สำเร็จได้ดังใจคิด

วันที่ 13 มิย. พ.ศ.2567

 

670613_b08.jpg

 

สำเร็จได้ดังใจคิด

         คนบางคนมีความเชื่ออย่างผิด ๆ ไม่รู้จักรักษาศีลจึงทำให้ชีวิตต้องอับเฉาไป

         สมัยก่อน คนโบราณสมัยก่อนพุทธกาล มีความเชื่อว่า ถ้าเราไปทำความชั่วทำบาปแล้ว เมื่อได้ฆ่าสัตว์บูชายัญ บาปนั้นก็จะหมดไป เพราะได้ถ่ายบาปให้กับสัตว์นั้นไปหมดแล้ว ที่เราใช้คำว่า “แพะรับบาป” ก็มาจากการที่คนสมัยนั้นมักจะฆ่าแพะมาบูชายัญ นั่นเอง ความเชื่อเช่นนี้จึงทำให้ผิดศีลข้อปาณาติบาต และมีเวรฆ่าสัตว์ติดตัวไป

         สมัยนี้ คนบางกลุ่มมีความเชื่อว่ายศถาบรรดาศักดิ์ ลาภ ยศ สรรเสริญจะนำความสุขมาให้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะโดยวิธีการใดก็ตาม เขาจะพยายามแสวงหาช่วงชิงสิ่งนี้มาให้ได้ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น เรียกว่า “เหยียบหัวชาวบ้านขึ้นมา” หรือ“เลื่อยขาเก้าอี้ให้มันตกลงไป” ในเชิงธรรมะเรียกการกระทำเช่นนี้ว่าการหาความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ใครที่ทำเช่นนี้นับว่า พลาดแล้วนะ แม้ว่าบางครั้งอาจจะได้ยศ ได้ตำแหน่งอย่างที่หวัง แต่ไม่คุ้มเลยเพราะกว่าจะได้มานั้นได้ก่อศัตรูไว้มากมายเหลือเกิน ทันทีที่ได้ตำแหน่งนั้นไปก็รู้ไว้เลยว่ามีคนจ้องเลื้อยขาเก้าอี้แล้วเจ้าคนนั้นก็คิดเหมือนอย่างที่เราเคยคิดนั้นแหละ กรรมสนองกรรม

         ฐานะตำแหน่งต่าง ๆ นั้นหากได้มาอย่างบริสุทธิ์ตามขั้นตอนแล้วเราจะสบายใจ คนเราต่างมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่นานนัก ไม่กี่ปีก็ต้องตาย การไปเที่ยวรังแกคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นความสุข เพียงชั่วระยะไม่กี่ชั่วโมง ไม่กี่วัน ไม่กี่เดือน แต่จะต้องผวาไปตลอดชาติ กลัวว่าเขาจะมาลอบทำร้ายมาคิดบัญชีชำระความแค้นคิดกลัวไปสารพัด นับว่าไม่คุ้มเลยกับตำแหน่งที่ได้มาอย่างมิชอบถ้าถึงขนาด เข่นฆ่าทำลายกันก็ผิดศีลข้อปาณาติบาต ถ้าใส่ร้ายเหยียบย่ำเขาลงไปก็ผิดข้อมุสา ขบวนการทำลายล้างกันนี้ต้องผิดศีลทั้งนั้น

 

เกิดเป็นคนต้องมีศีล 

         ศีล แปลว่า “ปกติ”

คำว่าปกติในภาษาอังกฤษคือ NOR-MAL พวกเราหลายคนยังเข้าใจไขว้เขวไปว่า ศีล แปลว่า ข้อห้ามซึ่งไม่ถูกต้อง

       คนปกตินั้นเขาจะไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่เจ้าชู้ ไม่โกหก ไม่ขี้เมาดังนั้นใครที่ทำดังกล่าวหรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็นับว่า “ผิดปกติ”หรือ ABNORMAL แต่เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เรากระทำในสิ่งผิดปกติ (ABNORMAL) จนกระทั่งเป็นปกติ (NORMAL) เมื่อเห็นคนปกติ(NORMAL) ก็แปลกใจไปตำหนิเขาว่า ผิดปกติ (ABNORMAL)เสียนี่

      สมัยที่หลวงพ่อยังเป็นนิสิต คบเพื่อนไม่เป็น หลงเข้าไปอยู่ในกลุ่มขี้เมาตอนแรก ก็โดนเขาหัวเราะเยาะเอาเหมือนกันอะไรโตป่านนี้แล้วยังกินเหล้าไม่เป็นอีก...เป็นนิสิตมหาวิทยาลัยแล้วยังกินเหล้าไม่เป็น ผิดปกตินะนี่! คือพวกเขาผิดปกติ (ABNORMAL)จนกระทั่งเป็นปกติ(NORMAL) ด้วยความไม่รู้ ต่อจากนั้นจึงพลอยผิดปกติ (ABNORMAL)เสียเกือบสิบปีเพราะฉะนั้นพวกเราเมื่อได้รู้แล้วอย่าพลาดเหมือนหลวงพ่อในครั้งนั้น

 

การรักษาศีลนั้นไม่ยากเลยขอให้ตั้งใจรักษาให้ดี ศีล 5 ข้อ ที่เราจะต้องรักษานั้น จำไว้ง่าย ๆ ว่า

“ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่เจ้าชู้ ไม่โกหก ไม่ดื่มเหล้า” ท่องให้ขึ้นใจเลย

ศีลข้อ 1. ไม่ฆ่า

           ในที่นี้หลวงพ่อเชื่อว่าทุกคนมีศีล ข้อนี้ เป็นพื้นฐานกันอยู่แล้ว ถ้าจะถามว่าใครเคยฆ่า หมู เป็ด ไก่ บ้างก็คงจะไม่มี ใครเคยฆ่าคนบ้างก็ไม่มี แต่อาจจะมีพลั้งเผลอไปบ้างเช่น ฆ่ายุง มด ปลวกแมลงสาบ หรือหนู ก็คงจะเคยฆ่ากันมาลองนับดูว่าเราได้ตบยุงมาเป็นเวลากี่ปีแล้ว ถ้าเริ่มตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ถึงปัจจุบันนี้ก็ราว ๆ 20 ปีแล้ว แต่ยุงก็ไม่ได้ลดจำนวนลงเลย เพราะฉะนั้นเลิกตบยุงเถิดลูกเอ๋ย ถึงอย่างไรมันก็ไม่ลดลงได้เพราะเราไปแก้กันที่ปลายเหตุ ที่ยุงยังก่อความรำคาญให้เรามากนั้นมีต้นเหตุอยู่ที่ เราไม่ช่วยกันดูแล ปล่อยให้มีน้ำครำมาก ถ้าเรามาช่วยกันถมน้ำครำ จัดระบบระบายน้ำให้ดี ยุงก็จะไม่มีที่วางไข่ เราจะได้ไม่ต้องตบยุง ไม่ผิดศีลส่วนพวกมด แมลงสาบ แมลงวันที่ยังมีอยู่มากก็เพราะมีคนมักง่าย สกปรกทิ้งเศษอาหารเกลื่อนกลาดการไล่ฆ่าแมลงพวกนี้กันอยู่ ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางหมดไปได้ เราจึงต้องมาแก้ไขกันที่ต้นเหตุ คือ อย่ามักง่าย ทิ้งเศษอาหารไม่เป็นที่ ควรทิ้งในภาชนะรองรับที่มีฝาปิดมิดชิด เป็นการตัดแหล่งอาหารของมัน เราจะได้ไม่ต้องฆ่าให้ผิดศีล

          เมื่อก่อนหลวงพ่อเคยเป็นพ่อค้าขายยาฆ่าแมลง ปีหนึ่งขายได้หลายล้านบาท ขายให้ทั้งเทศบาลชาวสวน ชาวนา ชาวไร่ แต่ในที่สุดก็พบว่ายาฆ่าแมลงพวกนี้ไม่สามารถปราบแมลงได้อย่างจริงจัง

          ทั้งยังมีราคาแพง ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนาต้องเป็นหนี้สิน ก็เพราะซื้อยาฆ่าแมลงและที่ต้องล้มป่วยลงเพราะพิษยาเหล่านี้ก็มีมากนับไม่ถ้วนมีรุ่นน้องหลวงพ่อคนหนึ่งมีอาชีพเดียวกัน เวลาไปขายแถวหัวหิน แถวประจวบฯ ขากลับมักจะซื้อปลาเค็ม ปลาทะเล มาฝากอยู่เสมอ วันหนึ่งก็ได้เข้าไปซื้อในร้านเจ้าประจำ แต่คราวนี้เขาโก่งราคาสูงเป็น 2 เท่า ก็เลยต่อว่าไป แม่ค้าก็ตอบมาชัดเจนดีว่า

 

“เห็นใจเถอะค่ะ ตอนนี้ดิพเทอเรคซ์ มันแพง”

 

         เขาถึงได้รู้ว่าที่กินปลาเค็มมาเป็นปี ๆ นั้นที่แท้ก็กินยาฆ่าแมลงที่ตัวเอาไปขายนั่นเอง นี่แหละกงกำกงเกวียน ตั้งแต่นั้นมาจึงเข็ด เลิกซื้อเลิกกินปลาเค็มไปเลยนอกจากนี้แล้ว ยังมีการค้นพบว่าดีดีทีที่เราฉีดฆ่ายุงนั้นเมื่อตกถึงพื้นจะใช้เวลานานถึง 14-15 ปี จึงจะสลายตัวหมดไป

 

          เมื่อนำดีดีที่มาฉีดฆ่ายุงในบ้าน ยุงจะตายทันทีเพราะตัวมันเล็ก ส่วนเราตัวโตก็ตายเหมือนกันแต่ตายแบบผ่อนส่ง ที่เรานอนกลิ้งนอนเกลือกป่วยอยู่ในบ้านโดยไม่รู้สาเหตุนั่นน่ะ เคยสงสัยเรื่องนี้กันบ้างหรือเปล่าอย่างนี้เรียกว่าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวหลวงพ่อเมื่อรู้อะไรเป็นอะไรก็เลิกค้ายาฆ่าแมลงทันที เมื่อบวชแล้วก็ห้ามไม่ให้ใครนำของพวกนี้เข้ามาใช้ในวัดโดยเด็ดขาด

 

ศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่า 
ขอให้แข็งใจรักษากันให้ดีนะ นึกเสียว่าเป็นการบำเพ็ญขันติบารมี คือ ความอดทน เวลายุงกัดถ้าให้เลือกระหว่างการตบยุงกับการปล่อยยุงหรือไล่มันไปนั้น การปล่อยหรือไล่ยุงยากกว่าแน่นอน เพราะต้องฝืนใจทนเจ็บทนคันโดยไม่ได้ตอบแทนให้สาสมแต่ถ้าเราไปลงโทษมัน ฐานทำให้เราเจ็บมันก็ตายเพราะตัวมันนิดเดียว ดูจะเกินกว่าเหตุไปหน่อยนะ ถึงมันตัวเล็ก มันก็รักชีวิตของมันเหมือนกัน เมตตามันเถิดถ้าคิดว่าจะอดใจไม่ไหวก็หลบเข้าไปในห้องที่มีมุ้งลวดเสียก็หมดเรื่อง


ศีลข้อ 1 นอกจากไม่ฆ่าแล้ว ยังต้องไม่วานให้ผู้อื่นฆ่า อีกด้วย เพราะเป็นบาปเหมือนกัน ทั้งยังทำให้ผู้อื่นทำบาปอีกด้วย

ผลของการผิดศีลและการตั้งใจรักษาศีล มีดังนี้ 

 

 คนผิดศีลปาณาติบาต โทษ - อย่างหนักก็ไปตกนรก ถึงคราวได้กลับมาเกิดเป็นคน ก็เป็นคนพิการนับภพนับชาติไม่ถ้วนโทษอย่างต่ำที่สุด คือทำให้อายุสั้น ฆ่าใครมาก็จะถูกเขาตามมาฆ่า
ล้างแค้น

 

ส่วนคนที่รักษาศีลได้อย่างมั่นคงย่อมได้ผลดีหรือได้อานิสงส์คือ - เกิดกี่ภพกี่ชาติ จะมีร่างกายสมส่วนมีกำลังมาก ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กิริยามารยาทอ่อนโยน มีวาจาไพเราะ ศัตรูทำร้ายไม่ได้ไม่มีโรคประจำตัวอายุยืน ไม่ตายด้วยอุบัติเหตุหรือที่เรียกว่าตายโหง

 

ศีลข้อ 2. ไม่ลักทรัพย์


        ศีลข้อนี้ในเด็กเล็ก ๆ อาจมีผิดกันบ้างด้วยความไม่รู้ พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วขอให้ตั้งใจรักษาศีลข้อนี้ให้ดี ถ้าเคยผิดศีลข้อนี้ไหรือพลาดพลั้งไปบ้าง ก็ขอให้ระวังเลิกเสียให้เด็ดขาด ตั้งใจประกอบอาชีพในทางที่สุจริต ไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่นไม่ยักยอกของแม้เล็กน้อย ให้มีความรู้สึกละอายต่อบาป เป็นพื้นฐานจิตใจไว้เสมอคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นนิสัย ต่อไปภายหน้าหากได้ทำงานรับผิดชอบในตำแหน่งสำคัญ

 

แม้มีช่องทางให้สามารถกระทำการทุจริตได้ ก็ไม่กระทำ เพราะใจนั้นได้ถูกฝึกมาอย่างดีแล้วให้เป็นคนซื่อสัตย์

 

ผลของการผิดศีล และอานิสงส์การตั้งใจรักษาศีลข้อนี้ ได้คือ

 

คนผิดศีลชอบลักขโมยมีโทษ คือ - อย่างหนักตายไปก็ตกนรกทันทีและเมื่อเกิดใหม่ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติก็ตามก็จะเป็นคนจน ฝืดเคือง สมบัติที่หามาก็เก็บรักษาไว้ไม่ได้ พินาศหมด 

 

ส่วนคนตั้งใจรักษาศีลย่อมได้อานิสงส์ คือ - มีทรัพย์มากทำมาหากินคล่องสมบัติเกิดได้ง่าย ทรัพย์ที่ได้มาครอบครองจะปราศจากภัยพิบัติทั้งปวง อยู่ที่ใดย่อมเป็นสุข ไม่สูญเสียของรัก


ศีลข้อ 3. ไม่เจ้าชู้
         คนเจ้าชู้ในที่นี้หมายถึงคนที่ชอบยุ่งกับลูกเมีย - สามีของ คนอื่น แม้แต่เข้าไปเป็นคนที่ 3 ทำให้สามี - ภรรยาเขาระแวงแคลงใจกันก็ไม่ควร

         หลวงพ่อเชื่อว่าหน้าตาอย่างพวกเรามีอาชีพดี ๆ มีศักดิ์ศรี ไม่ทำแบบนั้นแน่ ๆ ขอให้คิดว่าถ้าใครมาทำกับเราเช่นนี้จะรู้สึกอย่างไร

         คนบางคนขนาดโจรปล้นบ้าน ขนเอาทรัพย์สินเงินทองไปต่อหน้าต่อตายังทนดูได้ แต่พอโจรลวนลามลูกเมียนิดเดียว ทนไม่ได้ถึงยอมตาย

        ผลของการผิดศีลและอานิสงส์ของการตั้งใจรักษาศีลคือ - คนผิดศีลโทษอย่างหนักก็ตายไปตกนรก มีชีวิตก็ถูกดูถูกมีศัตรูรอบด้านเกิดชาติต่อไปถ้าเป็นคนก็บกพร่องเรื่องเพศ ต้องเกิดเป็นกะเทย เป็นโสเภณี เจ็บช้ำน้ำใจเรื่องคู่ครอง

        ส่วนคนตั้งใจรักษาศีลย่อมได้อานิสงส์คือ ไม่มีศัตรู เป็นที่รักของทุก ๆ คน ไม่ต้องเกิดเป็นหญิง หรือเป็นกะเทย เป็นผู้มีอำนาจมาก ครอบครัวเป็นสุข ผิวพรรณผ่องใส มีเสน่ห์บริสุทธิ์ไม่มีปัญหาเรื่องเพศ

 

ศีลข้อ 4. ไม่โกหก

         ในบรรดาศีลทั้ง 5 ข้อ ข้อที่รักษายากที่สุดคือศีลข้อ 4 นี้ เพราะศีลข้ออื่น ๆ นั้น เมื่อจะทำผิดศีลต้องใช้อุปกรณ์มาก เช่นจะผิดศีล

ข้อที่ 1 จะฆ่าอะไรก็ตามต้องตั้งท่าตั้งทางเงื้อง่า
ข้อที่ 2 จะไปลักขโมยใครเขาก็ต้องเตรียมแผนหาช่องทาง
ข้อที่ 3 จะไปแย่งสามีใครเขาก็ต้องคิดหนัก หลบ ๆ ซ่อน ๆ
ข้อที่ 5 จะดื่มเหล้าก็ต้องเตรียมตั้งแต่ว่าวันนี้จะดื่มเหล้ายี่ห้ออะไรดี ต้องเตรียมเงินไปซื้อ เตรียมกับแกล้ม ชวนเพื่อนมาตั้งวงดื่มคนเดียวก็ไม่สนุก

      ศีลแต่ละข้อยกเว้นศีลข้อ 4 นี้ กว่าจะได้ทำผิดศีลจริง ๆ นั้นมีโอกาสเปลี่ยนใจได้หลายครั้ง ส่วนศีลข้อที่ 4 “ปาก” อันเป็นครื่องมือที่ทำให้ผิดศีลนั้นอยู่ติดกับตัวเรา ไม่ต้องหาอุปกรณ์มาประกอบจะโกหกก็พูดออกไปโดยอัตโนมัติ เรียกว่า เปิดปุ๊บติดปั๊บ ผิดศีลได้รวดเร็วทันใจ แต่ผลเสียที่เกิดจากการผิดศีลข้อนี้ ซึมลึกทำลายตัวคนชอบโกหก ได้มากมายอย่างที่บางคนอาจคิดไม่ถึงหลวงพ่อจะอธิบายปฏิกิริยาลูกโซ่ (CHAIN REACTION) ของการโกหกให้ฟัง

     

      ปฏิกิริยาต่อเนื่องของการโกหกการที่เราจะโกหกคนอื่น 1 ครั้ง มีความจำเป็นที่จะต้องโกหกตัวเองอย่างน้อย 3 ครั้ง เพราะสิ่งที่คนโกหกจะต้องทำ เป็นล่าดับคือ

1.เตรียมเรื่องโกหก - แม้ปกติจะเป็นคนโกหกเก่ง แต่นักโกหกทุกคนจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อเตรียมเรื่องโกหกให้สมจริง ถ้าไม่ชำนาญต้องใช้เวลาเป็นคืน แต่คนชำนาญเพียงเดินไป 3 ก้าวก็นึกเรื่องโกหกได้เป็นฉาก ๆ

2.โกหกตามแผน - เมื่อได้โอกาส เจอหน้าก็โกหกตามแผนที่เตรียมไว้ทันที บางทีต้องเพิ่มเติมแผนให้แนบเนียนเข้าไปอีก ถ้าคนนั้นเชื่อยาก 

3.ตามจำเรื่อง - โกหกเรื่องอะไรไว้จะต้องตามจำให้ได้มิฉะนั้นจะถูกจับได้ว่าโกหกคนที่ตามจำเรื่องที่โกหกไว้ได้แม่นยำนี่ต้องเก่งมากทีเดียว แต่ยิ่งเก่งก็ยิ่งอันตราย

       ใครที่โกหกแล้วถูกจับได้คนนั้นยังพอคบได้ แต่ใครที่โกหกแล้วจับไม่ได้ คนประเภทนี้อย่าไปคบ เพราะเขาคงโกหกจนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่กับการโกหก บุคคลเช่นนี้ไม่ควรเข้าใกล้จะเห็นได้ว่าการโกหกคนอื่น 1 ครั้ง จะต้องโกหกตัวเองถึง 3 ครั้ง ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องตามจำกันเป็นปีถึงกับบางครั้งต้องบันทึกไว้ในไดอารี่ ถ้าถึงขนาดนี้ก็นับว่ายิ่งอันตรายมากขึ้น กลายเป็นว่าโกหกได้ 1 ครั้ง จะต้องตามโกหกตัวเองเป็นร้อยครั้ง และเมื่อโกหกบ่อยเข้า ในสมองก็จะมีแต่เรื่องโกหกคนที่ชอบโกหกจนเป็นนิสัยนานเข้าจะมีอาการดังนี้คือ

 

อาการขั้นแรก : ต่อไปภายหน้าแม้พูดเรื่องจริง ก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้ว่าที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องจริงหรือโกหกกันแน่ ถ้าเป็นการชั่งก็เรียกว่าเข็มวัดหรือ Scale เสีย ถ้าเป็นปรอทแสดงว่าเสื่อม ทิ้งได้แล้ว

 

ขั้นที่ 2 : เมื่อแสดงอาการขั้นแรกถึงขนาดนั้นแล้วยังไม่เลิกโกหกต่อไปจะเป็น คนที่ตัดสินใจไม่ได้ เพราะแยกไม่ออกว่าอะไรจริงอะไรเท็จ เช่น ผู้บังคับบัญชาที่ชอบโกหกมาถึง ขั้นนี้จะไม่สามารถสั่งงานลูกน้องได้เลย เพราะขาดความมั่นใจ

 

           พวกเราคงเคยเห็นพ่อบ้านหลายท่านตัวโตราวกับช้างแต่กลัวภรรยาตัวเล็ก ๆ ถ้าไปถามความเป็นมา ก็จะได้ความว่า บางท่านถูกแม่บ้านจับโกหกได้บ่อย ๆ จนทำให้พูดอะไรก็เชื่อไม่ได้ การโกหกแต่ละครั้งจะทำให้กำลังใจลดลง ดังนั้นพ่อบ้านที่ตัวใหญ่โตแต่โกหกเก่งจึงไม่มีกำลังใจแม้แต่เรื่องการออกความเห็นในครอบครัว

           แม้เพียงการโกหกลูก เช่นสมมุติว่าบอกลูกให้ช่วยทำงานให้ชิ้นหนึ่งแล้วจะซื้อขนมมาฝาก ปรากฏว่าตอนเย็นกลับมาลืมซื้อขนมกำลังใจลดลงทันที ทำให้ไม่อยากจะเจอหน้าลูก เพราะไม่ได้ทำตามที่พูดไว้ กลัวแม้กระทั่งลูกตัวเล็ก ๆ ของตัวเอง

           การโกหกเจตนาเพื่อให้เราสบายใจก็อย่าทำ เพราะเราจะต้องตามจำเรื่องที่ได้โกหกไว้ ยิ่งโกหกไว้หลายเรื่องก็จะตามจำกันไม่ไหว นับว่าไม่คุ้มเลย บางคนอาจจะบอกว่าในงานอาชีพพยาบาลนี้มีความจำเป็นต้องโกหกเพื่อให้คนไข้สบายใจ แต่การพูดโกหกกับการไม่ยอมพูดนั้นต่างกันนะ บางอย่างถ้าพูดไปแล้วคนไข้อาจช็อกตายได้ ก็อย่าพูด เบนความสนใจไปเรื่องอื่นเสีย การโกหกนอกจากจะผิดศีลแล้ว ยังจะทำให้ทำงานอย่างขาดประสิทธิภาพอีกด้วย

          ศีลข้อ 4 นี้ค่อนข้างจะรักษายาก ถ้าฝืนใจให้ดี ตั้งใจอย่าให้พลาด ต่อไปภายหน้าจะเป็นคนที่ตัดสินใจได้เฉียบขาดมาก ไม่มีพลาด เพราะเครื่องวัดของเราไม่เสีย แต่ถ้าโกหกบ่อย ๆ ถึงแม้จะมีสติปัญญาเฉียบแหลมอย่างไรก็ตาม เมื่อเครื่องวัดเสียจะทำให้เอาตัวไม่รอดในที่สุด ศีลข้อนี้ยังรวมไปถึงไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียดไม่พูดเพ้อเจ้ออีกด้วย ผลของการผิดศีลข้อนี้และการตั้งใจรักษาได้ คือ

โทษ - จะเป็นคนที่พูดอะไรไม่มีใครเชื่อ ปากเหม็น ถูกใส่ความเรื่อยไป

อานิสงส์ - มีผิวพรรณผ่องใส มีวาจาไพเราะ มีไรฟันเรียบ สม่ำเสมอ ร่างกายสมส่วน กลิ่นปากหอม วาจาศักดิ์สิทธิ์ ไม่พูดติดอ่าง และมีริมฝีปากแดงบางสวย

         ศีลข้อ 5. ไม่ดื่มเหล้า

         ใครที่เคยดื่มเหล้าก็ขอให้เลิกเสีย ถ้าจะถามว่าจิบเพียงเล็กน้อยเวลาเข้าสังคมจะได้ไหม เหล้าแม้เพียงเล็กน้อยก็คือเหล้า เพราะฉะนั้นอย่าไปดื่มมันเลย เหล้าไม่เคยทำให้ใครดี กินเหล้าแล้วก็เล่าเรื่องยิ่งเล่าเรื่องก็ยิ่งเปลืองเหล้า คนที่กินเหล้าเมื่อยังไม่มีเรื่องมากระทบกระเทือนใจ ยังพอรู้จักยับยั้ง แต่ถ้าวันใดเกิดน้อยใจ หรือถูกใครขัดใจเข้า จะยั้งไม่อยู่หันไปดื่มเหล้าจนหัวทิ่มดินตอนนั้นขาดสติแล้วอาจจะพูดหรือทำอะไรขายหน้าคนอื่นได้

เมื่อสมัยเป็นนิสิต หลวงพ่อมีเพื่อนผู้หญิงที่สนิทกันมากอยู่คนหนึ่ง ปกติก็เป็นคนเรียบร้อย อยู่มาวันหนึ่งเกิดอยากจะรู้ว่าผู้ชายกินเหล้า ที่ว่าเมานั้นเป็นอย่างไร ก็ลองดื่มเหล้าดูบ้าง ดื่มเข้าไปได้นิดเดียวก็เริ่มเมา พอเมาแล้วก็รำพัน มีเรื่องในใจเท่าไรก็รำพันออกมาหมด นับว่ายังโชคดีที่ไม่มีเรื่องเสียหายส่วนตัวที่ปกปิดเพราะฉะนั้นเรื่องเหล้านี้อย่าประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในวงการแพทย์ วงการพยาบาล รู้โทษของการดื่มเหล้ากันดีอยู่แล้วขอให้นำมาเป็นอุทาหรณ์เตือนตัวเองไว้

ผลของการผิดศีลและตั้งใจรักษาศีลข้อนี้ คือ 

โทษ - เกิดในภพชาติต่อไป จะกลายเป็นคนวิกลจริตปัญญาอ่อน เพราะได้ซ้อมลักษณะอาการของคนวิกลจริตปัญญาอ่อน เตรียมไว้แล้วตั้งแต่ชาตินี้

อานิสงส์ - มีสติปัญญาเฉียบแหลม ไม่วิกลจริต ปัญญาอ่อน มีวาจาไพเราะ มีบุคลิกดี


เมื่อรักษาศีลทั้ง 5 ข้อได้ครบ จะทำให้เกิดผล คือ

1. ศีลทำให้อนาคตดี
2. ศีลทำให้เกิดสมบัติ
3. ศีลทำให้ไปนิพพาน

รักษาศีลครบ เหมือนได้ฉีดวัคซีน

         ในวงการแพทย์และพยาบาล อาจจะมีวัคซีนเฉพาะสําหรับแต่ละโรค เช่น วัคซีนป้องกันวัณโรค วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ฯลฯ แต่ในวงการศาสนาแล้ว ผู้ที่รักษาศีลได้ครบทั้ง 5 ข้อเปรียบเสมือนได้ฉีดวัคซีนป้องกันสารพัดโรค เพราะในสายตาของนักการศาสนาได้แบ่งโรคที่เกิดขึ้นกับมนุษย์เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

1. โรคประจำสังขาร
2. โรคที่แส่หามาเอง

1. โรคประจำสังขาร คือคนเราเมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องมีแก่ มีเจ็บเป็นธรรมดา เมื่อแก่ตัวลง สายตาที่เคยเห็นชัดเจนดีก็เริ่มฝ้ามัวลงหูที่เคยได้ยินดีก็เริ่มตึงไม่ค่อยได้ยิน เหล่านี้คือโรคประจำสังขารซึ่งไม่เป็นภาระของทางแพทย์และพยาบาลจนเกินไป

2. โรคที่แส่หามาเอง เป็นโรคที่เกิดจากการผิดศีลทั้งสิ้นเช่น

ผิดศีลข้อที่ 1 : ไปฆ่าเขา ก็ย่อมถูกฝ่ายเขาคิดทำร้ายกลับ ถูกตี ถูกแทง ถูกยิงมา ถ้าโชคดีรอดตายก็ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัว ถ้าฆ่าสัตว์เช่นใช้ยาฆ่าแมลงนั้นด้วย เมื่อล้มป่วยก็ต้องพึ่งพาแพทย์พยาบาลให้รักษา

ผิดศีลข้อที่ 2 : ไปลักทรัพย์ เมื่อคิดจะกระทำก็ต้องเตรียมการเพียงแค่คิดเตรียมการสภาพจิตก็ทรุดโทรม เมื่อลงมือโกงเข้าจริง ๆก็ต้องกลับมานอนผวาเป็นโรคนอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าจะถูกจับได้เมื่อไรประสาทเสียไปเลย

ผิดศีลข้อที่ 3 : ไปเที่ยวบาร์ เที่ยวคลับติดโรคมาบ้าง ถูกตีมาบ้าง โดยเฉพาะพวกที่เป็นเกย์ชอบเพศเดียวกันระวังจะเป็นโรคเอดส์ หรือกามโรค

ผิดศีลข้อที่ 4 : ไปโกหกเขา ก็หาโรคเข้าตัวเช่นกัน โกหกมากเข้าก็เป็นโรคความจำเสื่อม ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ถ้าถูกจับโกหกในเรื่องใหญ่ ๆ ก็อาจจะถึงกับเจ็บตัวได้

เห็นผิดศีลข้อที่ 5 : ไปกินเหล้ามีโอกาสเป็นโรคหลายชนิดตั้งแต่ตับแข็งมะเร็งในตับ โรคกระเพาะ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง จนกระทั่งสภาพจิตเสื่อมจาก โรคติดเหล้า นอกจากโรคที่กล่าวมาแล้ว ยังอาจจะก่อการวิวาทตีรันฟันแทงกันบาดเจ็บต้องหามตัวส่งโรงพยาบาลให้หมอเย็บแผลเข้าเฝือก นอนรักษาตัวนาน ๆ อีกด้วย

         

          สมัยที่หลวงพ่อเรียนอยู่ภาควิชาสัตวบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ต้องคุมโรงฆ่าสัตว์ ของมหาวิทยาลัยอยู่หลายปี สิ่งที่เราฆ่าหรือสิ่งที่เราเห็นในชีวิตประจำวันนั้น ไม่ได้สูญหายไปไหน แต่จะถูกบันทึกไว้ในใจเหมือนกับเป็นวีดีโอเทป เมื่อเวลาเจ็บป่วยภาพเหตุการณ์เหล่านั้นจะถูกกรอกลับมาให้เห็น เพราะฉะนั้นคนฆ่าสัตว์เวลาที่ทารุณที่สุดคือ เวลาป่วย ล้มป่วยทีไรเห็นแต่ภาพสัตว์ที่บาดเจ็บโชกเลือดต่อมามีอาชีพค้าสัตว์อยู่ระยะหนึ่ง ลูกน้องไม่ว่ากี่คน ๆ มีอาการแบบเดียวกันหมด คือ พอป่วยทีไรต้องร้อง ดิ้น โวยวาย ว่าเห็นแต่ภาพการฆ่าสัตว์มาหลอนรบกวน เป็นเช่นนี้บ่อย ๆ เข้า ทนไม่ไหวก็เลยเลิกอาชีพนี้

         บางอาชีพแม้ไม่คิดจะฆ่าให้ตายแต่ทำร้ายเขา อย่างเช่นอาชีพนักมวยเพียงแค่จะเอาชนะกันเท่านั้น นานเข้า ๆ ก็เกิดอาการเครียด ระบบประสาทเสีย เช่นแชมป์โลกอย่างคุณแคสเซียส เคลย์รวมทั้งแชมป์มวยไทยในอดีตอีกหลาย ๆ คน ตอนนี้ถ้าไปดูสารรูปแล้วไม่อยากเชื่อว่านี่คือแชมป์เพราะดูกระย่องกระแย่งไปหมด อยู่บนเวทีทั้งสองฝ่ายตั้งใจซัดกันเต็มที่ จะล้มอีกฝ่ายให้ได้ ก็เลยน่วมกันทั้งคู่ พออายุมากเข้าบางคนถึงกับพิการก็เพราะเวรกรรมตามมาทันอย่างที่เห็น

 

การผิดศีลแต่ละข้อจึงเท่ากับแม่หาโรคเข้าตัวทั้งนั้น เมื่อรักษาศีล 5 ได้ครบ จึงเท่ากับเป็นการฉีดวัคซีนป้องกันได้สารพัดโรค

พวกเราหลายคนที่เคยคิดว่าศีล 5 เป็นของคร่ำครึ ขอให้เปลี่ยนทัศนคติกันใหม่ ให้มองในแง่ของความเป็นจริง

ชวนกันตั้งใจรักษาศีลทั้ง 5 ข้อให้ดี อย่าให้บกพร่อง

อย่าหาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นนะลูก

เพราะศีลจะเป็นกุญแจดอกสุดท้าย

ที่จะนำเราไปสู่ความสุขและความสำเร็จในชีวิต

 

           เป็นอันว่าในการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้ชีวิตของเราต่อไปภายหน้านั้น นอกจากจะนำหลักวิชาต่าง ๆ ที่ครูอาจารย์ได้พร่ำ
สอนไปใช้ด้วยความระมัดระวังแล้ว ยังมีหลักปฏิบัติอีก 3 ข้อคืออดทน สร้างบุญทำทานและมีศีลซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ที่เราจะต้องสร้างให้เกิดขึ้นในใจให้ได้ถ้าเราไม่สร้างคุณธรรมเหล่านี้ขึ้น ถึงแม้เราจะมีความรู้ ความสามารถทางด้านการพยาบาลมากมายเพียงใดก็ตาม การสร้างความเจริญก้าวหน้าให้ตนเองย่อมไม่ประสบผลสำเร็จเข้าทำนองที่ว่า “ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด”

 

           ผู้ที่ยึดมั่นในหลักการทั้ง 3 ประการนี้ครบ ย่อมประสบความสุขความเจริญก้าวหน้าในชีวิต อย่างแน่นอน อุปสรรคใด ๆ ไม่สามารถทำความเดือดร้อนให้ได้ เนื่องจากเรามีเกราะกำบังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานไว้ และมีบรรดาพระสาวกผู้ฉลาดสามารถทรงจำคำสั่งสอนนั้นมาถ่ายทอด ปรับใช้สอนพวกเรารุ่นหลังได้อย่างเหมาะเจาะกับยุคสมัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011999686559041 Mins