รองเท้าของคุณยาย
ฤดูกาลไม่ค่อยแน่นอนเลย เพราะในวันเดียวกัน มีได้ทั้ง ๓ ฤดู แต่สำหรับเย็นวันนี้...อากาศดูโปร่งเบาสบายกว่าวันก่อน ๆ พี่อารีพันธุ์และน้าเล็กพาคุณยายออกมาเดินเล่นรอบกุฏิ โดยมีข้าพเจ้าเดินตามหลังมา
เรื่อย ๆ ด้วยใจที่คิดว่า เดินตามหลังแต่ตาต้องมองไปข้างหน้า มองทางที่คุณยายเดินไปทุกฝีก้าว บางทีก็
มองไปใต้ถุนกุฏิบ้าง เผื่อมีสัตว์ร้ายเเอบซ่อนอยู่ บางทีก็เผลอมองตามเสียงของคุณยายที่บอกให้น้าเล็กดูนกบ้าง ดูดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งบ้าง แต่พอรู้ตัวก็ต้องเอาความรู้สึกของทหารองครักษ์มาใส่ไว้เหมือนเดิม
ข้าพเจ้าได้แต่คิดในใจว่า "ถ้ามีงูมาปรากฏกายให้เห็นตอนนี้ละก็ เราก็ต้องทำหน้าที่ของทหารองครักษ์พางูไปเก็บไว้ที่ใดที่หนึ่ง"
ทันใดนั้นเอง...คุณยายหยุดเดินทันที พร้อมกับปล่อยมือจากน้าเล็ก กวักมือเรียกข้าพเจ้าเข้าไปหา
พร้อมกับพูดว่า "มันไม่มาหรอก" ข้าพเจ้าอึ้ง..งง..ท่านรู้ความคิดของเราได้อย่างไร
ขณะที่กำลังยืนงง ๆ อยู่นั้น ท่านคว้าแขนของข้าพเจ้าให้เดินไปด้วย และท่านก็พูดว่า "ไปไหนไปกันเลือดสุพรรณเอ๋ย" ทำให้ข้าพเจ้าต้องสาวเท้าให้ทันท่าน เพราะท่านก้าวไวกว่าข้าพเจ้ามาก
พอมาถึงด้านหน้ากุฏิ พี่อารีพันธุ์และน้าเล็กช่วยกันประคองคุณยายเพราะเป็นทางต่างระดับ จนเข้ามาถึงห้องดักยุง คุณยายปล่อยแขนจากการประคองแล้วใช้มือทั้งสองข้างเกาะที่ขอบประตูกระจกที่มีอลูมิเนียมตีเป็นขอบตารางทาบกระจกไว้ คุณยายใช้นิ้วมือเกาะตรงขอบอลูมิเนียมนั้นอย่างมั่นคง แล้วค่อย ๆ ถอดรองเท้า แต่เนื่องจากท่านใส่ถุงเท้า จึงทำให้การใส่และถอดนั้นไม่เร็วและง่ายเหมือนคนที่ไม่ใส่ถุงเท้า พอท่านถอดรองเท้าแล้ว ข้าพเจ้าก็รู้สึกโล่งใจ แต่กลับยังไม่เสร็จอย่างที่ใจคิด เพราะเสียงของท่านพูดขึ้นมาอีกว่า "ไอ้หลาน จัดรองเท้าให้ยายหน่อย ยายก้มไม่ไหวแล้ว" ข้าพเจ้ารีบทรุดตัวลงไปคุกเข่าข้าง ๆ ท่าน แล้วจัดรองเท้าของท่านให้หัวและท้ายของรองเท้าเสมอกัน ขณะเดียวกันท่านได้เมตตาจับที่หัวของข้าพเจ้า พร้อมกับพูดว่า "เออ ! จัดให้ดีให้เรียบร้อยนะไอ้หลาน"
จากวันนั้น..ถึงวันนี้ ภาพรองเท้าคู่ขาวของคุณยายที่วางไว้หน้าประตูกุฏิ ยังคงเป็นภาพที่ข้าพเจ้าจดจำได้เสมอ วันนี้..แม้ไม่ได้ยินเสียงของคุณยายให้ช่วยจัดรองเท้าอีกต่อไปแล้ว แต่เมื่อเห็นรองเท้าของสาธุชนที่มาปฏิบัติธรรมในวัด ซึ่งถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หัวและท้ายเสมอกัน ทำให้ข้าพเจ้า
นึกถึงรองเท้าคู่ขาวของคุณยายที่วางไว้หน้าประตูกุฏิ และเหตุการณ์ที่ยังคงจดจำไว้อย่างไม่มีวันลืมเลือน
ใจที่เปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมและธรรมะภายใน
เป็นความงดงามที่ไม่มีวันตาย
"คือ ความงดงามที่แท้จริง "
จากหนังสือ ดวงจันทร์กลางดวงใจ