วันสมาธิโลก

วันที่ 21 มีค. พ.ศ.2567

210367b01.jpg

 

วันสมาธิโลก
พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย

โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

๕ สิงหาคม ๒๕๓๓

 

                เราได้บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ เราจะได้นั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนากัน ขอเชิญชวนทุกท่าน นั่งขัดสมาธิให้นึกน้อมใจตามเสียงของหลวงพ่อไปทุก ๆ คนเลยนะจ๊ะ นั่งขัดสมาธิให้เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเราเบาๆ พอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานอนหลับ อย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตา ให้หลับพอสบาย ๆ นะจ๊ะทุก ๆ คน ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก เราจะต้องใช้เวลาต่อจากนี้ไป ๑ ชั่วโมงเต็ม สำหรับการทำสมาธิ 

 


                เพราะฉะนั้น ท่านั่งจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้านั่งแล้วมีความรู้สึกว่าสบาย ก็จะทำให้ใจของเราสบายตามไปด้วย ใจสบายนั่นแหละเป็นต้นทางของใจหยุดใจนิ่ง ถ้าไม่สบายแล้วใจจะไม่หยุดไม่นิ่ง เมื่อไม่หยุดไม่นิ่งก็จะไม่พบหนทางไปสู่อายตนนิพพาน เพราะฉะนั้นท่านั่งที่สบาย ใจที่ปลอดโปร่ง จึงจะเป็นใจที่เหมาะสมที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัย จากนั้นให้ปรับท่านั่งให้ดีนะจ๊ะ แล้วก็ทำใจของเราให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส อย่าให้มีความหงุดหงิด งุ่นง่าน ฟุ้งซ่านรำคาญใจ หรือมีเครื่องกังวลอันใดเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจการงาน การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัวหรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้ ให้ปลด ให้ปล่อย ให้วางให้ใจนั้นว่างเปล่าจากภารกิจทั้งหลาย ทำประหนึ่งว่าเราอยู่คนเดียวในโลก 

 


                ไม่มีภารกิจเครื่องกังวลใจอะไรทั้งสิ้น แล้วก็ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่น เนื่องจากธรรมกายเป็นกายที่ละเอียดที่สุด ซ้อนอยู่ในกลางกายที่ หยาบออกมาเป็นชั้น ๆ เข้าไป เราจะต้องเข้าถึงภายในกายเหล่านี้ก่อนจึงจะเข้าถึงธรรมกายได้ คือจะต้องเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดซึ่งซ่อนอยู่ภายในกายมนุษย์หยาบ เข้าถึงกายทิพย์ซึ่งซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด เข้าถึงกายรูปพรหมซึ่งซ้อนอยู่ในกลางของกายทิพย์ เข้าถึงกายอรูปพรหมซึ่งซ้อนอยู่ในกลางของกายรูปพรหม เข้าถึงกายธรรมซึ่งซ้อนอยู่ในกลางกายอรูปพรหม กายธรรมนี้แหละเป็นกายที่สุด เพราะฉะนั้นต้องเข้าถึงและก็ถอดกายออกได้เป็นชั้น ๆ ไปตามลำดับ จึงจะเข้าถึงกายธรรมได้ นี่ยากอย่างนี้ 

 


                ยากในเบื้องต้นก็คือทำอย่างไร จะให้เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์ละเอียดแม้ว่าจะมีอยู่ในตัวของเรา แต่การเข้าถึงนั้นยาก ยากเพราะว่าใจไม่หยุดนิ่ง ถ้าใจหยุดนิ่งถูกส่วนจะเข้าถึงปฐมมรรค เข้าถึงดวงธรรมเบื้องต้นที่เรียกว่า ดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงธรรมเบื้องต้นอยู่ในกลางกายของฐานที่ ๗ เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ กึ่งกลางกาย ใจจะต้องหยุดให้สนิทเสียก่อน จึงจะเข้าถึงปฐมมรรคได้ ที่มันยากเพราะว่าใจไม่หยุด ใจไม่หยุด เพราะว่าใจคุ้นกับการนึกคิดในสิ่งต่าง ๆ ที่ออกนอกกลางตัวของเรา เช่น คิดถึงเรื่องธุรกิจการงาน การศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้

 


                ติดอยู่ในรูป เสียง กลิ่นรส สัมผัส ธรรมารมณ์อะไรต่าง ๆ เหล่านั้น ซึ่งเป็นของหยาบ ใจคุ้นเคยกับการนึกคิดในสิ่งเหล่านั้น เมื่อมาเริ่มต้นฝึกให้ใจหยุดนิ่ง ใจก็มักจะไปกับสิ่งที่ตัวคุ้นอยู่ คุ้นเคย ใครคุ้นเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาก็จะไปเรื่องการศึกษาใครคุ้นเกี่ยวกับเรื่องทำมาหากินก็จะไปที่เรื่องทำมาหากิน ใครคุ้นเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว ลูกหลาน สามีภรรยาใจก็จะน้อมไปทางนั้น ไปในสิ่งที่คุ้น การที่จะฝึกใจให้หยุดนิ่งอยู่ในกลางตัวจึงเป็นการยากในเบื้องต้น เพราะฉะนั้นความยากที่มีเป็นไปตามลำดับขั้นตอนนั้นจึงเป็นสิ่งทำให้เราบูชาข้าวพระได้ยาก เมื่อเราสามารถทำได้จึงเป็นอานิสงส์ใหญ่ที่เราไม่ควรที่จะขาดในวันอาทิตย์ต้นเดือน ที่เราจะต้องมาศึกษา มาอบรม มาประกอบพิธีงานบุญ มาบูชาข้าวพระนี้ กระแสแห่งธารแห่งบุญนั้นจะไหลเข้าติดที่ศูนย์กลางกายทุก ๆ กายของเราทีเดียว  

 


                ติดหมดทุกกาย กายมนุษย์ กายทิพย์ รูปพรหม อรูปพรหม กายธรรมติดหมด กระแสบุญนี่แหละเป็นต้นเหตุแห่ง  ความสุขและความสำเร็จในชีวิต ความสุขในสังสารวัฏ จนกระทั่งความสุขในอายตนนิพพาน อาศัยกระแสแห่งบุญเท่านั้น เป็นเครื่องผลักดันนำไปสู่ความสุขอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่มีทุกข์เจือปนเลยบุญเท่านั้น เพราะฉะนั้นการบูชาข้าวพระก็เท่ากับว่า เราได้สร้างกระแสแห่งบุญอันนี้ให้ติดที่ศูนย์กลางกำเนิดของทุก ๆ กาย จนกระทั่งเข้าสู่อายตนนิพพาน การทำบุญจะได้มากหรือได้น้อยนั้นขึ้นอยู่กับใจนั้นหยุดนิ่งสนิทแค่ไหน ใจหยุดสนิทมาก บุญเราก็ได้มาก ถ้าหยุดสนิทน้อย บุญก็ลดหย่อนลงมาตามลำดับ แล้วก็กลั่นบุญบารมีติดไปที่ศูนย์กลางกำเนิด ศูนย์กลางกายของทุก ๆ กาย ติดอยู่ในศูนย์กลางกายมนุษย์หยาบ ก็จะส่งผลให้ในปัจจุบันนี้ 

 


                เรามีความสุขในภพปัจจุบัน จะทำมาหากินก็ประสบความสำเร็จในการทำมาหากิน จะรับราชการก็ประสบความสำเร็จในการรับราชการ จะศึกษาเล่าเรียนก็จะประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน จะครองเรือนก็จะประสบผลสำเร็จในการครองเรือน มีความสุขและความสำเร็จเกิดขึ้น เพราะกระแสธารแห่งบุญนั้นติดอยู่ที่ศูนย์กลางของกายมนุษย์หยาบ ที่เราอาศัยนั่งเข้าที่นี้ ก็จะส่งผลให้มนุษย์หยาบนี่สมบูรณ์ทุกอย่าง ตั้งแต่ตัวเราเองเรื่อยไปตามลำดับ และในสิ่งที่เราพึงปรารถนาตามกำลังแห่งบุญอันนั้น กระแสธารแห่งบุญติดอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด กายฝันหรือกายไปเกิดมาเกิด เมื่อถึงคราวแตกทำลายขันธ์ กายหยาบอยู่ไม่ได้ต้องแตกไป ต้องเสื่อมต้องสลายไป 

 


                กระแสธารแห่งบุญที่ติดอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด ก็จะนำกายมนุษย์ละเอียดนั้นไปสู่สุคติภูมิ ปิดประตูอบาย เมื่อไปถึงสุคติภูมิสู่โลกสวรรค์แล้ว กระแสธารแห่งบุญในสุคติในโลกสวรรค์ก็ส่งผลให้เรามีสุขในโลกสวรรค์ มีรูปทิพย์ มีเสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ สัมผัสทิพย์ สมบัติที่เป็นทิพย์ทั้งหมด ปนปรือกันอยู่ในโลกสวรรค์ ให้มีความสุขอยู่ในสุคติภูมิอันนั้น กระแสธารแห่งบุญที่ติดอยู่ในกายรูปพรหม หรืออรูปพรหมก็ตาม จะส่งผลให้เราเข้าถึงความสุขในภพภูมิของกายรูปพรหมหรืออรูปพรหม สูงยิ่งขึ้น ๆ ไปตามลำดับ ติดหมดเลย เมื่อใจเราปรารถนาที่จะไปสู่ภพภูมิแห่งรูปพรหมหรืออรูปพรหม เราก็ไปได้ แต่ถ้าใจเราไม่ปรารถนาไปอย่างนั้นก็จะมาอยู่ในสุคติภพของกายทิพย์ เพราะฉะนั้นแต่ละกายน่ะติดหมด กระแสธารแห่งบุญติดไปหมดทุก ๆ กายทีเดียว ติดจนกระทั่งเข้าถึงกายธรรมต่าง ๆ 

 


                กายธรรมโคตรภู โสดา สกิทาคา อนาคา อรหัตส่งไปเรื่อย ๆ ส่งเข้าถึงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่อายตนนิพพาน นี่กระแสธารแห่งบุญนี้ได้ถึงขนาดนี้ทีเดียว เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่ควรประมาท ควรจะเอาใจใส่ทุกอาทิตย์ต้นเดือน มีภารกิจอันใดก็ตามให้วางซะ แล้วรีบมาบำเพ็ญบุญ มากอบโกยบุญในวันอาทิตย์ต้นเดือน ตักตวงบุญของเราให้เต็มที่ ให้สมที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์มาพบพระพุทธศาสนา มาสร้างบารมี จะต้องให้ทุกวันทุกคืน ทุกเวลาทุกวินาที ผ่านไปด้วยการสร้างบารมีของเราให้เต็มที่ นี่แหละวันนี้แหละเป็นบุญอันใหญ่ ให้ตั้งใจให้ดีทุก ๆ คนนะจ๊ะ เมื่อเราเข้าใจอย่างนี้แล้ว ต่อจากนี้จะได้สอนวิธีปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมกาย 

 


                อนึ่งวันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง คือวันสมาธิโลก วันสมาธิโลกเป็นวันที่หลวงพ่อ ได้ชักชวนชาวโลกทั้งหลาย เมื่อปีที่แล้ว ได้ประชุมที่ต่างประเทศชักชวนนานาชาติ ศูนย์ภาคี พสล. ศูนย์ภาคี ยุวพุทธิกะของโลก เยาวชนโลก ศูนย์ภาคีต่าง ๆ ทั่วโลก ว่าให้กำหนดเอาวันที่ ๖ สิงหานี้ เป็นวันสมาธิโลก แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่พวกเรามาประชุมพร้อมกันประกอบพิธีทำสมาธิเป็นปกติอยู่แล้ว ก็ให้ถือเอาวันนี้นอกจากจะเป็นวันบูชาข้าวพระได้ทำสมาธิเพื่อสันติสุขแห่งโลก เพราะสมาธิเท่านั้นจะเป็นสิ่งที่จะเชื่อมโยงกระแสใจของชาวโลกให้หยุด ให้นิ่ง ให้สงบระงับ จนกระทั่งเข้าถึงดวงปัญญา เมื่อมีสติ เมื่อมีปัญญาดีแล้ว จะได้รู้จักว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต เมื่อได้รู้จักแจ่มแจ้งว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิตแล้ว จะได้ดำรงชีวิตนี้อยู่ด้วยความไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ฉันท์ญาติพี่น้อง

 


                เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันดีของพวกเราทั้งหลายที่จะได้แผ่กระแสใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยบุญด้วยบารมี ด้วยบุญด้วยกุศล ด้วยคุณงามความดี แผ่ไปยังชาวโลกทั้งหลาย ให้เข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์ เลิกละจากการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน และก็เปลี่ยนแปลงจิตใจที่เบียดเบียนซึ่งกันและกันนั้นมาเป็นจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี มีอะไรก็แบ่งปันกัน มีความรัก ความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ดังนั้นให้ตั้งใจให้ดีนะจ๊ะ วิธีการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายนั้น เบื้องต้นต้องฝึกใจให้หยุดเสียก่อน ใจจะต้องฝึกให้หยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ฐานที่ตั้งของใจมีทั้งหมด ๗ ฐาน ฐานที่ ๑ อยู่ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงข้างซ้าย ท่านชายข้างขวา ฐานที่ ๒ อยู่ที่เพลาตา ตรงหัวตาที่น้ำตาไหล ท่านหญิงข้างซ้าย ท่านชายข้างขวา ฐานที่ ๓ อยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ ในระดับเดียวกับหัวตาของเรา ฐานที่ ๔ อยู่ที่เพดานปาก ช่องปากที่อาหารสำลัก ฐานที่ ๕ อยู่ที่ปากช่องคอเหนือลูกกระเดือก ฐานที่ ๖ อยู่ในกลางกาย ในระดับเดียวกับสะดือของเรา 

 


                สมมติเรามีเส้นเชือก ๒ เส้น นำมาขึงให้ตึง ให้ขึงจากสะดือทะลุหลังไปเส้นหนึ่ง ให้ขึงจากด้านขวาทะลุไปด้านซ้ายอีกเส้นหนึ่ง ให้เส้นเชือกทั้ง ๒ ตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงนี้เรียกว่า ศูนย์กลางกายฐานที่ ๖ ยกถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือ คือสมมติเราเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นเชือกทั้ง ๒ สูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือ นั่นคือ ฐานที่ ๗ เพราะฉะนั้นเมื่อหลวงพ่อพูดถึงฐานที่ ๗ ท่านที่มาใหม่ให้ทำความเข้าใจให้ได้อย่างนี้นะจ๊ะ ว่าหมายถึงเอาตรงนี้ ตำแหน่งที่เหนือจากจุดตัดของเส้นเชือกทั้งสองขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ตรงนี้เรียกว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นฐานที่สำคัญ เป็นที่ตั้งที่สำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นทางไปสู่อายตนนิพพาน ที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายไปสู่อายตนนิพพาน ก็อาศัยเส้นทางสายกลางตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้ที่เดียวและก็ทางเดียว ทางอื่นที่จะไปสู่อายคนนิพพานไม่มีอีกแล้ว มีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น คือผ่านเข้าไปในกลางกายของเรา 

 


                เนื่องจากเป็นทางเดียวถึงเรียกว่า เอกายนมรรค หนทางเอกทางสายเดียวมุ่งตรงไปสู่อายตนนิพพาน พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายที่ท่านไปสู่อายตนนิพพานได้ ขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้ ก็เข้าสู่เส้นทางสายกลางเส้นนี้แหละ คือท่านเอาใจหยุดที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ พอถูกส่วนเข้าก็เข้าถึงปฐมมรรค คือเห็นเป็นดวงใสบริสุทธิ์ คือพอใจหยุดได้ถูกส่วนเข้า ความบริสุทธิ์จะเกิดขึ้น เป็นดวงใสคล้ายกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขนแมว อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน เข้าถึงปฐมมรรค แล้วก็ปล่อยใจเข้าไปตามลำดับ เข้าไปในกลางปฐมมรรคนั้นเรื่อยไป ก็พบดวงธรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ พอสุดวิมุตติญาณทัสสนะก็เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด 

 


                รู้จักกายมนุษย์ละเอียด กายไปเกิดมาเกิดหรือกายฝัน เพราะว่าเข้าถึง พอเข้าถึงไปเห็นเข้าก็รู้จักทีเดียว เมื่อเข้ากลางกายมนุษย์ละเอียดเรื่อยไปตามลำดับในทำนองเดียวกัน ก็พบดวงธรรมต่างๆ ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติ ญาณทัสสนะ แล้วในที่สุดก็เข้าถึงกายทิพย์ เมื่อเข้ากลางกายทิพย์ก็เข้าถึงดวงธรรม ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ สุดวิมุตติญาณทัสสนะ ก็เข้าถึงกายรูปพรหม เนี่ยะให้เข้ากลางอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าถึงกายอรูปพรหม กายธรรมโคตรภู กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกิทาคา กายธรรมพระอนาคา และกายธรรมพระอรหัต นี่ท่านดำเนินจิตของท่านเข้าไปอย่างนี้

 


                 ในกายต่าง ๆ เหล่านี้น่ะซ้อนกันอยู่ เมื่อเข้าถึงกายไหนท่านก็ศึกษาทั่วถึงกายนั้น จนกระทั่งได้ทราบถึงความเป็นแก่นสารและไม่เป็นแก่นสารของแต่ละกายนั้นเรื่อยไปตามลำดับ เมื่อเข้าไปถึงกายมนุษย์ละเอียดก็ศึกษาทั่วถึงกายมนุษย์ละเอียดทีเดียว และก็ศึกษาทั่วถึงกายมนุษย์หยาบ ว่ากายมนุษย์หยาบแค่เป็นเครื่องอาศัย เป็นของชั่วคราว มีเอาไว้สำหรับสร้างบารมีเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อการอื่น เป็นกายที่อาศัยชั่วคราวยังไม่ใช่ของจริง ก็ปล่อยวางกายนั้นไป 

 


                เมื่อเข้าถึงกายทิพย์ก็มองเห็นกายต่าง ๆ เห็นกายมนุษย์ละเอียด และก็เห็นกายทิพย์ว่าเป็นแค่ทางผ่าน ยังไม่ใช่ของจริง ยังมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เมื่อเข้าถึงกายพรหมและอรูปพรหมก็ในทำนองเดียวกัน นี่ท่านดำเนินจิตไปอย่างนี้เรื่อย ๆ เห็นไปเรื่อย ๆ นี่ท่านดำเนินจิตของท่านเข้าไปอย่างนี้ จนกระทั่งเข้าถึงกายธรรม พอเข้าถึงกายธรรมโคตรภู ความรู้แจ้งเห็นแจ้งก็เกิดขึ้น ยิ่งกว่านั้นขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปตามลำดับ ก็ถึงจุดเบื้องต้นของกายพระนิพพานแล้ว แต่ว่ายังไม่มั่นคง ต้องดำเนินจิตเข้าไปเรื่อย ๆ 

 


                เข้าถึงกายธรรมพระโสดา เข้าถึงกายธรรมพระโสดาจะต้องทำกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปอีก จนกระทั่งเข้าถึงกายธรรมพระสกิทาคาน่ะเป็นชั้น ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็เข้าถึงกายธรรมพระอรหันต์ เมื่อเข้าถึงกายธรรมอรหันต์กิเลสอาสวะต่าง ๆ ก็หมดสิ้นไป สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษทีเดียว มีความสุขเต็มเปี่ยม ไม่มีความทุกข์เจือปนเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงกายนี้แล้วท่านก็ปฏิญาณว่าท่านเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอด ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว กิจที่จะต้องทำไม่ต้องมีอีกแล้ว ถึงที่สุดแล้ว เข้าสู่อายตนนิพพานอย่างเดียว ไปถึงความสุขที่ไม่มีทุกข์เจือปนอย่างเดียวเท่านั้นนะ เห็นตลอดหมดด้วยธรรมจักขุ และก็หยั่งรู้ได้ด้วยฌานของธรรมกายอรหัตนั้น นี่เป็นชั้น ๆ อย่างนี้นะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นท่านที่มาใหม่ต้องทำความเข้าใจว่าจะมีกายอย่างนี้น่ะซ้อนกันอยู่ การปฏิบัติก็เพื่อให้เข้าถึงกายที่สุด และจะต้องเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ดังนั้นศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ จะต้องจำเอาไว้ให้มั่น เอาใจมาหยุดอยู่ที่ตรงเนี้ยะทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งนั่ง นอนยืน เดิน ทุกอิริยาบถ ตรึกเอาไว้เรื่อย ๆ นึกเอาไว้เรื่อย ๆ นึกที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ การจะนึกที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้มีกลเม็ด มีวิธีที่จะให้เรานึกอยู่ได้ตลอดเวลา นั่นก็คือเราจะต้องสร้างมโนภาพขึ้นที่เรียกว่า กำหนดบริกรรมนิมิต ว่าที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ มีดวงแก้วที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้วไม่มีขนแมว โตเท่ากับแก้วตา

 


                 เราจะต้องสร้างมโนภาพตรงนี้นะจ๊ะ ใจจะได้มานึกอยู่ที่ตรงนี้และนึกได้ง่าย เพราะว่ามันเห็นเป็นภาพ นึกให้เห็นชัดเจนคล้าย ๆ กับเราลืมตาเห็น แต่ให้นึกอย่างละเอียดอ่อน เบาสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานึกถึงภาพเพชรที่อยู่ตามร้านค้าน่ะ แต่ว่าเรานึกมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ อย่างสบาย ๆ ให้ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดไว้ที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ของดวงแก้ว ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ ของดวงแก้วหรือบริกรรมนิมิตนี้อย่างสบาย ๆ นึกตามไปนะจ๊ะ 

 


                ท่านที่มาใหม่ ๆ ตรึกนึกถึงดวงใส เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ของดวงแก้ว ดวงแก้วที่กลมรอบตัว ใสบริสุทธิ์คล้ายกับเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขนแมว โตเท่ากับแก้วตาของเรา โตเท่ากับแก้วตาของเรา กลมรอบตัวใสบริสุทธิ์อยู่ในกลางกายฐานที่ ๗ เหนือจุดตัดของเส้นเชือกทั้ง ๒ ขึ้นมา ๒ นิ้วมือ เราก็นึกอยู่ที่ตรงนี้นะ ใหม่ ๆ เราไม่ชำนาญ อาจจะไม่มั่นใจว่าตรงนี้เป็นฐานที่ ๗ ก็ให้ทึกทักเอานะ ทึกทักเอานะจ๊ะ สมมติเอาว่าตรงนี้ใช่แล้ว เป็นฐานที่ ๗ ใหม่ ๆ ต้องทึกทักก่อน แล้วก็ประคองอยู่ตรงนั้นเรื่อย ๆ พร้อมกับภาวนาในใจ ภาวนาในใจ ให้เสียงของคำภาวนาดังออกมาจากจุดกึ่งกลางกายฐานที่ ๗ 

 


                ให้เสียงของคำภาวนาดังออกมาจากจุดกึ่งกลางกายฐานที่ ๗ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ ภาวนาสัมมาอะระหังไปเรื่อย ๆ พร้อมกับนึกถึงภาพบริกรรมนิมิต ดวงแก้วที่ใสบริสุทธิ์ประดุจเพชรลูกแก้วเจียระไนแล้วไม่มีขนแมว โตเท่ากับแก้วตา ภาวนาให้ควบคู่กันไปอย่างนี้นะคือสัมมาอะระหังไปด้วย แล้วก็นึกถึงภาพดวงแก้วไปด้วยอย่าให้เผลอนะ อย่าให้ลืมอย่าให้เผลอ อย่าเผลอไปคิดเรื่องอื่น ให้ภาวนาอย่างเนี้ยะเอาไว้ สัมมาอะระหัง ๆ เนี่ย ในวันเนี้ยะเวลาเนี้ยะเราก็ภาวนาอย่างนี้ แล้วก็ตรึกอย่างนี้ เวลาอื่นที่นอกเหนือจากการนั่ง เราจะยืน จะเดิน จะนอนจะทำภารกิจอันใดก็ตาม นึกภาวนาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ 

 


                ภาวนาไปเรื่อย ๆ เมื่อใจของเราเพลิดเพลินกับคำภาวนานี้ ไม่ซัดส่ายไปในอารมณ์อื่น ไม่มีความคิดอื่นเข้ามาแทรก มันจะมีอยู่จังหวะหนึ่งที่เราคล้าย ๆ กับเราลืมภาวนาไปเลย คล้าย ๆ กับลืมภาวนาแต่ใจเราก็ไม่ไปคิดเรื่องอื่น มันหยุดนิ่งอยู่ภายใน มันจะมีอยู่จังหวะหนึ่งนะจ๊ะ ที่เราภาวนาสัมมาอะระหังไปเพลิน ๆ ไปเรื่อย ๆ นึกถึงดวงแก้วไปเรื่อย ๆ จังหวะหนึ่งที่มันลืมภาวนาไป แล้วใจมันก็หยุดนิ่งอยู่ภายใน จนกระทั่งเกิดความรู้สึกไม่อยากจะภาวนาต่อ อยากจะวางใจให้นิ่งเฉย ๆ อยู่ที่ตรงนี้ นั่นแหละใจหยุดแล้ว ที่เรียกว่าใจหยุดนั่นแหละเป็นอย่างนั้น หยุดแล้ว ทีนี้หยุดอย่างนั้นแล้วทำยังไงต่อไป 

 


                 เมื่อใจหยุดอย่างนี้แล้วก็ประคองใจที่หยุดนั้นต่อไป โดยไม่ต้องคิดอะไร ตรงนี้สำคัญนะ ไม่ต้องคิดต่อไปให้ประคองใจหยุดนิ่งเฉยต่อไปเรื่อย ๆ อะไรจะเกิดขึ้นก็ช่างมันหรืออะไรยังไม่เกิดขึ้นก็ช่างมันเฉย ๆ ประคองไปเรื่อย ๆ เมื่อเราประคองไปเรื่อย ๆ ใจก็จะค่อย ๆ ละเอียดลงไปอีก ละเอียดอ่อนลงไป เราจะมีประสบการณ์ใหม่ ๆ แปลก ๆ ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน คือร่างกายเราจะเป็นโพรงเป็นปล่องเป็นช่องเป็นโพรง มีความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย คล้ายกับเราไม่มีตัวตน หรือลอยเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศ โล่ง ๆ และมีความพึงพอใจกับอารมณ์นี้ อยากจะอยู่อย่างเนี้ยนาน ๆ โดยไม่เบื่อหน่าย ไม่มีความรู้สึกเบื่อหน่าย อยากอยู่กับอารมณ์นี้นาน ๆ อย่างมีความพึงพอใจ 

 


                เมื่อเรารักษาความพึงพอใจนี้ต่อไปเนี่ยะ ความสุขก็เกิดขึ้นมา เบากาย เบาใจ สบายกายสบายใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้แหละ จิตจะตก ศูนย์ใจจะตกศูนย์วูบลงไป พอวูบลงไปนี่บางคนสะดุ้ง บางคนกลัว เหมือนตกจากที่สูง บางคนเห็นเป็นปล่องเป็นช่องลงไปน่ะ เป็นท่อลงไปน่ะ กลัว พอมันจะวูบลงไปก็กลัว แต่จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่ดีงามและไม่ควรกลัว เราต้องไม่ฝืนสิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปคือไม่กลัว แล้วอย่าไปฝืนกับอารมณ์อันนั้น กับประสบการณ์อันนั้น ที่มันจะวูบลงไป ปล่อยมันลงไปเลย ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ พอมันวืดลงไปแล้ว พอถูกส่วนเข้ามันก็จะลอยเป็นดวงใสบริสุทธิ์เกิดขึ้นมาเอง เราจะเห็นดวงธรรมเบื้องต้นเป็นดวงใสบริสุทธิ์ นี่จำไว้นะจ๊ะ

 


                สำหรับท่านที่มาใหม่ พอถึงขั้นนี้บางทีเนี่ยะเราจะรู้สึกว่าเราใจหายวาบลงไปเลย หายวาบ อย่ากลัวนะ อย่าตกใจ เป็นปรากฏการณ์ที่ดีจะเข้าถึงดวงธรรมแล้ว ปล่อยชีวิตไปเลยพอมันวูบลงไปเดี๋ยวก็เป็นดวงลอยขึ้นมาใสบริสุทธิ์ สบาย นั่นแหละปฐมมรรครักษาไว้ให้ดีนะจ๊ะ จำไว้นะ เมื่อเข้าใจอย่างนี้ เอาล่ะ ก็ตั้งใจปฏิบัติตามที่หลวงพ่อได้แนะนำไว้นะจ๊ะ คือตรึกนึกถึงดวงใสเอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของความใสบริสุทธิ์ พร้อมกับภาวนาในใจ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะจ๊ะ 

 


                คราวนี้เราวางใจของเราเบา ๆ ให้ใจเราหยุดนิ่งไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เหนือจากจุดตัดของเส้นเชือกทั้ง ๒ ที่ขึงจากสะดือทะลุหลัง ขวาทะลุซ้ายขึ้นมา ๒ นิ้วมือ ให้ใจเราหยุดในหยุด นิ่งในนิ่งอยู่ที่ตรงนี้นะจ๊ะ ใจหยุดนิ่งเฉย ตรึกในตรึก ๆ ลงไป ตรึกลงไปเรื่อย ๆ ตรึกถึงดวงใสใจหยุดอยู่ที่กลางดวงใส วางเบาๆ นึกเบา ๆ สบาย ๆ ท่านที่เข้าถึงกายต่าง ๆ ที่เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ก็เอาใจหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายมนุษย์ละเอียด ที่เข้าถึงกายทิพย์ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายของกายทิพย์ ที่เข้าถึงกายรูปพรหม ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายของกายรูปพรหม ที่เข้าถึงกายอรูปพรหมเอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายอรูปพรหม 

 


                ที่เข้าถึงกายธรรมก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายของกายธรรม หยุดในหยุด หยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง ๆ ใสในใส ๆ หยุดนิ่งให้ดีนะจ๊ะหยุดไปที่ศูนย์กลางกาย คราวนี้เราก็นึกน้อมเครื่องไทยธรรม อาหาร หวาน คาว ดอกไม้ ธูปเทียน ที่เรานำมาจากที่บ้าน คนละเล็ก คนละน้อยน่ะ เรานึกน้อมเอาให้ดี ให้เห็นเป็นภาพทางใจ ให้ภาพนั้นอยู่ในกลางกาย นึกอยู่ตรงนั้นนะ ถ้าใครหยุดไม่สนิท ภาพนั้นมันก็เห็นไม่ชัดเจนก็ รัว ๆ ลาง ๆ เวลามองมันก็เหมือนมองจากด้านบนลงไปด้านล่าง แต่ถ้าใครหยุดสนิทเข้าถึงดวงธรรมต่าง ๆ หรือกายได้ชัดเจน เช่น ถ้าเข้าถึงดวงธรรมได้ชัดเจน เราจะเห็นเครื่องไทยธรรมเราชัดทีเดียว 

 


                เห็นได้รอบตัว เห็นได้ชัดเจน ใหญ่โตตามส่วนทีเดียว เห็นอย่างสบาย ๆ เหมือนเราลืมตาเห็นวัตถุอย่างงั้นนะ ไม่เหมือนมองจากที่สูงลงมาด้านล่าง มันมองเห็นทีเดียวรอบตัวเลย เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ถ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายมนุษย์ละเอียด เราก็จะเห็นเครื่องไทยธรรมชัดเจนเท่านั้นแหละ ชัดเจนเท่ากันเลย ใส บริสุทธิ์ อยู่ในนั้นชัดเจนมาก ถ้าเข้าถึงกายทิพย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายทิพย์ ก็เหมือนกับกายทิพย์มองดูเห็นเครื่องไทยธรรมคล้าย ๆ กับกายมนุษย์หยาบเราเห็นเครื่องไทยธรรม มันไม่เหมือนกับเปิดฝาโหลดู ก้มดู ไม่ใช่อย่างนั้น มันก็เห็นธรรมดาอย่างเนี้ยะ แต่ว่าเป็นการเห็นได้รอบตัวชัดทีเดียว 

 


                 ถึงกายอรูปพรหม กายธรรมก็ดีนะ ในทำนองเดียวกันจะเห็นชัด ชัด ใส เห็นอยู่ในศูนย์กลางกาย เห็นอยู่ในกลางกาย นี่เป็นเรื่องแปลกทีเดียว ว่ามันเห็นได้ยังไง เพราะฉะนั้นเราจะต้องพยายามปฏิบัติให้เข้าถึงให้ได้ แล้วเราถึงจะเข้าใจว่าการเห็นน่ะ ได้รอบตัวมันเป็นอย่างไง เห็นอยู่ตรงกลางใสบริสุทธิ์ นึกน้อมไปถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ให้สุดรู้สุดญาณ พระพุทธเจ้าน่ะมีมากมายก่ายกองทีเดียว นับไม่ไหว เราก็ไปถึงได้เท่าที่เราไปถึง สุดรู้สุดญาณของเรา

 


                สุดญาณกับสุดขอบเขตสายตาของเรา เหมือนตามนุษย์มองเห็นไปสุดขอบฟ้า สิ่งที่สุดสายตาของเราไปถึงไหน เราก็เห็นอย่างั้นน่ะ นั่นเค้าเรียกว่าสุดญาณเห็นถึงไหนก็รู้ถึงนั้นน่ะ ของธรรมกายเห็นถึงไหนด้วยธรรมจักขุ ก็หยั่งรู้ด้วยญาณของธรรมกายทั่วถึงไป และขอบข่ายของญาณธรรมกายนะไปถึงไหน มีพระพุทธเจ้านับไม่ถ้วนก็ทับทวีถวายหมด กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า เครื่องไทยธรรมเหล่านี้เป็นธรรมบรรณาการของคนยาก ของพวกเราที่จะมาถวายเป็นพุทธบูชาและขอบุญขอบารมีรัศมีกำลังฤทธิ์อำนาจสิทธิของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ 

 


                ให้พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นผู้มีบุญบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ที่จะให้ผลบุญในปัจจุบันนี้ทันตาเห็น เนื่องจากว่าข้าพระองค์กำลังสร้างบารมีอยู่ในกายมนุษย์ในขณะนี้ ขอให้มีความสุขกายสุขใจ หน้าที่การงานก็ให้เจริญรุ่งเรืองทำมาค้าขายก็ให้ซื้อง่ายขายคล่องกำไรงาม เต็มประเทศกระทั่งล้นประเทศ ศึกษาเล่าเรียนก็ให้ศึกษาเล่าเรียนด้วยดวงปัญญาอันเลิศ แตกฉานแทงตลอดในความรู้ทั้งหลาย ครอบครัวก็ให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้สามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ให้ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน 

 


                ให้ร่างกายแข็งแรง อย่าได้เจ็บ อย่าได้ป่วยอย่าได้ไข้ ให้อายุยืนยาว สร้างบารมีไปได้นาน ๆ ภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น อัคคีภัย โจรภัย ราชภัย ภัยทุกชนิด ศาสตราวุธ เขี้ยวงา หมอเสน่ห์ เล่ห์กล มนต์คาถา เจ้าทรง ผีสิง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ ร้อนกายร้อนใจก็ให้ละลายหายสูญให้หมด ให้ประสบพบแต่สิ่งที่ดีงามผิวพรรณวรรณะก็ให้ผ่องใส จิตใจก็ให้เบิกบานให้แช่มชื่น ให้ถ้อยคำนั้นเป็นที่น่าเชื่อถือแก่ทุก ๆ คน ใครได้ยินได้ฟัง ที่จะไปทำมาค้าขายก็ดี หรือทำหน้าที่ของกัลยาณมิตรก็ดี ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจถูกพระทัยทุก ๆ คนให้หมด ใครได้ยินได้ฟังก็ให้เกิดปิติ ยินดี ดีอกดีใจ เชื่อถือ เชื่อฟัง เชื่อถือหมดทุก ๆ คน 

 


                ให้มีสายสมบัติ หลั่งไหลเกิดขึ้นมา ได้สร้างบารมีอย่างสะดวกสบาย อยากสร้างอาคารก็สร้างได้ อยากจะทำทานก็ทำได้ อยากรักษาศีลก็สะดวก อยากจะเจริญภาวนาก็สบาย เพราะว่ามีสายสมบัติเกิดขึ้น หล่อเลี้ยงสังขาร ได้สะดวกสบาย จิตใจเบิกบานแจ่มใสตลอด ขอบุญบารมีรัศมีกำลังฤทธิ์อำนาจสิทธิ สมบัติ คุณสมบัติลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผลนิพพาน ให้บังเกิดขึ้นแก่พวกเราทั้งหลาย ให้ท่านสอดรู้สอดญาณ เติมบุญเติมบารมีให้กับพวกเราหมด เข้ามาที่ศูนย์กลางกำเนิด ศูนย์กลางกาย ขจัดสิ่งที่เป็นบาปเป็นอกุศล ที่อยู่ในกลางกายของทุก ๆ คน 

 


                บาปอกุศลเหล่านี้เป็นเหตุให้เกิดอุปสรรคทั้งหลาย เช่น อุปสรรคขัดข้องทางใจ ทำให้เกิดความหงุดหงิดงุ่นง่าน ฟุ้งซ่านรำคาญใจ เศร้าซึมเซ็ง เครียด เบื่อมั่ง กลุ้มมั่ง ท้อแท้ใจมั่ง ให้เกิดขึ้นทางใจ มีความโลภมั่ง ความโกรธมั่ง ความหลงมั่ง นั่นเป็นอุปสรรค เพราะว่ากระแสแห่งบาปอกุศลนั่นน่ะ เค้าเข้าไปบังคับบัญชาอยู่ในกลางกาย และผลภายนอกจะมีลูกมีเต้า มีครอบมีครัวก็ทะเลาะเบาะแว้งกัน ขัดแย้งกัน จะศึกษาเล่าเรียนที่ปัญญาทึบ สมองทึบ จะทำมาค้าขายก็ให้มีอุปสรรคเกิดขึ้น อุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ เกิดขึ้น หาเงินมาไม่สะดวก เงินมาไม่ทันใช้จ่ายมั่ง ถูกกลั่นแกล้งบ้าง อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ให้ละลายหายสูญให้หมด ให้ละลายให้หมดเลยนะ

 


                กระแสแห่งบุญให้ชำระกระแสแห่งบาปให้หมดสิ้นไป ให้ดวงธรรมภายในใสบริสุทธิ์ สว่างไสว จะปฏิบัติธรรมะก็ให้รู้แจ้งเห็นจริง แทงตลอดในธรรมะของพระพุทธเจ้า เห็นเลอะ ๆ เทอะ ๆ อะไรต่าง ๆ ไม่ถูกต้องตรงไปตามความเป็นจริงก็ให้ละลายหายสูญไป ให้รู้ถูกให้เห็นถูก เห็นแล้วก็ทำให้จิตใจนั้นเบิกบานสะอาด บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่อยากเด่นไม่อยากดัง อยากแต่จะหลุดพ้นจากกิเลสจากอาสวะอย่างเดียว เนี่ยะรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดไปเลยอย่างนั้นนะ 

 


                ขอบุญบารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศสรรเสริญสุข มรรคผลนิพพานเกิดขึ้นหมดทุกคน ให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้ขยันหมั่นเพียร ไม่ให้เกียจคร้านในการประพฤติปฏิบัติธรรม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ปฏิบัติธรรมใจหยุดใจนิ่งนี้เป็นของดี แต่ก็ยังขี้เกียจ เพราะกระแสแห่งบาปนั้นเข้าไปบังคับเอาไว้ บังคับบัญชาเอาไว้ ทำให้ทอดธุระมั่ง เกียจคร้านมั่ง ผัดวันประกันพรุ่งมั่ง สิ่งเหล่านี้ให้ละลายหายสูญให้หมด 

 


                ให้เห็นคุณค่าของการปฏิบัติธรรม ให้มีความขยันในการปฏิบัติธรรม แล้วก็ให้ได้ผลของการปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงธรรมกายเข้าถึงวิชชาธรรมกายกันให้หมด ไม่ให้มีอุปสรรคอันใดเกิดขึ้นเลย ขอศีล ขอพร ขอบุญบารมีพระพุทธเจ้าให้ท่านปกปักรักษา เพราะว่าท่านเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ระลึกอันประเสริฐ สิ่งอื่นที่จะเสมอเหมือนหรือยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ธรรมกายของพระพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เลิศที่สุด ให้ได้ผลบุญติดไปทุกภพทุกชาติเลย กระทั่งเข้าสู่อายตนนิพพาน ให้ท่องเที่ยวไปอยู่ใน ๒ ภูมิ คือ ภูมิของสุคติ และโลกมนุษย์ 

 


                ให้มีสติปัญญาเชี่ยวชาญแตกฉานแทงตลอดทั้งทางโลกทางธรรม ให้เข้าใจวิชชาธรรมกาย โรคภัยไข้เจ็บก็ละลายหายสูญไปให้หมด และทับทวีเอาผลบุญของทุกคนที่มีญาติพี่น้องที่ละโลกไปแล้วให้มีผลแห่งบุญอันนี้ไปด้วย มีทุกข์ก็ให้พ้นทุกข์ มีสุขแล้วก็ให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วก็ทับทวีบุญนี้ให้ประเทศชาติ ศาสนา วิชชาธรรมกายให้เป็นที่โด่งดังประเทศไทยเป็นปิ่นนานาประเทศ วิชชาธรรมกายให้ชาวโลกทั้งหลายเข้าอกเข้าใจ ให้เข้าถึงให้เข้าใจวิชชาธรรมกาย และก็ให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย สันติสุขอันไพบูลย์ขอให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ ไม่จำกัดเชื้อชาติศาสนา และเผ่าพันธุ์ 

 


                ให้กระแสแห่งบุญนี้แผ่ขยายไปทั่ว ตลอดหมดชมพูทวีป อุตตรกุรุทวีป อมรโคยานทวีป บุพวิเทหทวีป ตลอดหมดภพทั้งสาม กามภพ รูปภพ อรูปภพ ให้ทั่วถึง แสนโกฏจักรวาล อนันตจักรวาล สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณ จะเกิดขึ้นในกำเนิดทั้ง ๔ ก็ดี มี ๒ เท้า ๔ เท้า มีเท้ามากเท้าน้อยหรือว่าไม่มีเท้า ให้มีส่วนแห่งบุญ ในวันนี้ ที่พวกเราทั้งหลายได้อุทิศแผ่ไปแล้ว แล้วก็กราบทูลหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ว่า ลูก ๆ ชาย หญิงของท่านตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม ขอให้เข้าถึงธรรมกายให้หมด ให้กราบขอบุญขอบารมีจากท่านปกปักรักษาพวกเราต่างคนต่างอธิษฐานจิตกันตามใจชอบนะ 

 

 

 


 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.032914797465007 Mins