คำถาม : มีคุณโยมท่านหนึ่งถามมาว่าหมอดูรู้ได้อย่างไรว่าเราโชคดีหรือโชคร้ายอนาคตเราจะ เป็นอย่างไร หมอดูล่วงรู้ดวงชะตาเราได้อย่างไรคะ
พระอาจารย์ : โบราณบอกหมอดูก็คู่กับหมอเดานะ หมอดูเองออกไปนอกบ้านบางทีรถยังชนตายเลย แล้วหมอรู้เหรอว่าตัวเองจะถูกรถชน อย่าไปถือสิ่งเหล่านี้เป็นสาระ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ประโยชน์ย่อมล่วงเลยคนพาล ผู้มัวรอแต่ฤกษ์ยามอยู่ ประโยชน์ย่อมเป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง ดวงดาวจะทำอะไรได้” ท่านสอนให้เราเป็นคนมีเหตุผล จะสร้างบ้านไม่ใช่ไปขอดูฤกษ์ดูยามจะสร้างเมื่อไหร่ เอาเป็นว่าที่มีแบบพร้อม เงินทุนมีช่างก่อสร้างติดต่อไว้แล้วเรียบร้อยนั้นแหละฤกษ์ดี นัดแนะวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อนฝูงญาติมิตรพร้อมหน้ากันทำพิธี แล้วก็เริ่มก่อสร้างเลย ถือเหตุผลและความพร้อมเป็นหลักอย่าไปถือฤกษ์ตามหมอ หมอดูบอกฤกษ์ดีตอนตี 2 ไปจัดพิธีตี 2 ใครเขาจะมากับเรา อย่าไปเอาตรงนั้นเป็นเกณฑ์ เขาก็ใช้หลักจิตวิทยาเวลาพูดกลาง ๆ อย่างเช่นคุณเป็นคนทำบุญกับใครไม่ขึ้น ใครฟังแล้วโอ้โหใช่เลยเพราะว่าคนส่วนใหญ่ก็จะคิดอย่างนั้น ทำความดีกับคนอื่นแล้วอยากจะได้ตอบแทนเยอะ ๆ ถึงเวลามักจะไม่ได้อย่างที่ตัวเองคิดก็เลยรู้สึกว่าตัวเองทำบุญกับใครแล้วไม่ขึ้น แล้วบางทีเขาพูดไปแล้วก็ดูหน้าเราไปหรือฟังสิ่งที่เราพูดระบายออกมา เขาก็จะจับได้เพราะว่าเขาดูให้คนเยอะก็ใช้หลักจิตวิทยาแล้วก็ทำนายไป บางทีก็อาศัยหลักสถิติคำนวณวัน เดือน ปี เกิดอะไรบ้าง แต่ว่ามันก็ไม่ได้ถูกต้องไปหมด เราสังเกตแม้กระทั้งหมอดัง ๆ ออกทีวีลงหนังสือพิมพ์ ทำนายไว้เยอะแยะ 10 เรื่อง จะถูกสักเรื่องก็ยากงั้นอย่าถือเป็นเกณฑ์เอาการกระทำของเราอย่างมีเหตุมีเหตุเป็นเกณฑ์อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนเราดีที่สุด เจริญพร