ฝนมาจากไหน
เวลาฝนตกเราเห็นมิใช่หรือ? ฝนมาทางท้องฟ้า ไม่ใช่มาทางใต้ดิน ฝนมาจากท้องฟ้า แต่เดิมฝนมาจากที่ไหน? ฝนก็อยู่ในในก้อนเมฆดำๆนั่นแหละ พอเมฆตั้งขึ้นแล้วประเดี๋ยวฝนก็ตก ฝนอยู่ในก้อนเมฆนั่นเอง
เราเห็นกันเพียงเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแต่พวกเราแม้กษัตริย์ในครั้งเจ้าศากยะ เมืองกบิลพัสดุ์ กษัตริย์เหล่านั้นถามกันว่ารู้หรือว่าข้าวมาจากไหน ? ข้าวที่บริโภคเสวยอยู่ในชามนั้น
กษัตริย์องค์หนึ่งผลุดลุกขึ้นตอบว่า ข้าวมาจากครก
กษัตริย์องค์หนึ่งตอบว่าข้าวมาจากในหม้อ เพราะไปเห็นข้าวในหม้อมาไม่เคยเห็นข้าวในยุ้งในฉางหรือที่เขาตามเขาโครก
อีกองค์หนึ่งตอบว่า ข้าวมาจากในชามที่สำรับนั่นแหละ เพราะตนเห็นมาเพียงแค่นั้น ไม่เคยเห็นในที่อื่น
นี่เป็นกษัตริย์สุขุมาลชาติอย่างนี้ ยังไม่รู้ไม่ทราบ เราก็เหมือนกัน ฝนนี่หากเราจะถามว่ามาจากไหน เราก็คงตอบได้ว่ามาจากก้อนเมฆดำๆ บนท้องฟ้านั่น ที่อื่นก็ไม่เห็นมี ไม่เข้าใจ ไม่เห็น
แท้จริงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณธาตุมีอยู่ ถ้าผู้มีปัญญาในอากาศว่างๆนี้แหละเขาสามารถใช้เครื่องดักเอาไอน้ำในอากาศก็ได้ ในศาลานี้ก็มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เต็มไปหมด
แต่ผู้ใดจะให้ฝนตกผู้นั้นต้องทำฝนเป็น แก้ไขทำฝนขึ้นได้ ทำน้ำขึ้นได้ ผู้เทศน์นี้ได้เคยแก้ไขมาแล้ว จะแก้ไขเกณฑ์ฝนได้เหมือนกัน
เมื่อรู้จักหลักและที่มาของฝนแล้ว ก็จะรู้ได้ด้วยว่าบุญที่มนุษย์ทำมาจากไหน ?
ก็มาจากไหนกลางกายนี้ ตรงกลางของใจนั้น กลางของกลางกลางของกลาง กลางของกลาง หนักเข้าก็พบดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน กลางของกลางหนักเข้าไปก็พบดวงศีล ศูนย์กลางเข้าไปก็พบดวงสมาธิ กลางของกลางเข้าไปอีกก็พบดวงปัญญา กลางของกลางเข้าไปอีกภพดวงวิมุตติ กลางของกลางเข้าไปอีกก็พบดวงวิมุตติญาณทัสสนะ
กลางของกลางเข้าไปอีก พบกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์ละเอียดก็มีธาตุดิน น้ำ ลม เหมือนกันเป็นชั้นๆ เข้าไปอย่างนี้ นี่หัดเข้าไปหากลายเป็นชั้นๆ เข้าไป เข้าไปหากายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์-กายทิพย์ละเอียด กายพรหม-กายพรหมละเอียด กายอรูปพรหม-กายอรูปพรหมละเอียด กายธรรม-กายธรรมละเอียด กายโสดา-กายโสดาละเอียด ไก่สกทาคา-กายสกทาคาละเอียด กายอนาคา-กายอนาคาละเอียด กายอรหัต-กายอรหัตละเอียด หนักขึ้นไปเป็นชั้นๆ
อยากจะเข้าไปหาน้ำบ้าง กลางของกลางธาตุน้ำนั้น กลางของกลาง กลางของกลาง กลางของกลาง ก็จะเข้าไปทะเล พบทะเลหนักลงไป หนักลงไป หนักลงไป จะใช้น้ำสักเท่าไหร่ ก็ใช้ไม่หมดใช้ไม่รู้จักหมดจักสิ้น จะเอาน้ำเท่าใดก็ได้ เข้าไปกลางของกลางนั่นแหละ ไม่ใช่ที่อื่น นี่ต้องการน้ำต้องทำอย่างนี้
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ภัตตานุโมทนากถา"
๑๑ พฤษภาคม ๒๔๙๗