ทำดีได้ดีจริงหรือ
ไม่ว่ายุคสมัยใด หากใครก็ตามเผชิญสิ่งที่รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับตนเองแล้ว มักจะคิดว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" เพราะว่าคิดจะทำอะไรแล้ว ให้ผลดีออกเร็ว ๆ และไปจับประเด็นว่า คนที่ทำชั่วได้ดีกว่าตนเอง ซึ่งถ้าดูกันให้ตลอดแล้ว ภายนอกคนชั่วดูเหมือนสบายแต่ในใจนั้น หวาดระแวงอยู่ตลอดเวลาว่า ตัวเองจะโดนลอบทำร้าย จะโดนตำรวจจับเมื่อไรก็ไม่รู้เพียงแต่ดีขึ้นมาช่วงหนึ่ง แต่ต้องเสี่ยงตายไปตลอดชาติ
การสอนลูกให้เชื่อมั่นในเรื่องการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จำเป็นต้องปลูกฝังตั้งแต่เด็กเพราะหากเด็กไม่มั่นใจในเรื่องนี้แล้ว ความไม่มั่นใจในเรื่องการทำความดีเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็อาจเกิดขึ้นได้ และอาจเลยเถิดไปถึงขั้นการทำความดีเป็นเรื่องของคนโง่ อย่างที่เราเห็นผู้ใหญ่หลาย ๆ คนเป็นอยู่ตอนนี้
แต่ปัญหาก็อยู่ตรงที่ว่า พ่อแม่เกิดความมั่นใจหรือยังว่า ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่วถ้ายังไม่แน่ใจในเรื่องนี้นัก ก็ขอยกเรื่องหนึ่งมาเล่าเป็นข้อคิดให้ฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งมีโยมคนหนึ่งมาถามหลวงพ่อที่เคารพรักว่า
"หลวงพ่อครับ เราทำดีแล้ว จะได้ผลดีจริงหรือ ผมเห็นเพื่อนหลายคนทำความดีแต่ไม่เห็นจะได้ดีอะไร "
หลวงพ่อท่านก็ตอบว่า "โยม...อย่าเสียเวลาสงสัยอยู่เลย ความจริงเรื่องกฎแห่งกรรมนี้ผู้รู้เขาได้พิสูจน์กันมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว แต่ที่คนส่วนมาก รวมทั้งคุณด้วยยังสงสัยอยู่ เพราะเป็นคนประเภทที่ใจร้อน ทำอะไรลงไปแล้วก็อยากจะรู้ผลทันที จนลืมนึกถึงหลักความจริงบางอย่างไป
อาตมาจะยกตัวอย่างให้ดูง่าย ๆ เช่น ถ้าเราเอาหน่อกล้วยมาปลูกวันนี้ ถามว่าจะได้กินกล้วยวันนี้ไหม ก็ตอบได้ว่ายัง ต้องรอไปโน่น..เกือบปีแน่ะ แล้วในระหว่างที่รออยู่นั้นก็ยังต้องขยันหมั่นรดน้ำพรวนดิน ต้องดูแลป้องกันโรคอีกด้วย ไม่อย่างนั้นพอครบปีอาจจะได้กินกล้วยเหมือนกัน แต่เป็นกล้วยผลผอม ๆ แกร็น ๆ ไม่ได้เต็มหวีเต็มเครือเหมือนของชาวบ้านเขา
แล้วถ้าถามว่าในระหว่างนั้นไม่ได้ผลอะไรเลยหรือ ก็ตอบว่า...ได้ ได้ตั้งแต่วันปลูกนั่นแหละ คือพอปลูกเสร็จก็ได้รับผลดีระดับต้น คือได้ความสบายใจว่า เราได้ทำงานถูกต้องตามฤดูกาลแล้ว และในระหว่างนั้นก็ยังได้ผลตามมาอีกเป็นลำดับ ๆ ตั้งแต่ได้ใบตองมาห่อขนมได้หัวปลีมาจิ้มน้ำพริกกิน แต่ก็ยังไม่ได้กินผลกล้วยสักที ต้องรอถึงปลายปีโน่นแน่ะ
ผลดีระดับที่ 1 เวลาทำความดีก็เช่นกัน ทันทีที่ทำเสร็จ ไม่ว่าจะมีใครเห็นหรือไม่ก็ตาม เราก็ได้รับผลดีในขั้นต้นทันที คือได้รับความสบายใจว่าเราได้ทำความดีแล้ว
ผลดีระดับที่ 2 เมื่อเราทำความดีซ้ำแล้วซ้ำอีกติดต่อกัน ผลแห่งความดีในระดับที่ 2 ก็จะตามมา คือบุคลิกจะดีขึ้น อุปมาเหมือนกับได้ใบตองมาห่อของห่อขนมนะ
ผลดีระดับที่ 3 ครั้นทำซ้ำอีกต่อไปเป็นแรมเดือนแรมปี ผลแห่งความดีในระดับที่ 3 จึงจะออก คือไม่ว่าจะหยิบจะทำอะไรก็รู้สึกว่าจะมีโชค มีลาภ หรือคล่องตัวขึ้น ทำงานการสำเร็จทุกอย่าง อุปนิสัยใจคอก็ดีขึ้นจนผิดสังเกต อุปมาเหมือนได้หัวปลีมากินอย่างนั้นแหละ
ผลดีระดับที่ 4 ถ้าทำซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ยอมหยุดยั้ง ผลแห่งความดีที่ตามมา คือเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในสังคม
เราปลูกกล้วย กว่าจะได้กินผลของมัน ยังต้องรอเป็นปี การทำความดีกว่าจะเห็นผลจนสังคมยอมรับ ก็เป็นธรรมดาต้องอาศัยเวลาเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอย่าใจร้อน
คนส่วนมากเวลาทำความดีมักเข้าข้างตนเอง อยากให้ความดีส่งผลเร็วทันใจส่วนความชั่วที่เคยทำมาแล้วเท่าไร ๆ กลับนึกบนบานศาลกล่าวว่า อย่าให้ตามมาทันเลย แต่เวลาคนอื่นทำความชั่ว โดยเฉพาะถ้าเดือดร้อนมาถึงตนด้วย จะนึกอยากให้ผลแห่งความชั่วนั้นตามมาถึงเขาเร็ว ๆ ลืมนึกถึงความดีที่เขาเคยทำไว้ จนกระทั่งคนดีเกิดสงสัยว่าทำดีได้ดีจริงหรือ
ในบรรดาคนใจร้อนทั้งหลาย ที่อยากให้กรรมส่งผลทันตาเห็นนั้น จริง ๆ แล้วเขาคิดแต่เฉพาะที่จะได้ผลประโยชน์ คือถ้าสมมติว่า เขาให้ทานปุบก็รวยปับทันที เขาถูกใจ ตรงกันข้ามถ้าเขาโกหกปุบ ฟันหักหมดปากปับ เขากลับนึกว่าไม่ยุติธรรม คนเรามักเป็นเสียอย่างนี้ คือเข้าข้างตัวเอง และเพราะใจร้อนถึงได้เกิด งสัยกฎแห่งกรรมอยู่ร่ำไป
เพราะฉะนั้น นับแต่วันนี้เป็นต้นไปขอให้เลิกใจร้อน อย่าเข้าข้างตนเอง รู้จักทำใจให้เป็นกลาง ๆ ให้ความยุติธรรมแก่สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว แต่การจะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยการนั่งสมาธิมาก ๆ เท่านั้น"
คุณผู้อ่านคงจะเห็นแล้วว่า จากคำตอบของหลวงพ่อที่ยกมาเล่าให้ฟังนี้ การทำดีถ้าทำไม่เป็น ก็คงไม่ได้ผลดีเช่นกัน ดังนั้นจะทำดีทั้งทีแล้ว เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด นั่นคือทำให้ถูกดีถึงดี และพอดีเท่านั้นจึงจะได้ผลดี เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลาน เขาจะได้เชื่อมั่นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนั่นเอง
*----------------------------------------------------------------------------------------------------------*
หนังสือ PD 001 หลักการสร้างความสุขในครอบครัว
หนังสือเรียน หลักสูตร Pre-Degree