สาเหตุที่ตรัสชาดก พระทศพลเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งซึ่งว่ายาก ตรัสว่า แม้ในกาลก่อนเธอก็เป็นผู้ว่ายากมาแล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้..
ในอดีต มีอาจารย์กับศิษย์คู่หนึ่งเดินทางเข้าป่าถูกโจรป่า 500 คนจับได้ โจรจับอาจารย์แล้วปล่อยศิษย์ให้ไปหาค่าไถ่ตัวมา ศิษย์ผู้รอบคอบเห็นว่าอาจารย์มีมนต์วิเศษเรียกทรัพย์ได้เพราะบุญเก่าในอดีต จึงเกิดกังวลใจ เข้าไปกระซิบเตือนอาจารย์ว่า..
"ท่านอาจารย์ ผมไปสองสามวันเท่านั้นนะครับ แล้วจะรีบไปหาเงินมาไถ่ตัว ขออาจารย์ได้โปรดอดทนหน่อยเถิด อย่าได้ใช้มนต์เรียกทรัพย์เป็นอันขาดนะอาจารย์ โปรดทำตามคำขอร้องของผมด้วยเถิด ไม่อย่างนั้นจะถูกโจรพวกนี้ฆ่าแน่เลยครับ"ศิษย์รีบจากไปหาเงินมา ฝ่ายโจร 500 ก็มัดอาจารย์ให้นอนกระแซ่วอยู่ใต้ต้นไม้ ค่ำคืนนี้ พระจันทร์เต็มดวงพอดี ทันทีที่พระจันทร์โผล่พ้นขอบฟ้า อาจารย์ก็พลันคิดขึ้นได้ว่า..
"วันนี้เป็นฤกษ์ของมนต์พอดี ในเมื่อไอ้โจรพวกนี้มันต้องการทรัพย์ แล้วเราก็เรียกทรัพย์ได้ทำไมจะต้องมาทนลำบากอย่างนี้เล่า เรานี่โง่จริงๆ!"
อาจารย์เรียกโจรมาให้ปล่อยตน แล้วร่ายมนตร์เรียกฝนรัตนชาติตกลงมา พวกโจรพากันร่าเริงกอบโกยทรัพย์แล้วจากไปส่วนอาจารย์ได้รับอิสระแล้วก็เดินตามหลังโจรไปห่างๆ"เผอิญระหว่างทางพบโจร 500 อีกกลุ่ม ดักปล้น วิ่งออกมาจับโจร 500 ชุดแรกไว้ พวกโจรชุดแรกกลัวตายจึงบอกว่า..
"นี่ๆ! ชายแก่ข้างหลังพวกเรามันเรียกทรัพย์ได้ ทรัพย์ทั้งหมดนี้ก็ได้มาจากมันนั่นแหละ!"โจรชุดใหม่จึงปล่อยโจรชุดเก่าไป แล้วคุมตัวชายแก่มาข่มขู่ให้เรียกทรัพย์ แต่ชายแก่กลับกล่าวว่า..
"เราสามารถเรียกทรัพย์ให้พวกท่านได้แน่ มิต้องห่วง! แต่ต้องรอฤกษ์อีก 1 ปี!"พวกโจรโกรธ ตวาดว่า..
"ถุย! เจ้าชาติชั่ว ทีคนอื่นละก็ แกเรียกฝนเงินฝนทองให้ได้ ถึงคราวพวกข้ามา บอกให้คอยตั้งปี อย่าอยู่เลย!"
หัวหน้าโจรเอาดาบฟันชายแก่ขาดสองท่อน แล้วรีบวิ่งตามไปฆ่าฟันพวกโจรชุดเก่าที่ปล่อยไป จนชิงทรัพย์กลับมาได้ทั้งหมด
3 วันต่อมา ศิษย์กลับมาที่เดิม เห็นแต่ทรัพย์กระจัดกระจายเกลื่อนกลาด จึงคาดเดาเหตุการณ์ได้ทันที อุทานออกมาอย่างสลดใจว่า..
"อาจารย์ไม่เชื่อคำเราเสียแล้ว.. คงจะเรียกทรัพย์ลงมาแน่ แบบนี้แล้ว ทุกคนก็ต้องตายกันหมดทีเดียว"
ศิษย์บัณฑิตเดินตามหาอาจารย์ไปตามทางสักพักก็เห็นอาจารย์ถูกตัดขาด 2 ท่อน จึงเก็บฟืนมากองเป็นเชิงตะกอนเผาอาจารย์บูชาด้วยดอกไม้ป่า แล้วเดินต่อไปอีกก็เห็นโจร 500 คนนอนตายเกลื่อนกล่น เดินต่อไปอีกก็เห็นโจรอีก 498 คน นอนตายกระจัดกระจายเรื่อยไปตามทางจึงคาดเหตุการณ์ทั้งหมดได้ชัดเจน รำพึงว่า..
"คนที่ตายทั้งหมดมีหนึ่งพันหย่อนไปสองคน ต้องมีโจรอีก 2 คนแน่นอน ถึงอย่างไรทั้งสองก็คงไม่รอดอยู่ดี เอ..แล้วสองคนนั้นไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ"
พอเดินต่อไปสักพักก็เห็นกองทรัพย์มัดเป็นถุงๆ คนหนึ่งตายคร่อมถาดข้าว ก็คาดการณ์รู้ได้ทันทีว่า โจร 500 คนนี้ฆ่าโจรชุดก่อนไป 500 คนแล้วโลภในทรัพย์ฆ่ากันเองตายไปตลอดทางจนเหลือแค่ 2 คน ทั้งสองมาตกลงแบ่งทรัพย์กัน ถาดข้าวนั้นมียาพิษแน่ แต่อีกคนไปตายอยู่ที่ไหนกันจึงเดินหาไปพบศพอยู่ที่คูข้างทาง ที่แท้โจรนี้ไปหาข้าวมาให้อีกคนแล้วถูกดักฆ่า บุรุษหนุ่มจึงประกาศก้องไปทั่วทั้งป่าว่า..
"อาจารย์เราพยายามในเรื่องที่ไม่สมควรโดยแท้ ตนเองต้องถึงความพินาศยังไม่พอ ยังเป็นเหตุให้คนอื่นพินาศตามไปอีกนับพัน ผู้ใดปรารถนาประโยชน์แก่ตนแล้วไซร้ แต่ไม่คิดให้รอบคอบถ้วนถี่ ตนนั่นแหละ! จะทำลายตนแล้วยังทำลายคนอื่นให้ย่อยยับไปด้วย"
เสียงเทวดาสาธุการดังลั่นป่า หมู่เทวาพากันเลื่อมใสชายหนุ่มผู้นี้ ชายหนุ่มนำทรัพย์กลับบ้านมาทำบุญตราบสิ้นอายุขัย ได้ไปสู่สวรรค์รอลงมาสร้างบารมีสืบไป..
ประชุมชาดก
พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ในครั้งนั้นได้มาเป็นภิกษุว่ายากในบัดนี้ส่วนลูกศิษย์มาเป็นตถาคตแลจากชาดกเรื่องนี้ เมื่อมีความบกพร่องทางปัญญาย่อมนำความเสียหายมาให้ไม่มากก็น้อยถ้ารอบคอบมากความเสียหายก็น้อย หากขาดความรอบคอบ เป็นคนมักง่ายความเสียหายก็เกิดขึ้นมากจนทำให้เดือดร้อนไปกันหมด ดังนั้น การสร้างนิสัยแห่งปัญญาบารมีจึงเป็นการปกปิดความเสียหายที่เกิดแก่ตนและหมู่คณะ หากคนในหมู่คณะมีนิสัยแห่งปัญญาบารมีกันเป็นจำนวนมาก ความผิดพลาดเสียหายก็เกิดขึ้นน้อย ความเจริญรุ่งเรืองก็ไปได้รวดเร็ว การหมั่นพินิจพิจารณาจะทำให้เกิดความรอบคอบ และรอบรู้ในเหตุการณ์ เป็นการเพิ่มพูนปัญญาส่วนความมักง่ายกลับกลายเป็นข้าศึกของการสร้างปัญญาบารมีอย่างร้ายกาจ"นิสัยไม่มักง่าย, หมั่นพินิจพิจารณาเหตุการณ์, คิดกาลข้างหน้าได้ไกล และมีวิสัยทัศน์"ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในปัญญาบารมี
-----------------------------------------------
SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี
กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย