ความลับไม่มีในโลก
“...ขึ้นชื่อว่าความลับไม่มีในโลกนั้นถูกต้องทีเดียวคือ
ความลับมีแต่เฉพาะในกายมนุษย์เท่านั้น กายมนุษย์ละเอียดไม่มีความลับ...”
มนุษย์ทุกคนย่อมมีสิ่งที่เรียกว่า “ความลับ” สิ่งใดที่เป็นความลับ เรามักไม่อยากให้ใครรู้ เพราะถ้ามีใครรู้ ความลับก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป และอาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่เราได้แต่คนเรามีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งลับยิ่งอยากรู้เรื่องอะไรที่ห้ามพูดถึง เรื่องนั้นจะไปเร็วและไปแรง
การอยากรู้ความลับเป็นเหตุให้มนุษย์พยายามหาวิธีไขความลับ เริ่มจากวิธีขั้นพื้นฐาน เช่น เจาะรูตามข้างฝาเพื่อแอบดูต่อมาพัฒนาเป็นเครื่องดักฟัง โทรทัศน์วงจรปิด และมีอาชีพสายลับเกิดขึ้น รวมทั้งมีคอลัมน์ซุบซิบตามหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ฯลฯเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของคน
เรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นความลับหรือเป็นส่วนตัวนั้น ปิดบังได้กับบางคนและบางเวลาเท่านั้น เพราะที่จริงแล้ว “ความลับไม่มีในโลก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีอะไรที่เป็นความลับสำหรับผู้ที่ศึกษาวิชชาธรรมกาย ดังที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านกล่าวไว้ว่า
“...ขึ้นชื่อว่าความลับไม่มีในโลกนั้นถูกต้องทีเดียว คือ ความลับมีแต่เฉพาะในกายมนุษย์เท่านั้น กายมนุษย์ละเอียดไม่มีความลับกายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียดกายอรูปพรหม กายอรูปพรหมละเอียด อีกมากมายนัก จะโกหกอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ทั้งนั้น...”
เหตุที่กายมนุษย์ละเอียดไม่โกหกนั้น เพราะกายมนุษย์ละเอียดเป็นกายที่บริสุทธิ์กว่า มีความโลภ โกรธ หลง เบาบางกว่า และมีศีลบริสุทธิ์กว่ากายมนุษย์หยาบ จึงมีวาจาตรงกับใจ
นอกจากนี้ท่านยังเคยเล่าไว้ด้วยว่า กายละเอียดของมนุษย์หรือกายที่ฝันไปโน่นไปนี่ยามเรานอนหลับนั้น ยังรู้เรื่องต่าง ๆมากมาย รู้แม้กระทั่งเรื่องลี้ลับ และรู้ว่า ใครเป็นคนอย่างไร
“...เรารู้ทีเดียวว่า คนนี้จะซื่อตรงหรือไม่ซื่อตรง ให้ไปดูที่กายละเอียด ไปถามกายละเอียด กายละเอียดจะไปสืบดู เดี๋ยวก็รู้ได้ทันทีว่าคนนั้นซื่อตรงหรือไม่...”
เรื่องความซื่อหรือไม่ซื่อนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปยากจะรู้ได้ ที่ผ่านมาจึงมีการประดิษฐ์เครื่องจับเท็จรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตรวจเช็กความซื่อตรงของผู้ต้องสงสัย แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าใดนัก เพราะคนร้ายเรียนรู้ที่จะโกหกแม้กระทั่งเครื่องจับเท็จ ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯก็มีการวิจัยคลื่นสมองเพื่อหาทางทราบความคิดของมนุษย์ ซึ่งต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาลและใช้เวลาหลายปี ถ้าทำสำเร็จจะนำไปใช้สอบสวนข้าศึกหรืออาชญากร และใช้สื่อสารกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเปล่งเสียงได้ ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการวิจัย
สำหรับวิชชาธรรมกาย ไม่ต้องลงทุนทั้งเงินทั้งเวลามากมายขนาดนั้น และไม่ต้องทำการวิจัยแต่อย่างใด แค่เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดก็สามารถรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้มากกว่าคนทั่วไปแล้ว ดังที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านเรียกว่ามี ปัญญาสองชั้น ดังนี้
“..นี่เขาเรียกว่าปัญญาสองชั้น คือมีปัญญาในกายมนุษย์ชั้นหนึ่ง และมีปัญญาในกายมนุษย์ละเอียดอีกชั้นหนึ่ง...”
ถ้าใครเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด คนนั้นจะฉลาดกว่ามนุษย์ทั่วไปชั้นหนึ่ง ยิ่งเข้าถึงกายต่าง ๆ ต่อไปอีก ก็จะยิ่งฉลาดเพิ่มขึ้นถ้าเราปฏิบัติธรรมจนกระทั่งเข้าถึงจุดที่ล่วงรู้ความลับได้ การตัดสินใจที่ผิดพลาดหรือความเสียหายที่เกิดจากการถูกหลอกลวงก็จะลดน้อยลง เพราะยากที่จะมีใครมาหลอกลวงเราได้
ถ้าโลกนี้มีคนที่สามารถล่วงรู้เรื่องลี้ลับต่าง ๆ ได้อยู่เป็นจำนวนมาก ก็จะช่วยลดบาปให้คนอื่นได้ด้วย เพราะมนุษย์จะโกหกกันน้อยลง ทำความชั่วน้อยลง เพราะบางครั้งที่คนเรากล้าทำความชั่วก็เพราะคิดว่าไม่มีใครรู้ ถ้ามีคนรู้ก็จะไม่กล้าทำ สังคมมนุษย์ก็จะสงบสุขขึ้นโดยปริยาย
มนุษย์แต่ละคนอาจเคยทำบางสิ่งที่อยากเก็บไว้เป็นความลับแต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ความลับไม่มีในโลก
การเพียรพยายามทำความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยการหยุดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เหนือสะดือ ๒ นิ้วมือตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่จึงเป็นสิ่งที่ควรถือเป็นกรณียกิจ เพราะนอกจากจะได้ความสุขและบุญมากมายมหาศาลเป็นสิ่งตอบแทนแล้ว สักวันหนึ่งเราจะก้าวไปถึงจุดที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองว่า “ความลับไม่มีในโลก” เป็นความจริงหรือไม่
จากหนังสือ คำสอนหลวงปู่ สู่โลกปัจจุบัน