มรดกของยาย
"พวกเราทุกคนนี่มาเอาบุญกับยายนะ
พวกเราทุกคนเคยสร้างบุญร่วมกับยายมาหลายภพ
หลายชาติแล้วชาตินี้เราก็มาเอาบุญกันอีก"
พระรังสฤษดิ์ อิทฺธิจินฺตโก
อายุ ๔๖ ปี
เข้าวัด เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๗
การศึกษาทางโลก ศึกษาศาสตร์บัณฑิต
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การศึกษาทางธรรม นักธรรมเอก
งานพระศาสนา ดูแลงานด้านโภชนาการและงานหล่อพระ
การจัดงานบุญ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ สมัยนั้นวันเตรียมงานกฐินส่วนใหญ่จะเป็นงานโยธาทุกคนช่วยกันหมดสิ่งที่เตรียมก็คือ เรื่องการยืมของ เรียกว่า ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ เป็นของยืมทั้งนั้น
คุณยายท่านสั่งให้ยืมท่านบอกว่าวัดเราเป็นวัดใหม่ ยังไม่มีใครรู้จัก การไปยืมของตามวัดต่างๆ ตามสถานที่ราชการ และตามมหาวิทยาลัย ก็เพื่อประกาศตัวให้ทราบว่า มีนักศึกษาไปสร้างวัดที่ตรงนั้นๆ
การยืมสิ่งของ เราต้องไปอ่อนน้อมกับเขา ต้องทำหนังสือยืม และต้องทำบัญชีของเพื่อกันหลงลืม เพราะ ยืมมาจากหลายวัด เท่ากับคุณยายฝึกความอ่อนน้อม และความรอบคอบให้เรา
นอกจากนี้ท่านยังสอนว่า เวลายืมของมา อย่าหยิบของชำรุดมา เวลาคืนก็ต้องทำความสะอาดให้ดี ถ้าเป็นพวกหม้อ หรือกระทะ ต้องขัดให้ขาวสะอาด อะไรชำรุดก็ต้องซ่อมให้ดีกว่า บางทีเวลานำไปคืน วัดที่เป็นเจ้าของจำของของตัวเองไม่ได้ พระที่ท่านดูแลเรื่องสังฆภัณฑ์ก็ชอบใจที่เราคืนของที่สะอาดและซ่อมของที่ชำรุดให้ แสดงให้ท่านเห็นว่าเราได้รับการอบรมมาดี
โอวาทหลังงานบุญ
หลังจากเสร็จงานกฐินแล้วช่วงเย็นคุณยายจะมาให้โอวาทท่านจะนั่ง เก้าอี้ตัวหนึ่งริมน้ำใกล้ๆ อาคารดาวดึงส์ปัจจุบันนี้ตอนนั้นลูกศิษย์ลูกหาส่วน มากก็มีแต่ผู้ชายท่านจะมองทุกคนแบบจ้องเป๋งเลย แล้วท่านก็บอกว่า
"พวกเราทุกคนนี่มาเอาบุญกับยายนะ พวกเราทุกคนเคยสร้างบุญร่วมกับยายมาหลายภพหลายชาติแล้วชาตินี้เราก็มาเอาบุญกันอีก ยายมองพวกคุณทะลุ ไปถึงอดีตชาตินะ มองไปในปัจจุบัน แล้วก็เลยต่อไปในอนาคต ไปดูบุญของคุณแต่ละคนน่ะ เอาบุญมาคนละเท่าไร ยังไงก็ตาม การที่จะสร้างบุญร่วมกันต่อไปให้ตลอดรอดฝัง ต้องอดทนนะ"
สิ่งที่คุณยายสอน
สิ่งที่คุณยายสอนมี ๒ ประเด็น คือ
๑.ท่านจะให้กำลังใจ เพราะรู้ว่าการทำงานมันเหนื่อย
๒.ท่านสอนให้ฉลาดในการทำงาน เพราะงานมากแต่คนทำมีน้อย เวลาญาติโยมมา ให้เขาได้รับงานบุญด้วย คือให้เขาช่วยเก็บ พองานเสร็จก็เก็บของเสร็จพอดีเลย พวกเราจะได้ไม่เหนื่อย
ตอนที่หลวงพ่อธัมมชโยท่านเริ่มเปิดทีมบอกบุญใหม่ๆ ก็ให้อาตมาเข้าไปด้วย ไปซ้อมบอกบุญอยู่กับพี่สุวิทย์ (ปัจจุบัน คือพระมหาสุวิทย์ วิชฺเชสโก ป.ธ. ๙ ) และอารีพันธุ์ ๓ คน พอไปได้สักพัก วันหนึ่งคุณยายก็เมตตาเรียกอาตมามาปฐมนิเทศคนเดียวท่านบอกว่าออกไปบอกบุญน่ะ จำไว้ ๔ อย่างนะ
๑. ออกไปไกลหูไกลตายาย อย่าไปติดสาวที่ไหนนะ อย่าไปทำตาหวานให้ใครนะ
๒. อย่าไปกินข้าวบ้านใครนะ กินข้าวยายกินข้าวหลวงพ่อ เราก็เป็นหนี้บุญคุณหลวงพ่อและยายพอแล้ว อย่าให้มันมากคนนักเลย ไปกินข้าวบ้านโน้นบ้านนี้ ต่อไปในอนาคตเมื่อเราต้องทำงานใหญ่ๆ เดี๋ยวจะเสียความยุติธรรม ท่านมองการณ์ไกลขนาดนั้น
๓. อย่าไปค้างแรมคืนที่ไหนนะ ดึกดื่นยังไงก็ต้องกลับมาวัด ถ้าจำเป็นต้องไปค้างจริงๆ ก็ให้บอกยาย จะไปกี่วัน กลับมาเมื่อไร คุณยายอธิบายคร่าวๆ ว่า คนที่มาอยู่กับยาย ยายเอาทุกคนมาซ้อนอยู่ในศูนย์กลางกายของยายนะ เพราะฉะนั้นออกไปข้างนอก ไปค้างข้างนอก เดี๋ยวไปติดอะไรเลอะๆ เทอะๆ มา
๔. อย่าโกหก อย่าปิดบังยายนะ อย่าปิดบังหลวงพ่อด้วย
คุณยายท่านเป็นห่วงอุบาสก กลัวจะไม่ได้บวชบางทีท่านบอกว่าพวกอุบาสิกา (ตอนนั้นมี ๒๓ คน) เขาเรียบร้อยกันอยู่แล้ว พวกผู้ชายหนุ่มๆ กลัวไปซนที่อื่น
ท่านสอนทุกคนที่มาพบท่านว่า ให้เอาบุญกับยายนะอย่าไปทำผิดศีลผิดธรรม ให้สวดมนต์ไหว้พระบ้าง ก่อนนอนสัมมาอะระหังทำใจให้ใส
นอกจากนั้นท่านยังแนะนำให้อาตมาช่วยสอนคนที่มาวัด เพราะเขามาวัด เขาก็อยากได้ความรู้ บางครั้งเขาก็เอาบ้างไม่เอาบ้าง บางคนก็ไม่ได้ศรัทธา ไม่เอาบุญแต่ท่านก็บอกว่าสอนไปเถอะ เผื่อในอนาคต เขาอาจจะปรับปรุงตัวเองได้บ้าง
ท่านบอกว่า "คนที่มาทำบุญกับยาย ยายจะคุมบุญให้เขา เอาบุญนี่ไปกลั่น ไปทับทวีให้เป็นสมบัติ เป็นอริยทรัพย์แก่เขาไปในภพเบื้องหน้า" เขาทำบุญ ยายก็ถวายเข้าในหมู่สงฆ์ เอาเข้าวัดหมด ยายเอาแต่บุญ
สร้างบุญไม่ให้แพ้ใคร
คุณยายบอกว่า ในโลกนี้มีแต่บุญนั่นแหละเป็นที่พึ่งยายจะเอาบุญให้เป็นภูเขาเชียว จะสร้างบุญไม่ให้แพ้ใครเลยจะเอาบุญติดตัวไปให้เต็มที่ เพราะว่าคนตายแล้วต้องเกิดอีกเรายังไม่หมดกิเลส แต่เมื่อจะเกิดอีกที เราจะต้องมีความสมบูรณ์ มีทรัพย์มาก จะได้ไม่เผลอไผลทำความชั่ว จะเหลือแต่การนั่งปฏิบัติธรรม มีทรัพย์ใช้ทำบุญทำทานไม่รู้จักหมดจักสิ้น
ให้พิจารณาว่าเวลาผ่านไปทุกวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่า อย่าทำชีวิตให้เหมือนนกกา เช้าก็ออกไปหากิน เย็นก็กลับรัง มันไม่ได้บุญอะไร
เพราะฉะนั้นตื่นขึ้นมาให้วางแผนว่า วันนี้เราจะทำความดีอะไร และก่อนนอนให้สรุปว่า วันนี้เราทำความดีอะไรไปบ้าง
ท่านมักจะบอกว่า คนฉลาดต้องรีบๆ นะ ไม่งั้นเดี๋ยวที่เราตั้งใจมาเกิดนี้ มันจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์
ปั้นรูปยาย
สิ่งที่อาตมาทึ่งอยู่จนบัดนี้คือ ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ฉลอง ๔ ปีคุณยาย หลวงพ่อให้ช่างมาปั้นรูปเหมือนคุณยายอยู่มาวันหนึ่งยายก็มาเรียกอาตมาไป "พระหมู ยายจะเล่าอะไรให้ฟัง หลวงพ่อให้ช่างเขามาปั้นรูปยายท่านกะว่าเมื่อยายละโลกแล้วจะสร้างวิหารยายไว้ตรงนี้ แล้วจะเอารูปหล่อยายไว้ในนั้น พระหมูหล่อให้ยายได้ไหม ยายไม่อยากให้ใครหล่อ"
อาตมาก็ตอบว่า พระรู้แต่วิชาหล่อเรซิ่น หล่อไฟเบอร์กล๊าส์ ยังไม่เคยหล่อโลหะเลยนะ
ท่านก็ให้กำลังใจ "เอาน่าพระหมู ลองทำไป ค่อยๆ ศึกษาไป เดี๋ยวก็จะเป็น ฝึกอันนี้ให้ได้นะ แล้วพระหมูจะได้บุญใหญ่" เราก็ค้างอยู่ในใจว่า จะได้บุญใหญ่อะไร แต่ก็ไม่ขัดคุณยาย ท่านบอกอีกว่า "ความรู้ทั้งหลายมันอยู่ที่ศูนย์กลางกายนี่ทำใจนิ่งๆ เดี๋ยวก็รู้ ไม่เข้าใจอะไรก็ไปถามผู้รู้เขา ลองดูสิ เหล็กทั้งชิ้นเขายังทำเป็นเรือลอยน้ำให้คนข้ามทะเล ข้ามมหาสมุทรได้ โลหะหนักๆ เขายังไปทำเครื่องบินให้มนุษย์ โดยสารบินไปโน่นไปนี่ได้ เรื่องนี้เรื่องเล็ก ยายสร้างวัดมานี่ยากกว่าเยอะ เพราะฉะนั้นค่อยๆ ศึกษาไป เดี๋ยวก็รู้ ติด ขัดอะไรนึกถึงยาย เดี๋ยวยายจะช่วย"
เราก็ อ๋อ..ประโยคนี้จำแม่นปัจจุบันนี้ยังใช้อยู่
พอปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้หล่อรูปคุณยายจริงๆ แล้วที่ ท่านบอกว่าจะได้บุญใหญ่ อาตมาก็ใช้วิชชานี้มาหล่อพระเต็ม เจดีย์เลย คุณยายคงเห็นเหตุในอนาคตเลยมาบอกอาตมา วันหนึ่งพอว่างๆ คุณยายมาหาอาตมาท่านมักจะเรียก "พระหมูมานี่ ยายจะเล่าอะไรให้ฟัง"
ท่านเล่าว่า หลวงพ่อบอกยายว่า ๒ พันไร่นะจะสร้างเจดีย์ จะสร้างสภาฯ จะสร้างมหาวิหาร จะเอาใหญ่ๆ จุคนเยอะๆ เพราะว่าเมื่อก่อนสร้างบ้านธรรมประสิทธิ์พักเดียวคนก็ มานั่งสมาธิเต็มแล้วสร้างศาลาจาตุมหาราชิกาไม่นาน คนก็เต็มอีกแล้ว
ต่อมาสร้างสภาธรรมกายหลังคาจาก ไม่นานคนก็เต็มอีกแล้วท่านบอก "หลวงพ่อให้ยายไปตามสมบัติ ไปตามคนมาช่วยสร้าง ยายตกลงกับท่านไปแล้ว ยังไงพระหมูช่วยยายด้วยนะ"
พวกเราลูกหลานยายทุกคน มาเอาบุญกับยายนะเพราะคุณยายเปรียบเสมือนมหาเจดีย์ เป็นที่สถิตของพระธรรมกายนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนทำบุญกับยายก็เหมือน เข้าถึงตัวของพระธรรมกายนับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนเราก็จะได้บุญใหญ่กับคุณยายด้วย