วิธีปฏิบัติธรรม เพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย

วันที่ 04 กค. พ.ศ.2560

วิธีปฏิบัติธรรม

เพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย

 

 

                          ให้นั่งขัดสมาธิ โดยเอาขาขวาทับขาซ้ายมือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือ ข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบายๆ หลับตาเบาๆ ค่อนลูก พอสบายๆ คล้ายกับตอนที่เราใกล้จะหลับ อย่าบีบเปลือกตา อย่ากดลูกนัยน์ตา

                           ทําใจของเราให้เบิกบาน แช่มชื่น สะอาดบริสุทธิ์ ผ่องใส ไร้กังวลในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ให้ปล่อยวาง ทําใจให้ว่าง คลายความผูกพันในทุกสิ่ง แล้วก็รวมใจหยุดนิ่งอย่างนุ่มๆ เบาๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เหนือระดับสะดือขึ้นมา 2 นิ้วมือ อยู่ภายในกลางท้องของเรา โดยสมมุติว่ามี เส้นด้าย 2 เส้น เส้นหนึ่งขึงให้ตึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุไปด้านซ้าย เส้นด้ายทั้งสองตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม เหนือจุดตัดนี้ขึ้นมา 2 นิ้วมือ เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ซึ่งเป็นต้นทางไปสู่อายตนนิพพาน

                           จากนั้นจึงกําหนดบริกรรมนิมิตเป็นดวงกลม ใสเหมือนกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีตําหนิ ใสสะอาดบริสุทธิ์ โตเท่ากับแก้วตาหรือขนาดใดก็ได้ นึกอย่างสบายๆ นิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ พร้อมกับประคอง ใจให้หยุดนิ่ง ด้วยบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ ว่า “สัมมา อะระหัง...สัมมา อะระหัง...สัมมา อะระหัง...” ให้เสียงของคําภาวนาดังออกมาจากกลางท้องของเราอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่ภาวนา สัมมา อะระหัง ต้องไม่ลืมนึกถึงดวงกลมใสที่ศูนย์กลางกายด้วย

                          การนึกภาพของดวงกลมใสและคําภาวนาในใจนี้จะช่วยนําใจของเราที่ฟุ้งออกไปในเรื่องราวต่างๆ นอกตัว ทั้งเรื่องคน สัตว์สิ่งของ ธุรกิจ การงาน ครอบครัว บ้านเรือน การศึกษาเล่าเรียน หรือเรื่องที่นอกเหนือจากนี้ให้กลับมาสู่ฐานที่ตั้งดั้งเดิมของใจ ซึ่งเป็นตําแหน่งที่จะทําให้เราได้บรรลุวัตถุประสงค์ ของการมาเกิดเป็นมนุษย์คือการเข้าถึงดวงธรรมและกายภายในต่างๆ ซึ่งมีอยู่แล้วภายในตัวเรา

                         ให้ภาวนา สัมมา อะระหัง ไปจนกว่าใจจะหยุดนิ่ง และเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากจะภาวนาต่อไป อยากจะหยุดใจนิ่งเฉยๆ อยู่กับภาพของดวงกลมใสที่เราเห็น เมื่อรู้สึกเช่นนี้ ก็ปล่อยให้เป็นอย่างที่ใจ อยากจะเป็น แล้วใจของเราจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ภายในอย่างสบายๆ โดยมีภาพนิมิตหรือไม่มีก็ได้ ในที่สุดแล้ว จะมีความสว่างบังเกิดขึ้น หรืออาจเห็นเป็นจุดเล็กๆ ใสๆ เหมือนดวงดาวในอากาศที่อยู่บนท้องฟ้าในยามราตรี

                          จุดสว่างนี้เป็นที่ประชุมของความรู้และความลับของชีวิต นับตั้งแต่ดวงธรรมในดวงธรรม กายในกายภพภูมิต่างๆ และธรรมทั้งมวลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนํามาสั่งสอน เป็นจุดสว่างเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ เช่น เดียวกับเมล็ดโพธิ์หรือเมล็ดไทรเม็ดเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ รวมของกิ่ง ก้าน ใบ ดอก และผล ของต้นโพธิ์หรือต้นไทรใหญ่ๆ ทั้งต้น

                          เมื่อเราสามารถรักษาความนิ่งของใจเอาไว้กับจุดใสสว่างนั้นได้อย่างมั่นคง จนกระทั่งความคิดอื่น เข้ามาแทรกไม่ได้ใจก็จะยิ่งบริสุทธิ์ยิ่งนิ่งใจก็ยิ่งบริสุทธิ์ ยิ่งบริสุทธิ์ก็ยิ่งมีความสุข ยิ่งมีความสุขแสงสว่างก็ยิ่งเกิด แสงสว่างยิ่งเกิด การเห็นแจ้งก็ยิ่งเกิด การเห็นแจ้งทําให้เรารู้แจ้ง ความรู้แจ้งทําให้เราหายสงสัย การหายสงสัยทําให้เราดําเนินชีวิตได้ถูกต้องปรับเข็มทิศชีวิตไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างแม่นยํา เพราะฉะนั้นจุดสว่างเล็กๆ ใสๆ นี้จึงเป็นสิ่ง ที่เราจะต้องครอบครองให้ได้เราจะครอบครองได้ ต่อเมื่อใจของเราหยุดนิ่ง แล้วความรู้สึกอันยิ่งใหญ่จะ เกิดขึ้นภายในตัว เป็นความยิ่งใหญ่ที่ปราศจากทิฐิมานะและความลําพองใจ ยิ่งใหญ่อย่างบริสุทธิ์ เป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระอย่างแท้จริง มีความพึงพอใจ อยู่ได้ด้วยตัวของตัวเอง เราจะมีดวงปัญญาเกิดขึ้น ทําให้ทราบว่าความพอดีของชีวิตเป็นเช่นไร เราจะกินแต่พอดีอยู่แต่พอดีและใช้แต่พอดีเพื่อสงวนเวลาของชีวิตที่ มีอยู่อย่างจํากัดนี้มาแสวงหาอริยทรัพย์ภายใน และ ความรู้ในวิชชาธรรมกาย ที่จะนําไปสู่จุดหมายปลาย ทางแห่งการหลุดพ้นที่สัมบูรณ์ที่สุด คือที่สุดแห่งธรรม

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.016529349486033 Mins