รู้จัก หยุด หยุดและไม่หยุด

วันที่ 15 สค. พ.ศ.2560

รู้จัก หยุด หยุดและไม่หยุด,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

รู้จัก หยุด หยุดและไม่หยุด

   

       หลายคนหยุดทำงานสักหนึ่งวันก็ไม่ได้
       หลายคนไม่มีเวลาพักผ่อน นอนตื่นสาย
       หลายคนไม่มีเวลาอยู่ในบ้านหลังใหญ่
       อย่างสบาย
       หลายคนไม่มีเวลา  จะใช้เงิน

       แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้หยุดอย่างนั้น
       เพราะดูเหมือนว่าจะยากเกินไป สำหรับชีวิตจ้าละหวั่น
       ในสังคมเมืองใหญ่เดี๋ยวนี้

    หยุดที่นี่ หมายถึงหยุดการพูดสิ่งที่ผ่านมาแล้ว หยุดการหยิบยกเอาเรื่องที่จะเป็นที่มาแห่งความฉุนเฉียว ร้อนใจ หยุดการร่ำไรอยู่กับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ หยุดคำพูดร้อนหูเอาไว้ที่ตัวของเราเอง ไม่พูดต่อไป และสำคัญที่สุด ควรที่สุดคือหยุดการวิจัย วิพากษ์วิจารณ์บุคคล เหตุการณ์ หรือการกระทำของผู้ใด

   สำหรับผู้ที่ทำงานกับคนมากๆมานาน จะทราบได้ทันทีว่า การกระทำเช่นนี้ คือชนวนไปสู่การแตกร้าว การเพ่งเล็ง ปัดแข้งปัดขา การสุมหัวกันนินทา ที่ทำงานใด หน่วยงานใด บริษัทใด มีบุคคลที่ใฝ่ในการกระทำเช่นนี้อยู่ จะทำให้หน่วยงานนั้นร้อนรุ่มอยู่ตลอดเวลา เป็นที่อิดหนาระอาใจของผู้เกี่ยวข้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา และถ้าหากมีการกระทำเด่นชัดจนรู้ว่าเป็นใคร บุคคลนั้นจะถูกเจ้านายที่ทรงปัญญา เปี่ยมประสบการณ์ หาทางไขว้เขวโยกย้ายไปไว้ในหน่วยอื่นเป็นแน่

 สำคัญที่สุดก็คือคนนั้นนั่นเองจะเป็นผู้ที่รุมร้อนอยู่ตลอดเวลา หาความสุขไม่ได้ ใฝ่หา เสาะหาแต่เรื่อง แต่ความผิดความไม่ดีของคนอื่นมาไว้ในใจของตน เตรียมที่จะวิจารณ์ครหา ถกปัญญา หรือเล่าต่อไปในแนวความคิดของตน หารู้ไม่ว่า นั่นเท่ากับเป็นการคีบถ่านแดงๆ มาใส่ไว้ในใจก่อนจะทันเอาไปไว้ที่ใครก็ไหม้ตัวเอง
เสียก่อนแล้ว เพราะคนที่หยิบถ่าน ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ย่อมจะได้ไอร้อนก่อนใครแน่ๆ เท่ากับสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองเสียก่อนเป็นการประเดิม

   นี่คือลักษณะของการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ซึ้งถึงอิทธิพลของใจ ใจที่มีพละกำลังได้ถูกทอนกำลังลงด้วย การสะสมเอาเรื่องร้อนๆไว้ เป็นการเปลืองที่ใจ แทนที่จะบรรจุความสดชื่านแจ่ใสให้เต็มอิ่ม และเมื่อเป็นเช่นนี้ บุคคลคนนั้นจะกลายเป็นคนร้อน ขี้หงุดหงิด มักโกรธ ขี้ระแวง เสียเวลาไปกับการจับผิดคนอื่น ทำให้โอกาสที่จะหันกลับมาพัฒนางานของตัวเองกลับน้อยลง

    คงนึกภาพได้ทันทีว่า คนที่มีลักษณะเช่นนี้จะมีผลงานเป็นอย่างไร แล้วจะก้าวถึงความสำเร็จได้หรือไม่

   ฉะนั้น จึงจำเป็นที่จะรู้รักษาตัวรอดเสียแต่เนิ่นๆด้วยการไม่พกพา ไม่ใฝ่หาเรื่องร้อนใจ  ไม่ใฝ่หาเรื่องร้อนใจ
ไม่วุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น  หยุดทุกอย่างไว้กับตัวเอง พิจารณาตัวเองเป็นเนืองนิจ หยุดทุกอย่างไว้กับตัวเอง
พิจารณาตัวเองเป็นเนืองนิจ พัฒนางานของตัวและส่วนที่เกี่ยวข้องจนเป็นนิสัย

   แต่ไม่หยุดที่จะให้ ไม่หยุดที่จะโอบอ้อมอารีย์
     
   เท่านี้เอง อีกประตูหนึ่้งสู่ความสำเร็จ คือการรู้จักหยุดและไม่หยุด แต่นั่นแหละก่อนอื่นใด จะต้องรู้จักคืนความเป็นธรรมชาติ ความสดใสให้ใจเสียก่อน ทุกอย่างดังกล่าวนี้ จึงจะเป็นไปได้โดยง่าย

    

 

จากหนังสือ กุญแจใจ  

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0093719323476156 Mins