เมื่อต้องเยียวยาหัวใจ
ภาวะอกหักของมนุษย์ ในกรณีที่ต้องสูญเสียคนรัก ส่งผลต่อภาวะจิตใจของหนุ่มสาวเป็นอย่างมากบ้างถึงขนาดฆ่าตัวตาย
เพราะผู้ที่อกหักจะรู้สึกสูญเสียหลายอย่าง นอกจากจะเสียคนที่ตัวเองรักแล้ว ยังสูญเสียความเชื่อถือในตัวเองด้วย รู้สึกตัวเองหมดคุณค่า อกหักจากแฟนจึงรู้สึกรุนแรงกว่าอกหักจากพ่อแม่ เพราะพ่อแม่เห็นคุณค่าของเราเสมอเราจึงรู้สึกไม่เหมือนกับการสูญเสียแฟนไป
ที่รู้สึกรุนแรงมากนั้น เกิดจากปกติแล้วอารมณ์ของคน มักจะชอบเตลิดคิดไปในเรื่องต่างๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่พอไปหลงรักใครเข้าสักคน ไม่ว่าหนุ่มรักสาว หรือสาวรักหนุ่ม ใจมันจะคิดจดจ่ออยู่แต่ในเรื่องคนรัก จดจ่อจนบางทีคนโบราณยังเปรียบว่า
"บ่เห็นหน้าเจ้า กินข้าวบ่ลง" (ไม่เห็นหน้าเขา กินข้าวไม่ลง) นั้น
คือใจของคนที่ตกอยู่ในบ่วงสิเน่หา ก็จะคิดแต่สิ่งๆ นั้นตลอดเวลา คราวนี้ ปัญหามันมาเกิดตรงที่ว่า พอรักแล้วกลับไม่สมหวังใจก็เลยเหมือนแตกสลาย
พออกหักไม่ได้รับความรักตอบ ใจมันจะรู้สึกแห้งผาก มองอะไรก็หม่นหมอง ดูฟ้าก็หม่น ดูดิน ดูน้ำ ดูอะไรก็ไม่สวย ไม่งาม บางคนทำใจไม่ได้ถึงขนาดขอจากโลกนี้ไปเพียงเพราะว่าผิดหวังในความรัก ฆ่าตัวตาย แขวนคอตาย โดดตึกตาย
ต้องบอกว่าน่าเสียดาย บางคนเรียนสูงๆ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ก็ยังฆ่าตัวตาย ความจริงถ้าหยุดคิดสักนิด จะพบว่า ไม่ควรจะต้องไปเสียสละชีวิตเพื่อสิ่งนี้เลย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า
ความโศก ความทุกข์ ความร่ำไร หลายอย่างนี้มีอยู่ในโลก ก็เพราะอาศัยสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รัก เมื่อไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักแล้ว ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์เหล่านี้ ย่อมไม่มีผู้ใดไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักในโลก ผู้นั้นย่อมเป็นผู้มีความสุข ปราศจากความโศก
เพราะฉะนั้น ผู้ใดปรารถนาความไม่โศก อันปราศจากกิเลสดุจธุลีแล้ว ไม่พึงทำสัตว์หรือสังขารใดในโลกไหนๆ ให้เป็นที่รักเลย เมื่อไม่รัก ไม่ผูกพัน เราก็จะไม่พบกับความโศก ฉะนั้นวิธีแก้อาการอกหักที่ชะงักที่สุดก็คือ "การไม่มีความรัก"
ฟังดูแล้วอาจจะทำได้ยาก แต่ถ้าจะมีความรัก ก็ให้ลองทำความเข้าใจถึงความจริง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ข้างต้น แล้วให้มีเบรกในใจของตัวเอง ให้รักแบบพอประมาณ รักแบบมีเหตุมีผล
ถ้าเกิดเมื่อใดต้องพบกับความผิดหวัง จะได้ไม่เตลิดไปทำในสิ่งที่เป็นโทษ แต่หากอกหักไปแล้ว ทำใจไม่ได้ วิธีแก้ให้ลองเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น แทนที่จะอยู่แต่ในบ้าน จมจ่อมแล้วนั่งซึม คิดวนไปวนมา ให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ ไปวัดได้ยิ่งดี เพราะวัดมักจะมีสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ใจเราสบาย
แล้วยังได้ไปร่วมกิจกรรมสวดมนต์นั่งสมาธิ ได้พบปะเจอะเจอบุคคลที่เป็นคนดี ใจบุญ เมื่อใจเราเป็นกุศล ก็จะทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น แล้วใจเราจะหลุดออกจากความคิดเรื่องเดิมๆ นั้นได้ง่าย พอใจหลุดจากความคิดในเรื่องนี้ได้แล้ว
เรื่องอื่นจะค่อยๆ คลี่คลาย จนสามารถเคลียเรื่องนี้ให้หลุดออกไปจากใจได้ อีกสักสัปดาห์สองสัปดาห์ก็จะหายเศร้าได้เอง
พอเวลาผ่านไปเหลียวมาดูอีกที เอ๊ะ! สองสัปดาห์ที่แล้ว เราไปกลุ้มไปโศกเศร้าจนขนาดนั้นได้อย่างไรกันนะ แล้วเรื่องนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ เหมือนในตอนแรกนั่นเอง
เจริญพร
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ