารดาผู้ยังมีชีวิตอยู่ จะไม่ออกไปด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ท่านได้เจรจากับพ่อสามีว่า ในวันที่ดิฉันมาบิดาของดิฉัน ก็ได้มอบดิฉันไว้ในความดูแลของกุฎุมพี ขอท่านพ่อ โปรดให้เรียกกุฏุมพีทั้ง ๘ มาให้ชำระความ ว่าเป็นความผิดหรือไม่ใช่ความผิดของดิฉันเถอะ เมื่อชำระเรื่องราวเสร็จแล้ว ดิฉันจึงจะขออำลากลับไปหาบิดามารดาเหมือนเดิม
วันนี้เวลาไม่พอ หลวงพ่อเขาเล่าค้างเอาไว้ถึงตรงนี้ก่อนนะจ๊ะ ส่วนว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร มหาอุบาสิกาวิสาขา จะสามารถทำบ้านของพ่อสามี ให้เป็นปฏิรูปประเทส เหมาะสมต่อการสั่งสมบุญได้อย่างไร เพราะดูเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้าน จะนำไปสู่ความแตกแยก และก็ยุ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ แม้ตัวท่านเองก็ยังถึงกับถูกขับไล่ ออกจากบ้านทีเดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวยังไม่จบ ก็จะเพิ่มด่วนสรุปกันซะก่อนก่อนนะจ๊ะ ยังมีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจอีกมากมาย ผลงานแห่งการทำหน้าที่กัลยาณมิตร และการสั่งสมบุญกุศลของท่านเป็นสิ่งที่ลูกๆ ควรจะรับรู้รับทราบเอาไว้ แล้วก็ให้มาติดตามฟังกันในวันต่อไป
มีข้อสังเกตุจากเรื่องนี้ว่า ไม่ว่าเราจะไปอยู่ที่ไหน ก็ต้องทำตัวให้เป็นที่รักของคนรอบข้าง แล้วก็ต้องสร้างสัมพันธไมตรีที่ดีกับทุกๆ คน อยู่ที่ไหนก็ให้ใครเขารัก เวลามีภัยหรือเกิดวิกฤตคับขันธ์อะไรขึ้นมา ก็จะได้มีผู้ช่วยปกป้องคุ้มครอง หรืออย่างน้อยก็สามารถเอาตัวรอดได้ อย่างนี้ท่านเรียกว่า เริ่มสร้างปฏิรูประเทสให้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว ดังนั้นลูกๆของหลวงพ่ออย่าลืมทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้สมบูรณ์กันนะจ๊ะ ให้หันไปรอบทิศมีแต่มิตรรอบตัว แล้วเป็นทั้งต้นบุญต้นแบบที่ดี ของชาวโลกกันทุกคน เราก็จะได้บุญติดตัวไป ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้ากันทุกคนนะจ๊ะ
พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)