วาจาศักดิ์สิทธิ์
“...หัดวาจาไพเราะเสียในชาตินี้ชาติต่อ ๆ ไปวาจาของตนศักดิ์สิทธิ์...”
ในบรรดาศีล ๕ ข้อ มีหลาย ๆ คนบอกว่าศีลข้อ ๔ รักษายากที่สุดและมีนักธุรกิจบางคนให้เหตุผลว่า “ในการทำธุรกิจนั้น ไม่อาจพูดความจริงได้ทั้งหมด”
การรักษาศีลข้อ ๔ นั้น นอกจากงดเว้นจากการพูดเท็จแล้วก็ควรละเว้นการพูดคำหยาบ คำส่อเสียดและคำเพ้อเจ้ออีกด้วย จึงจะรักษาศีลข้อนี้ได้สมบูรณ์
ในบรรดาข้อห้ามทั้ง ๔ ประการนี้ การพูดเท็จเป็นสิ่งที่รับรู้ได้ยากที่สุด และอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทั้งผู้อื่น และตัวผู้พูดเอง (ทันตาเห็น ถ้ามีคนจับได้)โดยมีปริมาณความเสียหายตั้งแต่เล็กน้อยปานกลาง มาก ไปจนกระทั่งมากที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า “โกหกเรื่องอะไร” และ “โกหกใคร”
ส่วนการพูดคำหยาบ คำส่อเสียด และคำเพ้อเจ้อนั้นก็สามารถก่อความเสียหายได้เช่นกัน แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดรับรู้ได้ง่าย ผู้ฟังจึงพอมีโอกาสตั้งรับได้ อานุภาพการทำลายล้างจึงอาจไม่ลึกซึ้งแนบเนียนเท่ากับการโกหกหลอกลวง
อย่างไรก็ตาม การงดเว้นถ้อยคำเหล่านี้ นอกจากจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นแล้ว ผู้พูดยังจะได้รับสิ่งตอบแทนที่คุ้มเกินคุ้ม คือ จะเป็นบุคคลที่น่ารักและได้รับการยอมรับเชื่อถือจากผู้อื่นในปัจจุบันชาตินี้เลยทีเดียว ภพชาติต่อไปจะมีฟันสวย ขาวสะอาด เรียบเสมอกัน กลิ่นปากหอม ไม่ถูกใส่ร้ายป้ายสี จะได้รับความจริงใจจากผู้อื่น และที่สำคัญที่สุดคือ จะมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ดังที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านกล่าวไว้ว่า
“...ถ้าใครต้องการวาจาศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ต้องพยายามห้ามวาจาทุจริตเสีย... พวกที่พูดวาจาพล่อย ๆ เอาเรื่องเอาราวไม่ได้ วาจาเหลวไหลชนิดนี้ฆ่าวาจาของตัวเอง ทำลายความศักดิ์สิทธ์ของตัวเอง ไม่มีใครทำให้ นี้ต้องอุตส่าห์แก้ไขวาจาของตนให้เป็นวาจาที่ไพเราะ อ่อนหวานอยู่ร่ำไป นี้เป็นประโยชน์แก่ตนด้วย เป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่นด้วยเป็นทั้งประโยชน์แก่กันและกัน...”
“...หัดวาจาไพเราะเสียแต่ในชาตินี้ ชาติต่อ ๆ ไปวาจาของตนศักดิ์สิทธิ์ จะพูดอะไรสำเร็จกิจหมดทุกอย่าง ถ้าใช้วาจาหยาบก็เท่ากับวาจาจอบตัวเอง ในชาตินี้ก็ดี วาจาหมดอำนาจหมดสิทธิ์ ไม่มีอำนาจอะไร พูดไปก็เท่ากับไม่ได้พูด พูดอะไรเป็นไม่สำเร็จ...”
วาจาศักดิ์สิทธิ์คืออะไร?
วาจาศักดิ์สิทธิ์ คือ วาจาที่มีอำนาจบันดาลให้สิ่งที่กล่าวออกไปสำเร็จได้ดังประสงค์ ผู้ใดได้ฟังจะต้องทำตาม
วาจาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ จะต้องมีบุญมารองรับด้วยการบำเพ็ญกุศลทางวาจาเอาไว้ คือ รักษาศีลข้อ ๔ เป็นอย่างดีโดยพูดวาจาไพเราะ อ่อนหวาน พูดคำจริงที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น และงดเว้นวจีทุจริต คือ การพูดเท็จ การพูดคำหยาบการพูดส่อเสียด และการพูดเพ้อเจ้อ
สำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำได้บริสุทธิ์ครบถ้วนทุกประการ ทั้งการไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด และไม่พูดเพ้อเจ้อ แต่ถ้าเรางดเว้นคำพูดเหล่านี้แล้วได้วาจาศักดิ์สิทธิ์มาเป็นการตอบแทน ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
จากนี้ไป ถ้าคิดให้รอบคอบและถามตัวเองทุกครั้งก่อนทำผิดศีลข้อ ๔ ว่า “นี่เรากำลังจะทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองอยู่หรือเปล่า” เชื่อว่าเราจะสามารถรักษาศีลข้อ ๔ ได้บริสุทธิ์บริบูรณ์มากขึ้น
จากหนังสือ คำสอนหลวงปู่ สู่โลกปัจจุบัน