ตามหาคุณยาย
หลวงพ่อยังคงเฝ้าแสวงหาคำตอบของชีวิตจนกระทั่งอายุได้19ปีวันหนึ่งหลวงพ่ออ่านหนังสือ“วิปัสสนาบันเทิงสาร”เป็นนิตยสารที่ถูกอกถูกใจหลวงพ่อมากเพราะมีเรื่องราวเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมรวมถึงเรื่องราวของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำและคุณยายอาจารย์พร้อมกับเรื่องราวอภินิหารที่ท่านทำสมาธิเพื่อปัดลูกระเบิดในช่วงสงครามโลกไปนรกไปสวรรค์และมีการกล่าวถึงผลการปฏิบัติธรรมคือ18กายที่มีอยู่แล้วภายในตัวทุกคนหลวงพ่อรู้สึกชอบและประทับใจเรื่องกายในกายแต่ไม่ถึงกับเข้าใจแจ่มแจ้งรู้แต่ว่าชอบมากที่ได้ทราบว่าคนเรามีกายซ้อนอยู่ภายในเป็นชั้นๆรู้สึกว่าเข้าท่าดีเหมือนกันเขาเขียนเรื่องราวของมหาปูชนียาจารย์ได้น่าติดตามมากมีเรื่องนรกเรื่องสวรรค์เรื่องกฎแห่งกรรมเรื่องสงครามโลกแล้วก็มีภาพของมหาปูชนียาจารย์แต่ละท่านหลวงพ่อซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการแสวงหาคำตอบก็ดีใจมากตั้งใจว่าจะต้องไปพบท่านเหล่านั้นให้ได้โดยเฉพาะคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง(หนังสือเขียนไว้ว่า“คุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์”)ซึ่งหลวงพ่อประทับใจในภาพและเรื่องราวของท่านเป็นพิเศษจึงออกตามหาท่านเพราะอยากจะพบคุณยายอาจารย์โดยในขณะนั้นนิตยสารได้ระบุไว้ว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่มรณภาพแล้วจึงอยากตามหาคุณยายซึ่งท่านยังมีชีวิตอยู่หนังสือเล่มนั้นลงรูปภาพที่ดูน่าร่มรื่นเอาไว้ภาพบางตอนดูเหมือนวัดอยู่ในสวนหลวงพ่อจึงคิดว่า วัดปากน้ำคงเป็นเสนาสนะป่าตามความเข้าใจของผู้ไม่เคยไปสถานที่จริงได้แต่อ่านจากหนังสือหลวงพ่อตัดสินใจเดินทางไปวัดปากน้ำครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ.2506ช่วงนั้นคุณยายอายุประมาณ54ปีวาดภาพเอาไว้ในใจว่าสถานที่ที่ท่านอยู่ต้องสงบเงียบแล้วก็ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้แต่ปรากฏว่าพอไปถึงสถานที่แล้วมีแต่อาคารเต็มไปหมดแม้จะยังไม่มากเหมือนในปัจจุบันหลวงพ่อก็รู้สึกว่าไม่ตรงกับที่วาดฝันเอาไว้เพราะคิดว่าวัดปากน้ำต้องเป็นวัดป่าน่ารื่นรมย์ถึงกระนั้นก็ยังไม่ละความพยายามได้เข้าไปถามใครต่อใครในวัดว่ารู้จัก“คุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์”บ้างไหมหลวงพ่อเรียกท่านตามที่อ่านเจอในหนังสือแต่ทุกคนตอบเหมือนๆกันว่าที่นี่ไม่มีคุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์มีแต่“ครูจันทร์”หลวงพ่อคิดว่าคงเป็นคนละคนกันเขาถามว่ามาทำไม ทำไมถึงอยากเจอท่านก็ตอบไปว่าอยากจะมาศึกษาธรรมเขาเลยชี้ทางให้ไปปฏิบัติกับพระอาจารย์ทางด้านโน้นซึ่งหลวงพ่อก็ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ช่วยอบรมสั่งสอนสมาธิถึงแม้ไม่ได้เจอคุณยายแต่ยังรู้สึกดีใจว่าเรามีที่นั่งสมาธิแล้วในวันเดียวกันนั้นเองขณะที่หลวงพ่อเดินอยู่ภายในวัดก็เห็นโลงทองตั้งอยู่มีแม่ชีรูปร่างบางท่านหนึ่งนั่งอยู่หน้าโลงศพหันหลังให้หลวงพ่อจำรูปถ่ายหน้าโลงได้ว่าเป็นคุณยายทองสุขสำแดงปั้นเหมือนที่เห็นในหนังสือวิปัสสนาบันเทิงสารซึ่งเขียนเรื่องราวของท่านไว้น่าตื่นเต้นมากโดยเฉพาะเรื่องโคตรทองกระบองเพชรและอีกหลายๆเรื่องต่อมาภายหลังจึงทราบว่าแม่ชีที่นั่งหันหลังให้ก็คือคุณยายอาจารย์จันทร์นั่นเองคงเป็นเพราะยังไม่ได้จังหวะของบุญจึงพลาดโอกาสที่จะทำความรู้จักกับท่านในวันนั้นหลวงพ่อกลับมาวัดปากน้ำอีกครั้งหนึ่งช่วงปิดภาคเรียนในเดือนตุลาคมตั้งใจว่าจะมาตามหาคุณยายอาจารย์ให้พบเพราะในใจก็เพรียกหาแต่ท่านเมื่อไปถึงวัดก็ไปปฏิบัติธรรมคิดว่าจะถามนักปฏิบัติธรรมด้วยกันที่อยู่ข้างๆว่ารู้จัก“คุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์ขนนกยูง”ไหมเผื่อจะมีสักคนหนึ่งรู้จักแต่ทุกคนก็ตอบเหมือนเดิมว่าไม่มีจนกระทั่งมาเจอเด็กหนุ่มนักปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่มีอายุไล่เลี่ยกันเป็นนักศึกษาเหมือนกันแต่อยู่คนละสถาบันพอปฏิบัติธรรมเสร็จก็ถามเขาว่ารู้จักคุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์ไหมเขาตอบว่าไม่มีนะมีแต่ครูจันทร์รูปร่างเป็นอย่างไรหลวงพ่อบอกว่าผอมๆเขาเลยตอบว่าเอาอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยวผมจะพาคุณไปหลวงพ่อก็ดีใจว่าอาจจะเป็นบุคคลที่เรากำลังจะไปพบท่านนี้ก็ได้ยังระลึกนึกถึงพระคุณของหนุ่มน้อยสหธรรมิกที่ปฏิบัติธรรมด้วยกันท่านนั้นหนุ่มนักศึกษาตอนนี้ท่านก็บวชอยู่เหมือนกันเพราะท่านรักในการบำเพ็ญสมณธรรมและปฏิบัติธรรมพอเลิกจากปฏิบัติธรรมแล้วเขาก็พาไปรอที่หน้าหอประดิษฐานสรีระของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำไปเจอคุณยายเดินผ่านมาพอดีก็เห็นว่าตรงกับภาพในหนังสือวิปัสสนาบันเทิงสารหลวงพ่อคิดว่าใช่แล้วนี่คือคุณแม่อาจารย์ลูกจันทร์เพื่อนหนุ่มคนนั้นบอกว่านั่นแหละคือครูจันทร์หลวงพ่อเลยรู้ว่าเป็นคนเดียวกันหลวงพ่อดีใจมากเห็นท่านมีรูปร่างผอมบางเดินตัวปลิวดูเหมือนวันนั้นท่านกำลังจะไปงานศพ ณ ที่แห่งหนึ่ง หลวงพ่อก็ยกมือไหว้ท่านก็ยกมือรับไหว้พลางพูดว่า“สวัสดี เอ่อ วันหลังค่อยพบกันนะเดี๋ยวต้องไปธุระก่อน”ท่านพูดไปเดินไปเดินเร็วจริงๆยังไม่ทันได้คุยอะไรกันแต่ในที่สุดก็ได้พบท่านแล้ว