อานิสงส์บริจาคเครื่องประดับสร้างเจดีย์

วันที่ 16 พย. พ.ศ.2558

อานิสงส์บริจาคเครื่องประดับสร้างเจดีย์
 

อานิสงส์บริจาคเครื่องประดับสร้างเจดีย์

 

     บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต เป็นประดุจจินดามณี แก้วสารพัดนึกที่บันดาลความสำเร็จให้กับเราได้ทุกๆ อย่าง นึกอยากจะได้อะไรก็สำเร็จอย่างง่ายดายเป็นอัศจรรย์ บุญกุศลที่เราได้ทำไว้อย่างดีแล้ว จะเป็นเครื่องสนับสนุนให้ได้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิต เราจะเข้าถึงความเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องบังเกิดขึ้นได้ก็เพราะบุญ ฉะนั้นบุญจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิต ยิ่งถ้าหากเราหมั่นชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เป็นประจำ ก็จะเป็นเหตุให้เราได้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต คือเข้าถึงพระธรรมกายได้อย่างรวดเร็ว


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า
 
     
“ผู้ได้ทำบุญไว้อย่างดีแล้ว ย่อมเพลิดเพลินในโลกนี้ ละโลกนี้ไปแล้ว
ก็มีความเพลิดเพลินในโลกหน้า เขาย่อมเพลิดเพลินในโลกทั้งสอง
เพราะมองเห็นว่า เราได้สั่งสมบุญไว้อย่างดีแล้ว ย่อมเพลิดเพลินในสุคติโลกสวรรค์ยิ่งขึ้นไป”


     บุญกุศลที่เราสั่งสมเอาไว้อย่างดีแล้ว จะทำให้เรามีความสุขสมปรารถนาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า อีกทั้งยังเป็นพลังแห่งความดี พลังใจให้เรามุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางคืออายตนนิพพานได้อีกด้วย เป็นเหมือนเงาติดตามตัวเราไปตลอดเวลา เราจะใช้เมื่อไรก็ใช้ได้ บุญมีลักษณะที่พิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือ เมื่อตามระลึกนึกถึงบุญบ่อยๆ บุญนั้นจะเพิ่มทับทวีขึ้น เมื่อมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจการงาน การไปทำหน้าที่กัลยาณมิตร เราก็อธิษฐานจิตนึกถึงบุญของเรา ให้มาช่วยในการแก้ไขปัญหา เราก็จะสามารถเอาชนะอุปสรรคที่เกิดขึ้น เปลี่ยนจากวิกฤติมาเป็นโอกาสได้ 
 
     ผู้มีบุญนี้จะเป็นทางมาแห่งสิริมงคล เป็นที่มานอนแห่งโภคทรัพย์สมบัติทั้งหลาย สมบัติต่างๆ จะหลั่งไหลเข้ามาหา ให้ได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย ส่วนผู้มีบุญน้อย มีความตระหนี่อยู่ในใจ ความตระหนี่ก็จะผลักสมบัติออกจากตัว นำเอาความวิบัติเข้ามาแทนที่ ทำอะไรก็พบแต่ปัญหาและอุปสรรคมากมาย หรือเมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องมัววิ่งหาทรัพย์ บางคนหมดเวลาไปกับการแสวงหาเงินทองเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จนแทบไม่มีโอกาสได้สั่งสมบุญเลย ชีวิตจึงไม่ต่างไปจากนกกา ที่ตื่นขึ้นมาก็ต้องโผบินออกแสวงหาอาหาร พอตกเย็นก็กลับรัง
 
     บางท่านเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะรํ่ารวย แต่ถ้าหากบุญเก่าหมด สมบัติที่พ่อแม่หามาให้ใช้เกิดวิบัติไปก็มี คือมีเหมือนไม่มี เพราะนำไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ บางครั้งสมบัติกลับกลายเป็นก้อนหินดินทรายไปเสียอย่างนั้น  ต้องคอยให้ผู้มีบุญช่วย จึงจะได้ใช้สมบัตินั้น
 
     * มีเรื่องเล่าว่า เมื่อผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะเสด็จดับขันธปรินิพพาน มหาชนอยากบูชาพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์ จึงช่วยกันบริจาคเงินทองทำบุญอย่างเต็มที่ โดยไม่มีความตระหนี่ ทุกคนตั้งใจว่าจะสร้างเจดีย์ทองสูงหนึ่งโยชน์ ไว้ให้มนุษย์และเทวามากราบไหว้บูชา จะได้มีสุคติสวรรค์เป็นที่ไป สมัยนั้น มีหนูน้อยคนหนึ่งได้ไปดูการก่อสร้างพระเจดีย์กับมารดา เห็นมหาชนกำลังกุลีกุจอช่วยกันสร้างพระเจดีย์ ก็เกิดอยากช่วยเขาทำบ้าง จึงได้บริจาคเครื่องประดับเล็กๆ ที่ทำด้วยทองคำ
 
     มารดาเห็นลูกมีศรัทธาเช่นนั้นก็อนุโมทนาในความตั้งใจดีของหนูน้อย ที่รู้จักทำบุญให้ทานตั้งแต่เด็ก หนูน้อยปลดเอาสร้อยคอทองคำไปให้ช่างทอง เพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งของอิฐทองคำสำหรับก่อองค์พระเจดีย์ ด้วยอานิสงส์แห่งความเลื่อมใสและได้ถวายเครื่องประดับทองคำในครั้งนั้น เมื่อละโลกไปแล้ว ทำให้หนูน้อยได้ไปบังเกิดในเทวโลก มีวิมานทองสว่างไสวเสวยทิพยสมบัตินานถึง ๑ กัป  ครั้นมาในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา นางได้มาเกิดในหมู่บ้านนาลกะ มีชื่อว่า
เสสวดี
 
     อยู่มาวันหนึ่ง มารดาได้ส่งนางไปซื้อน้ำมันที่ตลาด นางได้พบพ่อค้าคนหนึ่ง ซึ่งเอาทรัพย์สมบัติที่แต่เดิมเป็นเพชรนิลจินดา แต่บัดนี้กลายเป็นกระเบื้อง กรวด หิน ดินทรายเอามากองรวมกันไว้ เพื่อทดสอบว่าเงินและทองเหล่านี้อาจจะเป็นของผู้มีบุญคนใดคนหนึ่ง นางเห็นพ่อค้าซึ่งเป็นบุตรของเศรษฐีเก่าจึงถามว่า “ทำไมท่านจึงเอาเพชรนิลจินดามากองไว้ที่ตลาดอย่างนี้ล่ะ ท่านควรจะเอาไปเก็บไว้ที่ๆ ปลอดภัยกว่านี้”
 
     พ่อค้าเมื่อได้ฟังดังนั้นก็รู้ว่า นางผู้นี้เป็นคนมีบุญ สมบัติทั้งหมดนี้กำลังรอ นางผู้มีบุญมาใช้ พ่อค้าจึงให้นางหยิบเศษกระเบื้อง หิน ดิน ทรายขึ้นมาดู ของทุกอย่างที่นางหยิบจับ ก็กลายเป็นแก้วแหวนเงินทองรัตนชาติเพชรนิลจินดาต่อหน้าต่อตาทันที บุตรเศรษฐีจึงไปหามารดาของนาง เพื่อขอแต่งงานกับนางนั้น แล้วได้มอบทรัพย์เป็นอันมากแก่มารดาของนาง
 
     ตั้งแต่นางผู้เป็นภรรยามาอยู่บ้านท่านเศรษฐี สมบัติทั้งหมดก็กลับบริบูรณ์ขึ้นมาใหม่ สามีของนางได้พานางไปเปิดห้องคลังแล้วถามว่า “เธอเห็นอะไรในห้องคลังนี้บ้างไหม” ภรรยาตอบว่า “เห็นสมบัติแก้วแหวนเงินทองมากมาย” ทันทีที่นางกล่าวจบ บุตรเศรษฐีก็ได้เห็นเช่นที่นางกล่าวทุกอย่าง จึงบอกนางว่า "สมบัติเหล่านี้กลายเป็นถ่าน เพราะว่าพี่ไม่มีบุญพอที่จะได้ใช้สอย แต่บังเกิดขึ้นมาใหม่ด้วยอานุภาพแห่งบุญของน้อง ตั้งแต่นี้ไป น้องคนเดียวจงดูแลสมบัติทั้งหมดในเรือนนี้ และนำไปทำบุญกุศลตามความชอบใจเถิด"
 
     เสสวดีเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต หมั่นทำทานสั่งสมบุญเพื่อเป็นเสบียงในการเดินทางไกลข้ามวัฏสงสารอยู่เป็นประจำมิได้ขาด เมื่อทราบข่าวการปรินิพพานของพระสารีบุตรเถระ จึงคิดจะไปกราบท่าน นางให้คนรับใช้ถือผอบเต็มไปด้วยดอกไม้ทองคำและของหอม พากันเดินทางฝ่าฝูงชนเข้าไป 
 
     บังเอิญว่าในวันนั้น มีช้างตกมันตัวหนึ่ง วิ่งเข้ามาในท่ามกลางฝูงชน เมื่อชาวบ้านเห็นช้างตกมัน ต่างพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด ทำให้เกิดความชุลมุน นางเสสวดีถูกผลักล้มลงบนพื้นดิน ถูกคนเหยียบจนกระทั่งเสียชีวิต แต่ด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระเถระผู้เป็นพระอรหันต์ ทำให้นางได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีนางอัปสรหนึ่งพันเป็นบริวาร
 
     เมื่อนางได้เป็นเทพธิดา เห็นทิพยสมบัติมากมายของตนเอง ก็บังเกิดความปีติปราโมทย์ใจ นางรู้ว่าทิพยสมบัติเหล่านี้ ได้มาเพราะความเลื่อมใสในพระเถระ ก็ทำให้มีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยยิ่งขึ้น จึงลงมาถวายบังคมพระบรมศาสดา ทำให้ในคํ่าคืนนั้นวัดพระเชตวันสว่างไสวเป็นพิเศษ นางลงมาพร้อมด้วยวิมาน และทิพยสมบัติที่บังเกิดขึ้น ได้เข้าไปถวายบังคมพระบรมศาสดา
 
     พระวังคีสะซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ได้ถามนางว่า "ดูก่อนเทพธิดาผู้เลอโฉม วิมานของท่านมุงด้วยแก้วผลึก ข่ายเงินและข่ายทองคำ มีพื้นวิจิตรสวยงามน่ารื่นรมย์ เป็นภพที่น่าอยู่ มีซุ้มประตูสำเร็จด้วยแก้ว ๗ ประการ ที่ลานวิมานเรี่ยรายไปด้วยทรายทอง ส่องแสงระยิบระยับไปทั่วทิศ เหมือนพระอาทิตย์บนท้องฟ้ามีรัศมีตั้งพัน กำจัดความมืดทำให้อากาศสว่าง
 
     วิมานของท่านส่องแสงเหมือนดวงแก้วมณีโชติรส ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนรัตนบรรพต เป็นวิมานที่ลอยอยู่ในอากาศ ก้องกังวานไปด้วยเสียงดนตรีไพเราะ ประโคมอยู่ตลอดเวลามิได้ขาด สุทัสนเทพนครอันเป็นเมืองของพระอินทร์ มั่งคั่งไปด้วยสมบัติอันเป็นทิพย์ฉันใด วิมานของท่านนี้ก็เป็นฉันนั้นเหมือนกัน หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ ชูช่อออกดอกออกผลห้อยระย้าเกาะก่ายกันลงมา คล้ายกับข่ายของแก้วมณี ต้นไม้ ดอกไม้ และผลไม้ รุกขชาติที่มีอยู่ในเมืองมนุษย์ ตลอดจนพรรณไม้ทิพย์ประจำเมืองสวรรค์ ก็ได้มีพร้อมอยู่ใกล้วิมานของท่าน ท่านทำบุญอะไรไว้ ถึงได้มีวิมานใหญ่โตสว่างไสวเช่นนี้" เทพธิดาจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้พระเถระฟังต่อพระพักตร์ของพระบรมศาสดา ด้วยจิตใจที่ปีติเบิกบานอยู่ในบุญ
 
     การทำความดีเป็นสิ่งมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์  เพราะบุญเท่านั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตของเรา ให้สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ ถ้าเปรียบร่างกายของเราก็คล้ายกับรถยนต์ จะขับเคลื่อนวิ่งไปได้จำเป็นต้องอาศัยเชื้อเพลิงคือน้ำมัน ถึงจะแล่นไปได้ และก็ต้องมีผู้ขับคือจิตใจ มีเป้าหมายปลายทางคืออายตนนิพพาน ในขณะที่รถวิ่งไปถ้าไม่มีสติคอยระมัดระวัง รถอาจจะวิ่งออกไปนอกทางหรือชนสิ่งต่างๆ ได้ เหมือนจิตใจของเรา บางครั้งมีกุศลและอกุศลผ่านเข้ามา เราต้องมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวอยู่เสมอ คอยระมัดระวังไม่ให้ออกนอกเส้นทางแห่งความดี เส้นทางธรรม และต้องมีญาณทัสสนะที่แจ่มใส เหมือนคนขับรถต้องมีสายตาที่แจ่มใสมองไปได้ไกลๆ จึงจะสามารถขับรถแล่นไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย 
 
     เพราะฉะนั้น นอกจากทานบารมีที่เราต้องสั่งสมเพื่อเป็นเสบียงในการเดินทางแล้ว ก็ให้รู้จักรักษาศีล และทำสมาธิ เจริญภาวนาควบคู่กันไป จะได้มีธรรมะเป็นที่พึงที่ระลึกภายใน ได้รู้แจ้งเห็นแจ้งไปตามความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งหลาย การเดินทางไกลไปสู่อายตนนิพพานก็จะเป็นไปโดยสะดวกและปลอดภัยมีความสุข  ดังนั้น ให้หมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งทุกๆ วัน จนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกายภายในกันทุกๆ คน  


พระธรรมเทศนาโดย : พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) 
* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๒๙๔
  

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.055976100762685 Mins