สืบเนื่องมาจากการที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ตั้งมโนปณิธานบวชตลอดชีวิตเหนือผืนน้ำ คลองบางนางแท่น ด้วยเหตุนี้คลองบางนางแท่นจึงจัดเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งในชีวิตของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ดังนั้น คณะศิษยานุศิษย์ของท่านนำโดยพระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย) จึงร่วมใจกันสถาปนามหาวิหารพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) ขึ้นในบริเวณริมคลองบางนางแท่น อ.สามพราน จ.นครปฐม เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้น โดยจัดให้มีพิธีตอกเสาเข็มมงคล “สุวรรณรัตนอินทขิล” ซึ่งเป็นเสาเข็มต้นแรกของมหาวิหารแห่งนี้ ในวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)บริเวณคลองบางนางแท่น เป็นอนุสรณ์สถานหลวงปู่แห่งที่ ๗ ซึ่งเป็นแห่งสุดท้ายบนเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
ที่ผ่านมา คณะศิษยานุศิษย์พระเดชพระคุณหลวงปู่ร่วมกันสถาปนาอนุสรณ์สถานพระมงคลเทพมุนีมาแล้ว ๖ แห่ง ในบริเวณสถานที่เกิดด้วยรูปกายเนื้อพระเดชพระคุณ-หลวงปู่ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี, สถานที่เกิดในเพศสมณะ วัดสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี,สถานที่เกิดด้วยกายธรรม วัดโบสถ์บน บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี, สถานที่เผยแผ่วิชชาธรรมกายครั้งแรก วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม, สถานที่ค้นคว้าและเผยแผ่วิชชาธรรมกาย วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร และ สถานที่ขยายวิชชาธรรมกาย วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เมื่อนับจากวันที่ตอกเสาเข็มต้นแรกสถาปนามหาวิหารพระมงคลเทพมุนีแห่งแรก ณ วัดพระธรรมกาย ในวันมาฆบูชา ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ มาจนถึงวันตอกเสาเข็มต้นแรกมหาวิหารพระมงคลเทพมุนีที่อนุสรณ์สถานแห่งสุดท้าย คณะศิษยานุศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ก็ต้องรอคอยนานถึง ๑๙ ปี
อีกไม่นาน เมื่ออนุสรณ์สถานแห่งนี้สร้างเสร็จแล้ว จะมีการอัญเชิญรูปหล่อทองคำพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) องค์ที่ ๘ที่เราร่วมกันหล่อเมื่อวันทอดกฐินที่ผ่านมา (๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) มาประดิษฐานไว้ในมหาวิหารให้มนุษย์และเทวดาเคารพสักการะต่อไป พร้อมทั้งจะอัญเชิญหัวเรือกับท้ายเรือประวัติศาสตร์ลำที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ตั้งมโนปณิธานบวชตลอดชีวิตบริเวณคลองบางนางแท่นมาประดิษฐานไว้ด้วย
ต่อไป เมื่อสาธุชนทั้งหลายเดินทางมาถึงอนุสรณ์สถานพระมงคลเทพมุนี และได้ทราบถึงมโนปณิธานของพระเดชพระคุณหลวงปู่ ที่ตัดสินใจบวชอุทิศชีวิตแด่พระพุทธศาสนา ด้วยเล็งเห็นความไม่มีสาระของการครองเรือนใจของพวกเขาก็จะเกิดความเลื่อมใสพระภิกษุในพระพุทธศาสนามากขึ้น และจะมีความรักความศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาบ้าง ส่วนผู้ที่ไม่สามารถบวชได้ก็จะอยากปฏิบัติตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ และอยากปฏิบัติธรรม
ให้เข้าถึงพระธรรมกายเช่นเดียวกันกับท่าน
สำหรับพระภิกษุ-สามเณรที่ได้มาเยือนอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ก็จะเกิดกำลังใจที่จะอุทิศชีวิตนี้มอบแด่พระพุทธศาสนาดังเช่นหลวงปู่หรืออย่างน้อยก็ตั้งใจที่จะดำเนินชีวิตสมณะที่งดงามตามอย่างท่านต่อไป
สำหรับในอนาคต อนุสรณ์สถานแห่งนี้จะเป็นหลักฐานยืนยันการมีอยู่จริงของพระเดชพระคุณหลวงปู่ต่ออนุชนรุ่นหลัง และจะเป็นหลักฐานแห่งการสร้างบารมีของท่าน ที่ตั้งมโนปณิธานบวชตลอดชีวิตตั้งแต่อายุเพียง ๑๙ ปี ซึ่งยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน และเมื่อได้บวชแล้ว ก็ครองเพศสมณะได้อย่างงดงามจนตลอดชีวิตตามที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ และที่สำคัญยิ่งก็คือ ท่านตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมจนกระทั่งค้นพบวิชชาธรรมกายของพระ-สัมมาสัมพุทธเจ้า และเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปอย่างกว้างขวาง จนพลิกผันชีวิตของผู้คนจำนวนมหาศาลให้สามารถเข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้
อนุสรณ์สถานแห่งนี้ยังเป็นหลักฐานให้อนุชนรุ่นหลังตระหนักถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของพุทธศาสนิกชนในยุคนี้ที่สละกำลังกาย กำลังสติปัญญา และกำลังทรัพย์ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลาน นอกจากนี้ยังเป็นหลักฐานแห่งความกตัญญูของคณะศิษยานุศิษย์ที่มีต่อมหาปูชนียาจารย์ และยังถือเป็นแบบอย่างของการบูชาบคุ คลที่ควรบชู า อันจะนำมาซึ่งมงคลอันสูงสุดแก่ชีวิต
ที่สำคัญ ยุคใดสมัยใดก็ตามที่ผู้มีบุญจากทั่วโลกเดินทางมาแสวงบุญตามรอยเส้นทางพระผู้ปราบมาร แล้วเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างบุญ สร้างบารมี ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายเช่นเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ และได้พบความสุขที่แท้จริงอันเกิดจากการเข้าถึงพระธรรมกายภายในแล้วช่วยกันเผยแผ่วิชชาธรรมกายออกไปสู่มหาชนชาวโลก วิชชาธรรมกายก็จะได้รับการสานต่อรุ่นแล้วรุ่นเล่า พระพุทธศาสนาก็จะมั่นคงเป็นปึกแผ่น และเป็นที่พึ่งของมวลมนุษยชาติต่อไปตราบนานเท่านาน ดังนั้นผู้ที่มีส่วนร่วมในการหล่อรูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงปู่ผู้สถาปนาอนุสรณ์สถานฯ และสถาปนาเส้นทางพระผู้ปราบมาร ก็จะได้บุญติดตัวไปอย่างมหาศาลนับภพนับชาติไม่ถ้วน ในฐานะที่เป็นผู้สถาปนาสิ่งดีงามนี้ให้เกิดขึ้นบนโลกของเรา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ประสานงานภาคที่ท่านสังกัด