มะม่วง..ทองคำ
เรื่องนี้โยมแผ้วเป็นผู้เล่าให้ฟัง โยมแผ้วคนนี้ คือ อุบาสิกาที่อยู่ในวัดปากน้ำ ทำหน้าที่ช่วยงานต่าง ๆ ของวัดปากน้ำ โยมแผ้วเข้าวัดก่อนคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และมีอายุมากกว่าคุณยาย เพราะโยมแผ้วได้มาพบหลวงปู่วัดปากน้ำตั้งแต่สมัยที่โยมแผ้วอายุได้ประมาณ 25 ปี ซึ่งสมัยนั้นโยมแผ้วเข้าวัดมาพร้อมกับสามี และสุดท้ายทั้งสองสามีภรรยาก็ได้อุทิศตัวเข้ามาช่วยงานวัดพร้อมกัน ซึ่งสามีก็มาช่วยงานวัดในฐานะเป็นอุบาสก มีหน้าที่คอยช่วยถางหญ้า ปัดกวาดลานวัด ฯลฯ ซึ่งหลวงปู่ได้พูดกับสองสามีภรรยาคู่นี้ว่า “เออ เข้าวัดทั้งผัวทั้งเมียเลย”
โยมแผ้วมีลักษณะเป็นคนตัวเล็ก ๆ กลม ๆ ป้อม ๆ สูงประมาณ 150 เซนติเมตร มีลูกนัยน์ตาคมวับ เวลาท่านนั่งสมาธิ ตัวท่านจะตรงนิ่ง หลังพิงอากาศ ดูสง่างาม แต่ท่านก็เข้าถึงธรรมะในระดับได้ดวงใส ๆ กลางท้องเท่านั้น โยมแผ้วมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงปู่และอานุภาพของวิชชาธรรมกายมากมาย เพราะท่านอยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่สมัยก่อนที่หลวงปู่จะเริ่มขุดแก้วบรมจักร และก่อนที่หลวงปู่จะก่อตั้งโรงงานทำวิชชา
ซึ่งโยมแผ้วเล่าว่า ในสมัยที่หลวงปู่อยู่ ครั้งหนึ่งท่านสั่งพวกที่ได้ธรรมกายในโรงงานทำวิชชาว่า “เอ้อ..ไปตามจักรพรรดิให้มาปรับปรุงผลหมากรากไม้ให้มีรสโอชาอร่อยๆ” จักรพรรดิในที่นี้ไม่ใช่พระเจ้าจักรพรรดิผู้ปกครองทวีปทั้ง 4 แต่หมายถึง กายสิทธิ์ซึ่งกายที่เกิดขึ้นเอง ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ซึ่งกายสิทธิ์ก็จะมีวิธีการของเขา และพวกที่ได้ธรรมกาย จึงจะสามารถใช้กายสิทธิ์ช่วยในการทำวิชชาได้ เช่น ทำให้กายสิทธิ์เข้าไปอยู่ในกลางพืชผล สมมุติว่า พืชผลมีจำนวนหมื่นต้น กายสิทธิ์ก็สามารถพิสดารกายหมื่นกาย แล้วเข้าไปอยู่ในกลางพืชผล แล้วใช้อานุภาพปรับปรุงพืชผลนั้นให้เจริญงอกงาม มีรสโอชาได้
สมัยนั้น มีมะม่วงอยู่ต้นหนึ่ง หลวงปู่ท่านสั่งพวกทำวิชชาว่า ให้ไปทำให้มันออกลูกมาเป็นสีทองคำ คือ ทำให้เปลือกเป็นสีทองทั้งลูก เหมือนเอาทองไปเคลือบไว้ และสุดท้าย มะม่วงต้นนั้นก็ออกลูกมาเป็นสีทองคำได้จริง ๆ อย่างน่าอัศจรรย์ แถมลูกโตมากจนน่าทึ่ง...
จากหนังสือ อานุภาพหลวงปู่..ยุคต้นวิชชา