"ขอบคุณ" ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข
เราทุกคนต่างต้องการมีความสุขด้วยกันทั้งนั้น เพราะคงไม่มีใครต้องการความทุกข์ แต่เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้หรอกว่า ความสุข ความทุกข์จะผ่านมาตอนไหน ได้แต่เพียงยอมรับและอยู่กับสิ่งที่ผ่านเข้ามา มีอีกวิธีหนึ่งคือ ทำให้ทุกจังหวะชีวิต มีความสุข อย่างน้อย ก็ขอบคุณให้กับตัวเองว่า เราผ่านมาได้
ฝึกขอบคุณตนเองทุกวัน
เราควรฝึกขอบคุณตนเองทุกวัน เช่น ขอบคุณตนเองที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณตนเองที่มีสุขภาพแข็งแรง ขอบคุณตนเองที่มีครอบครัวอบอุ่น ซึ่งการขอบคุณตนเองเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกมีความสุข และส่งเสริมความคิดเชิงบวก
จดบันทึกความสุข
การพูดคำขอบคุณออกมาจากใจจริงนั้นส่งผลดีอย่างมากมาย แต่ถ้าเราได้เขียนหรือจดบันทึกความรู้สึกนั้นด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการดีที่จะช่วยบันทึกความสุขเอาไว้ เพราะการเขียนบันทึกจะทำให้เราได้ไตร่ตรองว่า ในแต่ละวันนั้นมีสิ่งดี ๆ อะไรเกิดขึ้นบ้าง เวลาที่เราเขียนบันทึก เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ตระหนักถึงคุณค่าในชีวิตตนเองอีกทางหนึ่ง เหมือนเป็นการบันทึกความสุขในชีวิตไว้
ส่งต่อความสุข
แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับคำขอบคุณย่อมมีหัวใจพองโต ซาบซึ้งใจ และรู้สึกว่าได้รับการผูกมิตร เมื่อผู้ฟังได้รับคำขอบคุณแล้ว ย่อมอยากที่จะตอบแทนความรู้สึกดี ๆ นั้นกลับไปโดยอัตโนมัติ เวลามีคนทำอะไรดี ๆ ให้เรา พอเขามีปัญหา เราก็อยากที่จะกลับไปช่วยเหลือเขา
อย่างน้อยก็ให้กำลังใจกลับไป เรียกว่าคนที่ได้รับสิ่งดี ๆ มา ก็ย่อมต้องการส่งต่อสิ่งดี ๆ ไปสู่ผู้ให้ ไปสู่สังคม โลกก็จะน่าอยู่ยิ่งขึ้น
คนเรามักจะขอบคุณผู้คนรวมทั้งสิ่งต่าง ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เรารักใคร่ชอบพอ เมื่อเราขอบคุณมากเข้า สิ่งต่าง ๆ รอบตัวก็จะกลายเป็นสิ่งที่เรารัก ทำให้เรามีความสุขในการใช้ชีวิตทุกวัน
หมั่นขอบคุณตนเองในขณะที่เราเป็นผู้ให้
เมื่อเรารู้จักขอบคุณผู้อื่นแล้ว ก็อย่าลืมที่จะขอบคุณตนเองในขณะที่เราเป็นผู้ให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นให้สิ่งของ ให้โอกาส ให้เวลา หรือให้ความรู้แก่ผู้อื่น
อย่าลืมขอบคุณโอกาสที่ทำให้เรามีงาน มีเงิน มีเวลา มีความรู้ มีเพื่อน ฯลฯ ขอบคุณที่มีคนมานั่งฟังเรา ขอบคุณที่มีคนรับสิ่งของจากเรา ถ้าไม่มีคนเหล่านั้น เราก็ไม่มีโอกาสที่จะได้แบ่งปันสิ่งดี ๆ แก่ผู้อื่นเช่นกัน เรียกได้ว่าเราสามารถสร้างความสุขได้ทุกสถานการณ์เลยทีเดียว
คำว่า “ขอบคุณ” แม้ว่าจะเป็นคำสั้น ๆ แต่ก็เป็นคำที่ทรงพลัง มีประโยชน์มหาศาล สามารถส่งต่อพลังบวกให้กับทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ยิ่งให้ ก็ยิ่งได้ “ให้เขาเราได้ เติมเขาเราเต็ม”
ชีวิตคนเรานั้นสั้นยาวไม่เท่ากัน ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้หรือชาติหน้าจะมาถึงก่อนกัน ดังนั้น ใช้เวลาในชีวิตที่มีอยู่ แสดงความรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณทั้งกับตนเอง คนรอบข้าง และเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เรามีความสุข มีภูมิต้านทานใจ มีพลังบวก สามารถเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
กล่าวขอบคุณให้ได้ทุกช่วงจังหวะของชีวิต
ชีวิตคนเรานั้นลุ่ม ๆ ดอน ๆ บางช่วงเวลาก็สุดแสนจะธรรมดา บางจังหวะชีวิตก็เป็นช่วงเวลาพิเศษ เป็นช่วงขาขึ้น ทำอะไรก็ดีไปหมด แต่มีขึ้นก็ต้องมีลง เมื่อรู้แล้วว่าชีวิตคนเราต้องเจอแบบนี้เป็นธรรมดา แล้วเราจะคิดอย่างไรให้ใจยังดี
ให้เรารู้จักคำว่า “ขอบคุณ” ตอนที่จังหวะชีวิตก้าวเข้าสู่ช่วงขาขึ้น ขอบคุณตนเอง ขอบคุณโอกาสที่เข้ามา ขอบคุณสิ่งรอบตัว อย่าไปคิดว่าชีวิตดีนั้นเป็นเพราะโชคชะตา แต่ให้คิดว่าชีวิตดีได้เป็นเพราะความเก่งกาจของเราเอง เราประสบความสำเร็จได้เพราะคนรอบข้างมีส่วนเกื้อหนุน อีกทั้งสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยเรา เป็นต้น
จากนั้นให้หมั่นนึกขอบคุณทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต พอคิดได้อย่างนี้ตอนที่จังหวะชีวิตเป็นช่วงขาขึ้น ใจเราจะไม่ฟูจนเกินไป ใจไม่เตลิดไป ไม่เพลิดเพลินหลงไปไกล แล้วพอจังหวะชีวิตนิ่ง ๆ เรื่อย ๆ ใจเราจะได้ไม่เบื่อไม่เซ็ง เพราะในขณะที่ชีวิตเรื่อย ๆ อยู่นั้น เราจะค้นพบว่ามีสิ่งดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เกิดขึ้นในชีวิตเราตลอดเวลา
เราจะได้มองเห็นว่าหลายคนมีน้ำใจต่อเรา ทั้งคนในครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน ได้เห็นว่าใครทำดีกับเราบ้างทั้งทางตรงและทางอ้อม
บางคนมีน้ำใจให้ผู้อื่น ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากแล้วได้ออกข่าวในโทรทัศน์ แค่เราได้เห็นก็เกิดความสุข รู้สึกขอบคุณที่เขาทำให้เกิดเรื่องราวดี ๆ ทำให้สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น
ถ้าทุกคนต่างแบ่งปัน มีน้ำใจ สังคมรอบข้างก็จะมึความสุข กลายเป็นสังคมสีขาว สังคมแห่งการทำความดี และ ขอบคุณกับสิ่งผ่านเข้ามาในชีวิต
เจริญพร
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ