นิทานก่อนนอน
เรื่อง สิ้นแผ่นดิน ไม่สิ้นแค้น
ตอน สูญเสียทุกสิ่ง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ในพระนครพาราณสี ได้มีพระเจ้ากาสีพระนามว่าพรหมทัต ทรงเป็นกษัตริย์มั่งคั่ง มีพระราชทรัพย์มาก มีพระราชสมบัติ มีรี้พล มีพระราชพาหนะมาก มีพระราชอาณาจักรใหญ่ มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์ และคลังธัญญาหารสมบูรณ์ ส่วนพระเจ้าโกศลพระนามว่าทีฆีติ ทรงเป็นกษัตริย์ขัดสน มีพระราชทรัพย์น้อย มีพระราชสมบัติ มีรี้พล มีพระราชพาหนะน้อย มีพระราชอาณาจักรเล็ก มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารไม่สู้จะบริบูรณ์นัก
ครั้งนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ทรงประสงค์จะยึดราชสมบัติแคว้นโกศล จึงทรงจัดทัพ เสด็จกรีธาจาตุรงคเสนาไปโจมตีพระเจ้าทีฆีติโกศลราช
พระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้ทรงสดับข่าวว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เสด็จกรีธาจาตุรงคเสนามาโจมตีพระองค์ จึงทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชทรงเป็นกษัตริย์มั่งคั่ง มีพระราชทรัพย์มาก มีพระราชสมบัติ มีรี้พล มีพระราชพาหนะมาก มีพระราชอาณาจักรใหญ่ มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารบริบูรณ์ ส่วนเราเป็นกษัตริย์ขัดสน มีพระราชทรัพย์น้อย มีพระราชสมบัติ มีรี้พล มีพระราชพาหนะน้อย มีพระราชอาณาจักรเล็ก มีคลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหารไม่สู้จะบริบูรณ์ นั่นนับเป็นความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เราไม่สามารถจะรบกับพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชแม้แต่เพียงศึกเดียว ถ้ากระไร เราพึงรีบหนีออกจากพระนครไปเสียก่อนดีกว่า ครั้นแล้วได้ทรงพาพระมเหสีเสด็จหนีออกจากพระนครไปเสียก่อน
ฝ่ายพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ทรงยึดรี้พลพาหนะ ชนบท คลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์และคลังธัญญาหาร ของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชไว้ได้แล้วเสด็จเข้าครอบครองแทน.
ครั้งนั้น พระเจ้าทีฆีติโกศลราช พร้อมกับพระมเหสีได้เสด็จหนีไปทางพระนครพาราณสี เสด็จบทจรโดยลำดับมรรคาถึงพระนครพาราณสีแล้ว ทราบว่าท้าวเธอพร้อมกับมเหสี ทรงปลอมแปลงพระองค์มิให้ใครรู้จัก ทรงนุ่งห่มเยี่ยงปริพาชกเสด็จอาศัยอยู่ในบ้านของช่างหม้อ ซึ่งตั้งอยู่ชายแดนแห่งหนึ่งเขตพระนครพาราณสีนั้น
ครั้นต่อมาไม่นานเท่าไรนัก พระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลทรงตั้งครรภ์ พระนางเธอนั้นทรงแพ้พระครรภ์ด้วยอาการอย่างนี้คือ เมื่อยามรุ่งอรุณ ทรงปรารถนาจะทอดพระเนตรจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบและจะทรงเสวยน้ำล้างพระแสงขรรค์ จึงได้กราบทูลอาการแพ้พระครรภ์ให้พระสวามีทรงทราบ
พระราชารับสั่งว่า แม่เทวี เราทั้งสองกำลังตกยาก จะได้จตุรงคเสนาผู้ผูกสอดสวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และน้ำล้างพระขรรค์มาแต่ไหน.
พระราชเทวีกราบทูลว่า ถ้าหม่อมฉันไม่ได้ คงตายแน่ พระเจ้าข้า.
ก็สมัยนั้น พราหมณ์ปุโรหิตของพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชเป็นสหายของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช พระเจ้าทีฆีติโกศลราชจึงเสด็จเข้าไปหาพราหมณ์นั้น ครั้นถึงแล้วได้ตรัสคำนี้แก่ท่านพราหมณ์ว่า เพื่อนเอ๋ย เพื่อนหญิงของท่านมีครรภ์ นางแพ้ท้องมีอาการเห็นปานนี้คือ เมื่อยามรุ่งอรุณ นางปรารถนาจะดูจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และจะดื่มน้ำล้างพระแสงขรรค์.
พราหมณ์ปุโรหิตกราบทูลว่า ขอเดชะ ถ้ากระนั้น หม่อมฉันจะขอเฝ้าพระเทวีก่อน.
ลำดับนั้น พระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช ได้เสด็จเข้าไปหาพราหมณ์ปุโรหิต พราหมณ์ ได้แลเห็นพระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช กำลังเสด็จมาแต่ไกลเทียว ครั้นแล้วลุกจากที่นั่งห่มผ้าเฉวียงบ่า ประนมมือไปทางพระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลราช แล้วเปล่งอุทานขึ้น ๓ ครั้งว่า ท่านผู้เจริญพระเจ้าโกศลประทับอยู่ในพระอุทรแน่แล้ว พระเจ้าโกศลประทับอยู่ในพระอุทรแน่แล้ว พระเจ้าโกศลประทับอยู่ในพระอุทรแน่แล้ว เพราะฉะนั้น พระเทวี
อย่าได้เสียพระทัย เมื่อยามรุ่งอรุณ จักได้ทอดพระเนตรจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และจักได้ทรงเสวยน้ำล้างพระแสงขรรค์เป็นแน่
พราหมณ์ปุโรหิตครั้นให้คำมั่นแก่พระมเหสีแล้ว จึงเข้าไปในพระราชสำนัก ครั้นถึงแล้วได้กราบทูลพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชว่า ขอเดชะ นิมิตทั้งหลายปรากฏตามกำหนดวิธีการ คือในเวลารุ่งอรุณพรุ่งนี้ จตุรงคเสนาจะผูกสอดสวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และเจ้าพนักงานจะเอาน้ำล้างพระแสงขรรค์ด้วย พระเจ้าข้า.
ลำดับนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชจึงมีพระบรมราชโองการสั่งเจ้าพนักงานทั้งหลายว่า ดูก่อนพนาย พราหมณ์ปุโรหิตสั่งการอย่างใด พวกเจ้าจงทำอย่างนั้น
พระมเหสีของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้ทอดพระเนตรจตุรงคเสนา ผู้ผูกสอดสวมเกราะยืนอยู่ในสนามรบ และได้เสวยน้ำล้างพระแสงขรรค์ในเวลารุ่งอรุณ สมความปรารถนา ครั้นต่อมาทรงอาศัยความแก่แห่งพระครรภ์นั้นได้ประสูติพระราชโอรส พระชนกชนนีได้ขนานพระนามพระราชโอรสนั้นว่าทีฆาวุ และต่อมาไม่ช้านานเท่าไร ทีฆาวุราชกุมารก็ถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา
ครั้งนั้น พระเจ้าทีฆีติโกศลราชดำริว่า พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชนี้ ก่อความพินาศให้แก่พวกเรามากมาย ได้ช่วงชิงเอารี้พล พาหนะ ชนบท คลังศัสตราวุธยุทธภัณฑ์ และคลังธัญญาหาร ของพวกเราไป ถ้าท้าวเธอจักสืบทราบถึงพวกเรา คงสั่งให้ประหารชีวิตหมดทั้งสามคน ถ้ากระไร เราพึงให้พ่อทีฆาวุกุมารหลบอยู่นอกพระนคร
ครั้นแล้วได้ให้ทีฆาวุราชกุมารหลบอยู่นอกพระนคร ครั้นทีฆาวุราชกุมารหลบอยู่นอกพระนคร ไม่นานเท่าไรนัก ก็ได้ศึกษาศิลปะสำเร็จทุกสาขา.
ต่อมาไม่นาน นายช่างกัลบกของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้สวามิภักดิ์อยู่ในพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช เขาได้เห็นพระเจ้าทีฆีติโกศลราช พร้อมกับมเหสี เสด็จอาศัยอยู่ในบ้านของช่างหม้อ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนแห่งหนึ่งเขตพระนครพาราณสี ครั้นแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชได้กราบทูลว่า ขอเดชะ พระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับมเหสีทรงปลอมแปลงพระกายมิให้ใครรู้จัก ทรงนุ่งห่มเยี่ยงปริพาชก เสด็จอาศัยอยู่ในบ้านของช่างหม้อ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ชายแดนแห่งหนึ่ง เขตพระนครพาราณสี พระเจ้าข้า.
ครั้งนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช จึงมีพระบรมราชโองการสั่งเจ้าพนักงานทั้งหลายว่า ดูก่อนพนาย ถ้ากระนั้น พวกเจ้าจงไปจับพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสีมา.
พวกเขาทูลรับสนองพระบรมราชโองการว่า เป็นดังกระแสรับสั่ง พระเจ้าข้า ดังนั้น แล้วไปจับพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสีมาถวาย.
พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช จึงมีพระบรมราชโองการสั่งเจ้าพนักงานทั้งหลายว่า ดูก่อนพนาย ถ้ากระนั้น พวกเจ้าจงเอาเชือกที่เหนียว ๆ มัดพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสี มัดให้แน่น ให้มีพระพาหาไพล่หลังกล้อนพระเกสา แล้วนำตระเวนไปตามถนน ตามตรอกทุกแห่ง ด้วยวัชฌเภรีมีสำเนียงอันคมคาย แล้วให้ออกไปทางประตูด้านทักษิณ บั่นตัวออกเป็น ๔
ท่อนวางเรียงไว้ในหลุม ๔ ทิศ ทางด้านทักษิณแห่งพระนคร.
พวกเขาได้ทำตามพระราชโองการของพระเจ้าพรหมทัตกาสิกราชนั้น
ครั้งนั้น ทีฆาวุราชกุมารได้ทรงดำริดังนี้ว่า นานมาแล้วที่เราได้เยี่ยมพระชนกชนนี ถ้ากระไร เราพึงไปเฝ้าเยี่ยมพระชนกชนนี ครั้นแล้วเข้าไปสู่พระนครพาราณสี ได้ทอดพระเนตรเห็นเจ้าพนักงานทั้งหลายเอาเชือกอย่างเหนียว ๆ มัดพระชนกชนนีจนแน่น ให้มีพระพาหาไพล่หลัง กล้อนพระเกสาแล้ว นำตระเวนไปตามถนนตามตรอก ด้วยวัชฌเภรีมีสำเนียงอันคมคาย ครั้น
แล้วเสด็จพระดำเนินเข้าไปใกล้พระชนกชนนี
พระเจ้าทีฆีติโกศลราช ได้ทอดพระเนตรเห็นทีฆาวุราชกุมารเสด็จพระดำเนินมาแต่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้ตรัสพระบรมราโชวาทนี้แก่ทีฆาวุราชกุมารว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่สั้น เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับได้เพราะจองเวรเลย แต่ย่อมระงับได้เพราะไม่จองเวรเท่านั้น
เมื่อท้าวเธอตรัสอย่างนี้แล้ว เจ้าพนักงานเหล่านั้นได้ทูลคำนี้แด่ท้าวเธอว่า พระเจ้าทีฆีติโกศลราชนี้เสียสติเสียแล้วจึงบ่นเพ้ออยู่ ทีฆาวุของพระองค์คือใคร พระองค์ตรัสอย่างนี้กะใคร
พระเจ้าทีฆีติโกศลราชตรัสว่า พนาย เราไม่ได้เสียสติ แต่ผู้ใดรู้เรื่อง ผู้นั้นจักเข้าใจ
พระเจ้าทีฆีติโกศลราช ได้ตรัสพระบรมราโชวาทนี้แก่ทีฆาวุราชกุมารถึงสามครั้งว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่สั้น เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว เวรทั้งหลายย่อมไม่ระงับได้เพราะจองเวรเลย แต่ย่อมระงับได้เพราะไม่จองเวรเท่านั้น
เจ้าพนักงานเหล่านั้น เข้าใจว่าพระเจ้าทีฆีติโกศลราชเสียสติแล้ว จึงได้นำพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสีไปตามถนน ตามตรอกทั่วทุกแห่ง แล้วให้ออกไปทางประตูด้านทักษิณ บั่นพระกายเป็น ๔ ท่อน วางเรียงไว้ในหลุม ๔ ทิศ ด้านทักษิณแห่งพระนครวางยามคอยระวังเหตุการณ์ไว้แล้วกลับไป
ครั้งนั้นทีฆาวุราชกุมาร เข้าไปสู่ พระนครพาราณสี นำสุรามาเลี้ยงพวกเจ้าหน้าที่อยู่ยาม เมื่อเวลาที่คนเหล่านั้นเมาฟุบหลับลง จึงจัดหาฟืนมาวางเรียงกันไว้ ยกพระบรมศพของพระชนกชนนีขึ้นสู่พระจิตกาธาน ถวายพระเพลิง แล้วประนมพระหัตถ์ทำประทักษิณ พระจิตกาธาน ๓ รอบ
ขณะนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสิกราช ประทับอยู่ชั้นบนแห่งปราสาทอันประเสริฐได้ทอดพระเนตรเห็นทีฆาวุราชกุมาร กำลังทรงประนมพระหัตถ์ทำประทักษิณพระจิตกาธาน ๓ รอบ ครั้นแล้วได้ทรงพระดำริแน่ในพระทัยว่า เจ้าคนนั้นคงเป็นญาติหรือสายโลหิต ของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชแน่นอน น่ากลัวจะก่อความฉิบหายแก่เรา ช่างไม่มีใครบอกเราเลย .เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป.โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้...
จบตอน สูญเสียทุกสิ่ง
Cr.ขุนพลไร้เงา