ส้มกิ๊กกลายเป็นส้มจื่อ

วันที่ 04 เมย. พ.ศ.2563

ส้มกิ๊กกลายเป็นส้มจื่อ

                  มีอยู่คราวหนึ่ง กษัตริย์แคว้นฉีได้ส่งอัครเสนาบดี นามว่า “เอี้ยนอิง” ไปเยือนแคว้นฉู่ กษัตริย์แคว้นฉู่ได้ยิน กิตติศัพท์ของเอี้ยนอิงว่าเป็นผู้มีปฏิภาณเฉียบแหลมและมีวาทะ คมคายมาก จึงคิดหาโอกาสแกล้งให้เอี้ยนอิงได้รับความอับอาย สักครั้งหนึ่ง

 

                  กษัตริย์แคว้นฉู่จึงสั่งให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับเอี้ยนอิงอย่างใหญ่โต และเรียนเชิญทูตจากประเทศต่าง ๆ รวมทั้งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ จำนวนมากเข้าร่วมงานด้วย

 

                  ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มกินและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นั่นเอง ราชองครักษ์ก็ได้นำตัวโจรผู้หนึ่งเข้ามาในท้องพระโรง เมื่อกษัตริย์แคว้นฉู่เห็นโจรผู้นั้นก็แกล้งทำเป็นประหลาดใจ ตรัสถาม ด้วยเสียงอันดังว่า “เจ้านักโทษคนนี้ไปทำผิดอะไรมา”

 

                   ราชองครักษ์จึงกราบทูลว่า “เป็นโจรลักปล้น เพิ่งจับได้ เมื่อครู่นี้เองพระเจ้าข้า”

 

                   กษัตริย์แคว้นฉู่จึงตรัสถามอีกว่า “แล้วมันเป็นคนที่ไหน”

 

                   ราชองค์รักษ์กราบทูลว่า “เป็นคนแคว้นฉีพระเจ้าข้า”

 

                  “คนแคว้นฉี” กษัตริย์แคว้นฉู่ทวนคำทำท่าทางเหมือน ไม่อยากเชื่อแล้วทรงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรัสถามเอี้ยนอิง ว่า “ท่านเอี้ยนอิง ประเทศของท่านคงจะมีโจรลักปล้นอย่างนี้มาก สินะ”

 

                  เอี้ยนอิงลุกขึ้นยืนโค้งคำนับกษัตริย์แคว้นฉู่ แล้วกราบทูล อย่างนอบน้อมว่า

 

                  “พระองค์คงจะเคยได้ยินมาบ้างว่า มีต้นส้มกิ๊ก ต้นหนึ่งเจริญเติบโตอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำไหว ทุก ๆ ปีจะ ให้ผลส้มกิ๊กซึ่งมีรสชาติหวานอร่อย แต่ถ้าย้ายไปปลูกทางเหนือ ของแม่น้ำไหวแล้ว จะกลับออกผลเป็นส้มจื่อ ซึ่งทั้งขม ทั้งฝาด ลักษณะภายนอกของส้มทั้งสองชนิดนี้แม้ดูคล้ายกัน แต่รสชาติ กลับต่างกันโดยสิ้นเชิง นี่เป็นเพราะดิน น้ำและสิ่งแวดล้อมของ ต้นไม้โดยแท้”

 

                    กษัตริย์แคว้นฉู่ไม่ค่อยเข้าใจวัตถุประสงค์ในการกล่าว ยกตัวอย่างเรื่องต้นส้มกิ๊กของเอี้ยนอิงเท่าใดนัก แต่ก็รู้สึกว่าเป็น เรื่องที่น่าสนใจ

 

                     เอี้ยนอิงจึงกราบทูลต่อไปว่า “แคว้นฉีของพวกข้าพระองค์ ไม่มีโจรลักปล้น การที่คนผู้นี้กลายเป็นโจรลักปล้น เป็นเรื่องที่ เกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้มาอยู่แคว้นฉู่แล้ว คงเป็นเพราะเขาได้รับ อิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อม สังคมของประเทศพระองค์แน่ ๆ เลย พระเจ้าข้า”

 

                    “พวกเจ้านำเจ้าโจรนี้ออกไปเดี๋ยวนี้” กษัตริย์แคว้นฉู่ตรัสสั่ง ราชองครักษ์ พระองค์ตั้งใจจะกลั่นแกล้งให้เอี้ยนอิงได้อับอาย แต่ลงท้ายกลับทำให้ตัวเองกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียเอง

 

ท่านทั้งหลาย...

ไหวพริบ ปฏิภาณ และปัญญาสามารถแก้ไขปัญหาได้ เพราะ ปัญญาเปรียบเสมือนอาวุธ ช่วยปกป้องคุ้มครองและนำชัยชนะ มาให้ อีกทั้งยังถือเป็นทรัพย์สินอันมีค่าอีกด้วย ผู้มีปัญญา ไม่ว่า อยู่ที่ใดก็จะองอาจ มีสง่าราศี หมู่คณะก็สง่างาม และเป็นที่ เกรงขามเสมอ การกลั่นแกล้งไม่ก่อให้เกิดผลดีอันใด ได้เพียง ความรู้สึกสะใจและมักจะให้โทษแก่ผู้ก่อเหตุเท่านั้น

 

ที่มา https://www.blockdit.com/thanavuddho_bhikkhu

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0044962008794149 Mins