หมวดผ้า และ อุปกรณ์
๒๐. คำถวายผ้าไตรจีวรอุทิศผู้ตาย
อิมานิ มะยัง ภันเต ติจีวะรานิ ภิกขุสังฆัสสะ เทมะ สาธุ โน ภันเต อะยัง ติจีวะระทานะวิปาโก อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ญาตะกานัง กาละกะตานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ สังวัตตะตุ อัมหากัญจะ มาตาปีตุอาทะโย ญาดะกา อิมัง ทานะปัตติง ละภันตุ อัมหากัง เจตะสา ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอถวายผ้าไตรจีวรเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอผลวิบาก อันเกิดจากการถวายผ้าไตร จีวรนี้ จงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ญาติ ทั้งหลายผู้ล่วงลับไปแล้ว มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนาน และขอญาติทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้น ของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงได้รับส่วนบุญอันเกิดแต่ทานนี้ ตามเจตนาของข้าพเจ้าทั้งหลายเทอญ ฯ
๒๑. คำถวายปราสาทผึ้งอุทิศผู้ตาย
(ประเพณีภาคอีสาน)
เอตัง มะยัง ภินเต มะธุปุปผะปาสาทง สะปะริวารัง มะตะกัสสะ ทักขิณานุปะหานัตถายะ ภิกขสังฆัสสะ นิยยาเทมะ สาธุ โน ภันเต ภิกขสังโฆ เอตัง มะธุปุปผะปาสาทัง สะปะริวารัง ปะฎิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มะตะกัสสะจะ ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอมอบถวายปราสาทผึ้ง พร้อมกับของบริวารนี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อประโยชน์เป็นทักษิณานุประทานแก่ท่านผู้ล่วงลับไปแล้ว ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับปราสาทผึ้ง พร้อมกับของบริวารนี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ท่านผู้ล่วงไปแล้วด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๒๒. คำถวายผ้าอาบนํ้าฝน
อิมา มะยัง ภันเต วัสสิกะสาฏิกา สะปะริวารา ภิกชุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมา วัสสิกะสาฏิกา สะปะริวารา ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าอาบนํ้าฝน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าอาบน้ำฝน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๒๓. คำถวายผ้าจำพรรษา
อิมานิ มะยัง ภันเต วัสสาวาสิกะจีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วัสสาวาสิกะจีวะรานิ สะปะระวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะซะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าจำพรรษา พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าจำพรรษา พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๒๔. คำถวายผ้าอัจเจกจีวร
(ผ้าที่มีลักษณะเหมือนผ้าจำพรรษา แต่ทายกรีบถวายก่อนออกพรรษา ๑๐ ว้น)
อิมานิ มะยัง ภันเต อัจเจกะจีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ อัจเจกะจีวะรานิ สะปะริวารานิ ปะฎิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าอัจเจกจีวร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าอัจเจกจีวร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๒๔. คำถวายผ้ากฐิน (แบบเก่า)
อิมัง สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง สังฆัสสะ โอโณชะยามะ
อิมัง สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง สังฆัสสะ โอโณชะยามะ
อิมัง สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง สังฆัสสะ โอโณชะยามะ ฯ
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าจีวรกฐิน พร้อมกับของบริวารนี้ แก่พระสงฆ์
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าจีวรกฐิน พร้อมกับของบริวารนี้ แก่พระสงฆ์
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าจีวรกฐินพร้อมกับ ของบริวารนี้ แก่พระสงฆ์ ฯ
๒๖. คำถวายผ้ากฐิน (แบบใหม่)
อิมัง มะยัง ภันเต สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง สังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต สังโฆ อิมัง สะปะริวารัง กะฐินะจีวะระทุสสัง ปะฏิคตัณหาตุ ปะฏิคคะเหต๎วา จะ อิมินา ทุสเสนะ กะฐินัง อัตถะระตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าจีวรกฐิน พร้อมกับของบริวารนี้ แก่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์ จงรับผ้าจีวรกฐิน พร้อมกับของบริวารนี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย ครั้นรับแล้ว จงกรานกฐิน ด้วยผ้าผืนนี้ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๒๗. คำถวายผ้ากฐินหลวง
ในหลวง หรือ ผู้ได้รับพระราชทาน ยืนอุ้มผ้าไตรผินพระพักตร์ หรือหน้าไปทางพระประธานในโบสถ์ ตั้งนะโม ๓ จบแล้ว ผินพระพักตร์ หรือหน้ากล้บมาทางพระสงฆ์ แล้วจึงทรงกล่าว หรือ กล่าวถวายเป็นภาษาไทย คำถวายที่เป็นภาษาไทยนั้น ไม่เหมือนคำแปล ๒ แบบ ที่กล่าวมา ด้งนี้ :-
ผ้าพระกฐินทานกับทั้งผ้าอานิสงส์บริวารทั้งปวงนี้ ข้าพเจ้าขอถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งจำพรรษาถ้วนไตรมาส ในพระอาวาสราชวรวิหารนี้ ขอพระสงฆ์จงรับผ้าพระกฐิน และกระทำกฐินัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาตนั้นเทอญ ฯ
๒๘. คำถวายผ้าป่า
อิมานิ มะยัง ภันเต ปังสุกูละจีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ปังสุกูละจีวะรานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าบังสุกุลจีวร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าบังสุกุลจีวร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๒๙. คำถวายเครื่องอัฏฐบริขาร
อิมานิ มะยัง ภันเต อัฏฐะ ปะริกขาระวัตถูนิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ อัฏฐะ ปะริกขาระรัตถูนิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายเครื่องอัฏฐบริขาร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับเครื่องอัฏฐบริขาร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๐.คำถวายจีวร
อิมานิ มะยัง ภันเต จีวะรานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ จีวะรานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายจีวร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับจีวร พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๑. คำถวายผ้าม่าน
อิมานิ มะยัง ภันเต สาณิวัตถานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน กันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ สาณิวัตถานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ๆ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าม่าน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าม่าน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๒. คำถวายผ้าปูที่นอน
อิมานิ มะยัง ภันเต ปัจจัตถะระณานิ สะปะริวารานิ จาตุททิสัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ อาคะตานาคะตัสสะ วะลัญชะนัตถายะ อมสมง อาวาเส โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ปัจจัตถะระณานิ สะปะริวารานิ ปะฎิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าปูที่นอน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหลานี้ ไว้ในอาวาสนี้ เพื่อประโยชน์เป็นเครื่องใช้สอยของพระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่ในทิศทั้ง ๔ ทั้งที่มาแล้วและยังมิได้มา ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าปูที่นอน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๓. คำถวายผ้าห่มนอน
อิมานิ มะยัง ภันเต สะยะนะปารุปะนานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ สะยะนะปารุปะนานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าห่มนอน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าห่มนอน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๔. คำถวายผ้าคลุมเตียงนอน
อิมานิ มะยัง ภันเต มัญโจตถะระณะวัตถานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ มัญโจตถะระณะวัตถานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ผ้าคลุมเตียงนอน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าคลุมเตียงนอน พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพี่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๕. คำถวายมุ้ง
อิมา มะยัง ภันเต มะกะสะกุฏิกา สะปะริวารา จาตุททิสัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ อาคะตานาคะตัสสะ วะลัญชะนัตถายะ อิมัส๎มิง อาวาเส นิยยาเทมะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมา มะกะสะกุฎิกา สะปะริวารา ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนิญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ๆ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายมุ้ง พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ไว้ในอาวาสนี้ เพื่อประโยชน์เป็นเครื่องใช้สอย ของพระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่ในทิศทั้ง ๔ ทั้งที่มาแล้วและยังมิได้มา ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับมุ้ง พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๖. คำถวายผ้าปูนั่ง-พรมปูนั่ง
อิมานิ มะยัง ภันเต นิสีทะนานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ นิสีทะนานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าปูนั่ง (พรมปูนั่ง) พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผ้าปูนั่ง (พรมปูนั่ง) พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดา
บิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๗. คำถวายเครื่องอุปกรณ์การเย็บจีวร
อิมานิ มะยัง ภันเต สูจิอาทีนิ จีวะระกาโรปะกะระณานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ สูจิอาทีนิ จีวะระกาโรปะกะระณานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคตัณหาตุ อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานิง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายเครื่องอุปกรณ์การเย็บจีวร มีเข็มเป็นต้น พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับเครื่องอุปกรณ์การเย็บจีวร มีเข็มเป็นต้น พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้นด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๘. คำถวายผงซักผ้า
อิมานิ มะยัง ภันเต วัตถะโธวะนะจุณณานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ วัตถะโธวะนะจุณณานิ สะปะริวารานิ ปะฎิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผงชักผ้า พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แก่พระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุสงฆ์ จงรับผงชักผ้า พร้อมกับของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ ฯ
๓๙. คำถวายรางไม้ย้อมผ้า
ยัคเฆ ภันเต สังโฆ ปะฏิชานาตุ มะยัง เอตัง ระชะนะโทณิง สะปะริวารัง จาตุททิสัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ อาคะตานาคะตัสสะ วะลัญชะนัตถายะ อิมัส๎มิง อาวาเส นิยยาเทมะ สาธุ โน ภันเต อะยัง จาตุททิสัสสะ ภิกขุสังฆัสสะ อาคะตานาคะตัสสะ วะลัญชะนัตถายะ ระชะนะโทณิยา ทานัสสะ อานิสังโส อัมหากัญเจวะ มาตาปิตุอาทีนัญจะ ปิยะชะนานัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ สังวัตตะตุ ฯ
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงรับทราบ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอมอบถวาย รางไม้สำหรับย้อมผ้า พร้อมกับของบริวารนี้ ไว้ในอาวาสนี้ เพื่อประโยชน์เป็นเครื่องอาสัยใช้สอย ของพระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่ในทิศทั้ง ๔ ทั้งที่มาแล้วและยังมิได้มา ขออานิสงส์ แห่งการถวายรางไม้สำหรับย้อมผ้า เพื่อประโยชน้เป็นเครื่องอาศ้ยใข้สอย ของพระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่ในทิศทั้ง ๔ ทั้งที่มาแล้วและยังมิได้มานี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายด้วย แก่ปิยชนทั้งหลาย มีมารดาบิดาเป็นตันด้วย ตลอดกาลนานเทอญ ๆ
ระเบียบนิยมปฏิบติในการถวายทาน
การเตรียมงานเบื้องต้น
๑. นิยมจัดตั้งที่บูชาพระรัตนตรัย และจัดปูลาดอาสน์สงฆ์สำหรับเป็นที่นั่งของพระภิกษุสงฆ์ (นิยมอย่างน้อยไมต่ำกว่า ๕ รูป) โดยนิยมจัดอาสน์สงฆ์ไว้ด้านช้ายที่บูชาพระรัตนตรัย
๒. นิยมจัดเตรียมสิ่งของที่จะถวายทานไว้ให้พรักพร้อม คือ ถ้าจะถวายสังฆทานแก่พระภิกษุสงฆ์หลายรูป นิยมจัดแยกสิ่งของที่จะถวายนั้นเป็นส่วน ๆ ละรูป เพื่อสะดวกแก่การยกถวาย โดยไม่สับสนกัน ถ้าการถวายสังฆทานนั้น ใช้ปิ่นโตใส่อาหารคาวเถา ๑ ใส่อาหารหวานเถา ๑ โดยใช้ปิ่นโตมีขนาดและชนิดเดียวกัน นิยมใช้ผ้าริบบิ้น หรือเชือกผูกทำเครื่องหมายไว้เป็นที่ให้สังเกตรู้ได้ว่าต่างกัน และนิยมยกสิ่งของที่จะถวายสังฆทานนั้น ไปตั้งไว้ข้างหน้าพระภิกษุสงฆ์แต่ละรูปถ้าจะถวายสิ่งของที่นำเคลื่อนที่ไม่ได้เช่นถวายถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น นิยมใช้ด้ายสายสิญจน์ โยงจากถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างนั้นมาวางใส่พานไว้ข้างหน้าพระเถระผู้เป็นประธานสงฆ์
๓. นิยมจัดเตรียมเครื่องสำหรับใช้ในงานถวายทาน คือ ธูป เทียน ดอกไม้ ไม้ขีดไฟ เทียนชนวน ภาชนะสำหรับกรวดน้ำ พร้อมทั้งใส่น้ำให้มีเพียบพร้อมทุกประการ
ระเบียบนิยมปฏิบติในการถวายทาน
๑. ผู้เป็นประธานงาน หรือผู้เป็นเจ้าภาพงาน นิยมเริ่มประกอบพิธีถวายทาน ด้วยการจุดธูปเทียน ที่โต๊ะหมู่บูชา (โดยจุดธูป ๓ ดอก เทียน ๒ เล่ม) แล้วนั่งคุกเข่าประณมมือ ตั้งใจกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยจบแล้ว กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วกลับมานั่งที่เดิม
๒. ผู้เป็นพิธีกร หรือผู้เป็นประธานงาน หรือผู้เป็นเจ้าภาพงาน นิยมนั่งคุกเข่าหันหน้าไปทางพระเถระผู้เป็นประธานสงฆ์ ประณมมือตั้งใจกล่าวคำอาราธนาศีล ๕ (หรือศีล ๘) ด้วยการเปล่งเสียงดังฟังชัดเจน อันเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระสงฆ์เป็นอย่างดี
๓. เมื่อพระเถระผู้เป็นประธานสงฆ์ตั้งพัดให้ศีล ทุกคนที่มาร่วมพิธี นิยมตั้งใจกล่าวคำสมาทานศีลโดยพร้อมเพรียงกัน ด้วยการเปล่งเสียงดังฟังชัดถ้อยชัดคำตลอดไปจนจบการสมาทานศีล
๔. ผู้เป็นพิธีกร หรีอผู้เป็นประธานงาน หรือผู้เป็นเจ้าภาพงาน นิยมกล่าวเชิญชวนผู้มาร่วมพิธีทุกคนให้ตั้งใจกล่าวคำถวายทานพร้อม ๆ กัน โดยกล่าวนำเป็นระยะ ๆ ไป เริ่มด้วยการตั้งนะโม ๓ จบแล้ว กล่าวนำคำถวายทานเป็นวรรค ๆ ไปด้วยการเปล่งเสียงดังฟังได้ชัดเจนโดยทั่วก้น แต่ไม่ควรกล่าวนำคำถวายเป็นวรรคยาว ๆ จะทำให้ผู้กล่าวตามจำไม่ได้ และนิยมกล่าวนำคำถวายทานนั้นทั้งภาคภาษาบาลี และภาคภาษาไทย ซึ่งจะทำให้ทุกคนผู้ร่วมพิธีถวายนั้นรู้เรื่อง และจะเป็นเหตุทำให้เกิดปีติโสมนัสในบุญกุศลทานนั้นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
๕. เมื่อกล่าวคำถวายทานจบแล้ว พระภิกษุสงฆ์ทั้งนั้นนิยมประณมมือกล่าวคำรับถวายว่า "สาธุ" แปลว่า"ดีแล้ว ชอบแล้ว จงสำเร็จตามปรารถนา" จบแล้ว
๖. ผู้เป็นประธานงาน หรือผู้เป็นเจ้าภาพงานและผู้มาร่วมพิธี นิยมช่วยกันยกสิ่งของ (เฉพาะสิ่งของที่เป็นกัปปิยะ คือ สิ่งของที่พระภิกษุสงฆ์ใช้สอยได้ไม่ผิดพระวินัย) ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์แต่ละรูป ส่วนสิ่งของที่เป็นอกัปปิยะ คือ สิ่งของที่ไม่สมควรแก่พระภิกษุสงฆ์ใช้สอย เช่น เงิน ทอง เป็นต้น ไม่นิยมยกถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ แต่นิยมมอบไว้ให้แก่ไวยาวัจกร (คือศิษย์ของพระภิกษุสงฆ์) เป็นผู้แทนรับไว้เท่านั้น ถ้าจะถวายถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างที่นำเคลื่อนที่ไม่ได้ นิยมใช้ด้ายสายสิญจน์โยงมาแล้วคลี่ม้วนด้ายสายสิญจน์ไปให้ทุกคนที่มาร่วมพิธีได้ถือไว้ก่อนจะกล่าวคำถวายทาน และเมื่อกล่าวคำถวายทานจบแล้ว ผู้เป็นประธานงาน หรือผู้เป็นเจ้าภาพงานนิยมกล่าวเชิญชวนให้ทุกคนตั้งใจถวายพร้อม ๆ กัน โดยให้ทุกคนยกด้ายสายสิญจน์นั้นขึ้นจบอธิษฐาน แล้วยกพานใส่ด้ายสายสิญจน์ถวายแก่พระเถระผู้เป็นประธานสงฆ์ เมื่อถวายเสร็จแล้วจึงม้วนเก็บด้ายสายสิญจน์นั้น
๗. เมื่อพระเถระผู้เป็นประธานสงฆ์เริ่มตั้งพัดอนุโมทนา โดยกล่าวคำว่า "ยะถา วาริวะหา" ผู้เป็นประธานงาน หรือผู้เป็นเจ้าภาพงาน นิยมเริ่มกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล โดยเทน้ำให้ไหลลงเป็นสาย (สายน้ำนี้ประดุจว่าสายใจ) พร้อมกับกล่าวคำกรวดน้ำ และกล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษของตนผู้ล่วงสับไปแล้ว เป็นต้น โดยเพียงแต่นึกในใจเท่านั้น ไม่นิยมกล่าวให้มีเสียงด้ง หรือการทำปากขมุบขมิบพึมพำ และทุกคนที่มาร่วมพิธีก็นิยมตั้งใจอุทิศส่วนกุศลที่เกิดจากการถวายทานนั้น ให้แก่บรรพบุรุษของตน ๆ เช่นเดียวกัน
๘. เมื่อพระภิกษุสงฆ์รูปที่ ๒ กล่าวคำรับว่า "สัพพีติโย" ผู้เป็นประธานงานหรือผู้เป็นเจ้าภาพงาน นิยมเทน้ำกรวดให้หมดภาชนะ แล้วประณมมือตั้งใจรับพรจากพระภิกษุสงฆ์ต่อไปจนจบ
๙. เมื่อพระภิกษุสงฆ์ให้พรจบแล้ว ทุกคนในพิธีถวายทานนั้น นิยมนั่งคุกเข่า ประณมมือ กราบแบบบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง (ถ้านั่งเก้าอี้ นิยมน้อมตัวลงยกมือไหว้) เป็นเสร็จพิธีการถวายทาน.