วิบากกรรมทำให้เป็นมะเร็ง
ถ้าถามว่ามะเร็งคืออะไร อธิบายง่าย ๆ มะเร็งก็คือเซลล์ ใน ร่างกายของเราที่เกิดการกลายพันธุ์ ซึ่งเป็นได้กับเซลล์ของทุกส่วน ตั้งแต่ในไขกระดูก เลือด สมอง ตับ ไต หัวใจ ปอด ตลอดจนผิวหนัง มะเร็งเป็นของแปลกปลอม เป็นก้อนเนื้อที่ไม่เข้าพวก เป็นเซลล์ผิดปกติที่ขยายตัวใหญ่ขึ้น ๆ แล้วกัดกินเซลล์เก่าให้เหลือน้อยลง ๆ จนสุดท้ายร่างกายรับไม่ไหวแล้วตายลงนั่นเอง
การรักษามะเร็งแบบแพทย์แผนปัจจุบัน
โดยทั่วไปการรักษามะเร็งแบบแพทย์แผนปัจจุบันมีหลักการใหญ่ ๆ 4 วิธี คือ
วิธีที่ 1 ผ่าตัด
มะเร็ง คือ สิ่งผิดปกติของสารพันธุกรรม แล้วขยายตัวขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นเนื้องอก วิธีการแก้ไขก็คือผ่าตัดเอาเนื้องอกนั้นออกไป ถ้าเป็นมะเร็งระยะแรกเซลล์มะเร็งยังไม่แพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น เราก็สามารถตัดมันออกไปได้ เช่น ถ้าเป็นมะเร็งทรวงอก ก็ผ่าตัดเต้านมทิ้ง เป็นมะเร็งที่มดลูกก็ตัดมดลูกทิ้ง เป็นต้น
วิธีที่ 2 ฉายรังสี
การฉายรังสีสามารถทำลายเซลล์ตรงจุดที่รังสีเข้าไปตก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีนี้ประกอบการผ่าตัด คือ เมื่อผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วแต่ยังมีเศษมะเร็งหลงเหลืออยู่บ้าง แพทย์ผู้ให้การรักษาก็จะทำการฉายรังสีเข้าไปฆ่าเซลล์เหล่านั้นซํ้าอีก โดยแพทย์จะวินิจฉัยวิธีการรักษาโดยการฉายรังสีตามแต่กรณีไป เช่น การเอกซเรย์ การฝังสารรังสี ซึ่งรังสีมีหลายรูปแบบแตกต่างกัน
วิธีที่ 3 เคมีบำบัด
การให้เคมีบำบัด หรือ “คีโม” (Chemotherapy) โดยการฉีดหรือกินยาเพื่อฆ่าเซลล์ที่มีการเจริญเติบโตมาก ๆ แต่มีผลข้างเคียง คือ เซลล์ปกติในร่างกายผู้ป่วยที่มีการเติบโตอย่างเส้นผมก็จะโดนจัดการไปด้วย จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการผมร่วง เบื่ออาหาร เป็นต้น
วิธีนี้ใช้ในกรณีที่มะเร็งลุกลามไปหลายจุดแล้ว จึงต้องนำเคมีเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย เพื่อไปจัดการกับเซลล์ผิดปกติที่แตกตัวอยู่ทั่วร่างกาย
วิธีที่ 4 ฮอร์โมน
มะเร็งที่อยู่ในจุดที่ร่างกายมีการสร้างฮอร์โมน แพทย์ก็จะรักษาด้วยการนำตัวฮอร์โมนเข้าไปช่วยกำกับมะเร็งอีกทางหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการบำบัดรักษาด้วยวิธีใด ผู้ป่วยย่อมได้รับความเจ็บปวดทรมานทั้งนั้น
“มะเร็ง” โรคที่เกิดจากกรรม
ถ้าถามให้ “รู้ทันโลก” ว่ามะเร็งเกิดจากอะไร
ก็ตอบได้ ว่ามะเร็งเกิดจากกรรมพันธุ์ 30% อีก 70% เกิดจากสิ่งแวดล้อม
ถ้าถามให้ “รู้ทันธรรม” ก็ตอบได้คล้าย ๆ กัน คือ มะเร็ง เกิดจากวิบากกรรม 2 อย่าง ได้แก่ กรรมในอดีตชาติบวกกับกรรม ที่ทำในปัจจุบัน เช่น คนเราจะประสบความสำเร็จรํ่ารวยได้ ในอดีตชาติต้องให้ทานไว้มากบุญจึงหนุนนำแล้วในชาตินี้ก็ขยันหมั่นเพียร เก็บหอมรอมริบ ใช้จ่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ และเลือกคบคนดีก็ตั้งเนื้อตั้งตัวได้
ส่วนคนที่เกิดมาลำบากก็เพราะว่า ในอดีตทำบุญทำทานมาน้อย ซํ้าร้ายชาตินี้ยังไม่ขยันทำมาหากิน ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไปข้องเกี่ยวกับอบายมุขจึงหมดเนื้อหมดตัว ทั้งวิบากกรรมในอดีตชาติ และปัจจุบันชาติประกอบกัน
มะเร็งก็เช่นเดียวกัน เป็นกรรมจากวิบากกรรมในอดีต 30% และเกิดจากกรรมปัจจุบันอีก 70% ใครที่มีคนในครอบครัว ป่วยเป็นมะเร็ง คนนั้นก็มีโอกาสป่วยเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นทันที เหตุเพราะคนที่จะมาเกิดเป็นพ่อแม่พี่น้องกันได้นั้นสืบเนื่ องว่ามี บุญกรรม คล้ายคลึงกัน จึงถูกดึงดูดมาอยู่ด้วยกันเป็นหมู่ญาติในภพปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ถ้าญาติของเราเป็นมะเร็ง เราก็มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้น แต่เราก็สามารถแก้ได้ด้วยกรรมปัจจุบัน
รักษาศีล รักษามะเร็ง
วิบากกรรมที่ทำให้เป็นมะเร็งหลัก ๆ คือ “ปาณาติบาต” ในอดีตชาติเคยไปฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ เช่น บางคนเคยไปแทงคอสัตว์ให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน ผลคือเกิดมาชาตินี้เป็นมะเร็งที่กล่องเสียงบ้าง ที่คอบ้าง บางคนในอดีตชาติตอนเป็นเด็กชอบทรมานสัตว์ด้วยการเอาใบสนเสียบก้นแมลงปอ วิบากกรรมส่งผลให้เกิดมาชาตินี้เป็นมะเร็งลำไส้บ้าง มะเร็งทางช่องทวารบ้างต่าง ๆ นานา ซึ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของเราทั้งนั้น
บางคนเผลอไปทรมานสัตว์ด้วยความคึกคะนองในวัยเด็กมาตอนนี้สำนึกผิดก็ให้ใช้หลักปฏิบัติที่หลวงพ่อสอนไว้ว่า อดีตที่ผิดพลาดลืมให้หมด ไม่ไปนึกทบทวน ตั้งใจให้ดีว่าเราจะไม่ทำผิดอีกเด็ดขาด แล้วสร้างบุญใหม่มาก ๆ กรรมนั้นก็พอจะทุเลาเบาบางไปได้บ้าง
นอกจากกรรมปาณาติบาตแล้ว การผิดศีลข้ออื่นก็มีวิบากกรรมแรงเหมือนกัน เช่น คนที่ชอบดื่มเหล้าเมายามีโอกาสเป็นมะเร็งในตับ ส่วนคนที่ชอบสูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งปอด วิบากกรรมส่งผลทั้งจากในอดีตทั้งปัจจุบันเสริมกัน
Cr : depositphotos.com/
คนที่ชอบด่าว่าคนอื่นให้เจ็บใจ มะเร็งแปลก ๆ ก็ถามหา ใครที่ผิดศีลข้อที่สาม (กาเม) ก็ส่งผลให้เป็นมะเร็งเต้านมบ้าง มะเร็งในระบบการสืบพันธุ์บ้าง เป็นต้น
เพราะฉะนั้น การจะรักษาตัวให้ดีที่สุดก็คือการรักษาศีลให้บริบูรณ์ จะป้องกันมะเร็งได้สารพัดทั้งในชาตินี้และชาติหน้า เพราะสิ่งที่เรากระทำในชาตินี้จะเป็นวิบากกรรมส่งผลในภพชาติต่อไป ที่สำคัญให้เราตั้งใจรักษาศีลในชาตินี้ให้ดี วิบากกรรมในอดีตชาติที่ตามมามันก็จะทุเลาเบาบางลงไปด้วย
ป้องกันมะเร็งให้ถูกจุด
กรรมปัจจุบัน หรือสิ่งแวดล้อมปัจจุบันที่ทำให้เป็นมะเร็ง คือ ทุกอย่างที่มาถึงตัวเราไม่ว่าจะเป็นอาหารที่กินเข้าไป นํ้าดื่ม กระทั่งควันบุหรี่ที่เข้าไปในร่างกาย ตลอดจนสิ่งต่าง ๆ ที่มากระทบผิวหนัง เช่น รังสี สิ่งเร้าต่าง ๆ ที่มากระทบตัวเราล้วนมีโอกาส ก่อให้เกิดมะเร็งได้ทั้งนั้น
มะเร็งเป็นแล้วรักษาได้ เรามีวิธีการป้องกันและรักษามะเร็ง โดยก่อนอื่นต้องเชื่ อฟังหมอ และดู แลตัวเอง เมื่อเรารู้ที่มาของมะเร็งแล้วเราก็แก้ไขให้ตรงจุด เมื่อมะเร็งเกิดจากวิบากกรรมในอดีตชาติ ชาตินี้ก็หมั่นตั้งใจรักษาศีลให้ดีเยี่ยม สร้างบุญให้มาก ๆ ทั้งทาน ศีล ภาวนา บุญนั้นจะได้ไปเจือจางวิบากกรรมในอดีตให้อ่อนกำลังลง
ส่วนกรรมปัจจุบันเราก็ต้องระมัดระวัง เริ่มจากที่เข้าไปในตัว โดยตรงคืออาหาร เราต้องตรวจสอบแล้วว่าอาหารรสจัดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด นํ้าตาลเยอะก็น่ากลัวทั้งหมด ทั้งของทอด ปิ้งย่างเกรียม ๆ ดูน่าอร่อย เนื้อย่างหมู ย่างที่ดำๆ กรอบ ๆ ล้วนมีสารก่อมะเร็งทั้งนั้น
เราควรพยายามหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ในปริมาณที่มากไป เพราะในเนื้อสัตว์มีสารพิษอยู่มากมาย ยิ่งในปัจจุบันมีสารเร่งเนื้อแดง สารที่ผู้ผลิตฉีดเข้าเนื้อสัตว์สารพัดชนิด ออกจากฟาร์มมาก็มีสารเคมีติดมาด้วยเต็มไปหมด
พอเรากินเข้าไปมาก สารเคมีเข้าสู่ร่างกายมาก ร่างกายจึงต้องขับออก ตับและไตต้องทำหน้าที่อย่างหนักในการขับสารพิษ เพราะฉะนั้นโอกาสที่เราจะเป็นมะเร็งในตับ และมีปัญหาเรื่องไตก็สูงขึ้นด้วย
เราควรพยายามหลีกเลี่ยงสารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง แล้วพยายามใช้วิถีชีวิตให้ใกล้ชิดธรรมชาติ กินอาหารธรรมชาติ เช่น เลือกกินข้าวซ้อมมือ หรือข้าวกล้องแทนข้าวขัดขาว เพราะในข้าวขัดขาวนั้น สารอาหารจำนวนมากที่อยู่ใกล้ ๆ กับเปลือกข้าวถูกขัดออกไปหมด
ต้องพยายามหลีกเลี่ยงเหล้า เบียร์ นํ้าชา กาแฟ เครื่องดื่มรสจัดซู่ ๆ ซ่า ๆ ประเภทน้ำอัดลม แต่ถ้าใครอดใจไม่ได้ก็ให้ดื่มแค่พอประมาณ พยายามดื่มนํ้าสะอาดอุ่น ๆ จะดีกว่า
รวมทั้งอากาศที่เราหายใจเข้าไป ก็ควรเลือกสูดอากาศบริสุทธิ์ บางคนบอกว่าหลีกเลี่ยงไม่ค่อยได้ เพราะอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครสารพิษในอากาศมันมีมาก รถราวิ่งกันเต็มไปหมดมีแต่ฝุ่นฟุ้งควันเสีย
อย่างน้อยก็ควรตรวจดูระบบระบายอากาศในที่พักของเราให้ดี อย่ามัวแต่ไปโทษอากาศข้างนอกบ้านอย่างเดียว การจัดระบบอากาศในบ้านเราก็สำคัญ ถ้าอุดอู้เกินไปก็ไม่ดี ควรตรวจสอบจัดทิศทางลมให้พอเหมาะพอดี ใช้เครื่องกรองอากาศบ้าง ล้างเครื่องปรับอากาศในบ้านบ้าง ถอดล้างใบพัดพัดลมบ้าง บางคนทนใช้พัดลมเป็นปีไม่เคยล้างจนพัดลมฝุ่นจับเขรอะไปหมด อย่าไปโทษใครให้ดูที่ตัวเราเอง แก้ไขในส่วนที่เราทำได้ก่อน
นอกจากดูแลเรื่องอาหาร อากาศ และหลีกเลี่ยงสารพิษสารเคมีต่าง ๆ แล้ว ถ้าเราได้ออกกำลังกาย มีร่างกายแข็งแรง ไม่จมจ่อมอยู่กับที่ก็มีผลต่อการป้องกันมะเร็งด้วยเช่นกัน
ตายหรือไม่อยู่ที่ใจเราเอง
อีกเรื่องที่สำคัญก็คือจิตใจ ทางแก้ประกอบกันทั้งกายใจ ถ้าใจของเราอยู่ในบุญ นั่งสมาธิมาก ๆ พอใจใสใจจะมีพลัง ร่างกายก็จะทำงานอย่างสมดุล ถ้าใจสมดุลร่างกายก็จะสมดุลตามไปด้วยแล้วจะจัดการกับเซลล์มะเร็งได้เอง
ร่างกายเรามีระบบภูมิคุ้มกันของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าจิตใจอ่อนแอก็เหมือนทหารอ่อนแอ ข้าศึกบุกตีเข้ามาได้ง่าย แต่ถ้าเราทำให้จิตใจเข้มแข็งร่างกายก็จะแข็งแรงตาม เราก็สามารถจัดการกับข้าศึกได้อยู่หมัด บางคนพอทำได้อย่างนี้ จากที่นึกว่าตัวเองต้องตายแล้ว ที่ไหนได้ปรากฏว่ามะเร็งหายไปเลย ที่หมอเคยบอกว่าอีก 7 วันตายแน่ แต่พอได้ปฏิบัติตนถูกหลักทั้งกายใจ มะเร็งก็หายไปเลย เพราะร่างกายมันจัดการตัวเองได้
รวมทั้งเมื่อใจเราเป็นสมาธิ นิ่ง ตั้งมั่น มีพลังใจ เมื่อใจฮึด สู้มันถึงจะสู้ได้
“ถึงกองทัพจะมีทหารเป็นล้าน แต่ยกธงขาวยอม แพ้มันก็แพ้”
ยกตัวอย่าง กรณีเกิดอุบัติเหตุมีสื่อมวลชนรายงานว่า ผู้บาดเจ็บขาดใจตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว นี่เองคืออาการ “ถอดใจ” ใจคิดแต่ว่าตายแน่ ๆ ใจยกธงขาวไม่สู้แล้ว เหมือนตัวเราประกาศกับระบบภายในร่างกายทั้งหมดแล้วว่าไม่สู้ ยอมตายก็ได้ตายจริง แต่ถ้าใจฮึดสู้ไม่ยอมแพ้ก็ไม่ตาย เพราะถ้าใจสั่งสู้ ทุกระบบในร่างกายก็สู้ ระบบคุ้มกันก็สู้ ตับ ไต หัวใจ ปอดสู้ เพราะฉะนั้น จะตายหรือไม่อยู่ที่ใจเราเอง ใจคือแม่ทัพดั่งที่โบราณว่า “ใจเป็น นาย กายเป็นบ่าว”
จากนั้นให้ดำเนินชีวิตถูกต้องตามหลัก ไม่เสริมกำลังข้าศึก ด้วยการเอาสารเคมีเข้าสู่ร่างกายมากไป พยายามอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ มีใจฮึดสู้ เมื่อร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันก็แข็งแรงตามไปด้วย พอข้าศึกขาดกำลังบำรุง เพราะเราตัดเสบียงคือสิ่งแปลกปลอมจนหมด เราก็ปราบมะเร็งได้อยู่หมัด
เพราะฉะนั้นให้พวกเราทุกคนรู้ทันมะเร็ง แล้วเอาชนะด้วยการเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเสมอ
เจริญพร
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ