สร้างแรงใจ ในการเปลี่ยนแปลง

วันที่ 01 กย. พ.ศ.2565

21972-1.jpg

สร้างแรงใจ ในการเปลี่ยนแปลง

              “สร้างความตั้งใจอันแรงกล้า” คือ พิจารณาจนเห็นชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดประโยชน์อย่างไร จนเราอยากจะเปลี่ยนมันจริง ๆ เห็นประโยชน์อย่างชัดเจน คิดให้ได้ แล้วเขียนเรียบเรียงออกมา เพื่อตอกย้ำเข้าไปในใจตนเอง จนเรารู้สึกว่าอยากเปลี่ยนแปลงมันจริง ๆ

              “สร้างวิธีการในการเปลี่ยนแปลงตนเอง” ได้แก่ การบริหารเวลาและบริหารพฤติกรรมของตนเองจนกลายเป็นนิสัย สิ่งนี้สำคัญต่อจาก “ความอยาก” เพราะถ้าเราแค่อยาก แต่ไม่มีมาตรการมารองรับความอยากนั้น ไม่นานเราก็หมดแรงกระตุ้นในการทำให้บรรลุเป้าหมาย

               ยกตัวอย่างเรื่องของอาตมภาพเอง เพื่อให้ท่านผู้อ่านวาดภาพในใจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คราวหนึ่งอาตมภาพอยากเรียนภาษาจีนเพิ่ม เพราะรู้ว่าประเทศจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ มีประชากรมากถึง หนึ่งพันสี่ร้อยล้านคน พลานุภาพของประเทศจีนในสังคมโลกกำลังเพิ่มพูนขึ้นทับทวี การรู้ภาษาจีนย่อมจะเป็นประโยชน์มากต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและการทำงานในอนาคต

                ดังนั้น อาตมภาพจึงพยายามหาเวลาเพื่อไปเรียนภาษาจีนที่ประเทศจีนเพิ่มเติมทันที คราวนี้มีเวลาว่างแค่สี่เดือน เท่านั้น แล้วทำอย่างไรจึงจะเรียนภาษาจีนให้ได้ผล ด้วยเหตุนี้เองความตั้งใจอยากจะเรียนให้ดีนั้นมีแล้ว แล้วทำอย่างไรจึงจะเรียนได้สำเร็จผลสำเร็จ

               อาตมภาพจึงไปสมัครเรียนที่สถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง พอเรียนไปได้ช่วงหนึ่ง ด้วยความที่พอมีพื้นฐานอยู่บ้างแล้ว หนังสือเรียนมีทั้งหมดเก้าเล่ม จริง ๆ แล้วต้องเรียนเทอมละหนึ่งเล่ม เราเรียนอยู่ประมาณเล่มที่ 3-4 เวลาที่เรามีก็ไม่มากนัก ไม่สามารถเข้าเรียนได้ 1-2 ปี เต็มอย่างนักเรียนคนอื่นทั่วไป

                 อาตมภาพจึงพยายามจัดสรรเวลาสี่เดือน ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยหันกลับมาสำรวจศักยภาพของตนเองว่า เราจะจัดรูปแบบการเรียนอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระยะเวลาเพียงเท่านี้

                 จากนั้น เชิญอาจารย์สอนภาษาจีนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งท่านหนึ่งมาสอนตัวต่อตัว เพื่อเร่งความเร็วในการเรียนให้มากขึ้น แล้วบริหารเวลาในการทำกิจวัตรประจำวัน ตื่นเข้ามาสวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา เสร็จแล้วก็เริ่มทบทวนบทเรียน อ่านเนื้อหาและท่องคำศัพท์ทั้งหมดก่อน แล้วเรียนกับอาจารย์วันละหนึ่งบท พอเรียนเสร็จก็ทบทวนคำศัพท์ประมาณหนึ่งร้อยตัวทุกวัน

                 21972-2.jpg

                 อาตมภาพดาวโหลดเสียงอ่านเนื้อหาคำศัพท์ทั้งหมดไว้ในสมาร์ตโฟน ใส่หูฟังขณะที่เดินไปมหาวิทยาลัย จากที่พักไปประมาณยี่สิบห้านาที ฟังวนไป 20-30 รอบ จนกว่าจะถึงมหาวิทยาลัย

                 พอท่องคำศัพท์ได้แล้ว ก็จะรู้ว่าคำศัพท์นั้นใช้ในบริบทใด แล้วสามารถใช้งานได้ถูกต้อง เนื้อหาในหนังสือเล่มหลัง ๆ เป็นขั้นสูงขึ้น บทความยาวขึ้น ศัพท์มากขึ้น ฟังวนซ้ำได้น้อยลง เหลือเพียง 10 รอบ ก็ต้องพยายามฟังให้ได้มากที่สุด เวลาแปรงฟันก็ยังเปิดฟัง เรียกว่าใช้เวลาทั้งวันอย่างคุ้มค่าทีเดียว

                  แต่ก็ยังมีเวลายืดหยุ่น สามารถดูแลทำความสะอาดที่พัก หรือออกกำลังกายได้บ้าง ทำพอสมควร ไม่ให้ตึงแน่นจนเกินไปนัก เพียงแต่ใช้เวลาทั้งวันอย่างคุ้มค่า พอเราจัดระบบได้อย่างลงตัวแล้ว ผลคือการเรียนไปได้ดีและรวดเร็วกว่านั่งเรียนในสถาบันภาษาเกือบสิบเท่าตัว

                   อาตมภาพเรียนผ่านไปร้อยวัน อยากรู้ว่าตนเองมีความคืบหน้าอย่างไรบ้างก็เลยลองไปสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน ที่เรียกว่า SSK ระดับหก ซึ่งเป็นระดับสูงสุด มีคะแนนเต็มร้อยคะแนน โดยปกติถ้านักเรียนทำข้อสอบถูกเกินหกสิบเปอร์เซ็นต์ ก็สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของจีนได้เลย เพราะข้อสอบระดับนี้ถือว่ายากมาก

                 หลังจากอาตมภาพฝึกฝนอย่างหนักมาถึงร้อยวันเต็ม ก็ลองไปลงสอบดู ปรากฏว่าได้ 226 คะแนน พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเรียนที่มุ่งมั่นและตั้งใจทำจริงจังอย่างนี้ได้ผล มีมาตรการมารองรับความอยาก หาวิธีบริหารจัดการตนเอง มีบุคคลที่สามมาช่วยเพื่อให้เกิดพลังหมู่มากมากระตุ้นตัวเราได้สำเร็จ

                   ไม่เฉพาะเรื่องการเรียนเท่านั้น ทุก ๆ เรื่องต้องมีมาตรการมารองรับการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างนี้ พอเราได้ลงมือทำไปนาน ๆ เข้า ก็จะติดเป็นนิสัย แล้วก็ทำได้อย่างง่ายดาย สบาย ๆ ได้ผลลัพธ์ที่ดีในที่สุด

เจริญพร
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.015769370396932 Mins