เป็นโสดกับแต่งงานแตกต่างกันอย่างไรในการปฏิบัติธรรม

วันที่ 02 สค. พ.ศ.2567

2567.08.02%20b.jpg

 

เป็นโสดกับแต่งงานแตกต่างกันอย่างไรในการปฏิบัติธรรม

 

            มีคำถามอีกว่า “ในสมัยพุทธกาล คนที่แต่งงานแล้ว เช่นนางวิสาขาก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ หรือคนอื่น ๆ ที่แต่งงานก็สามารถปฏิบัติธรรมจนถึงไปนิพพานได้ ไม่จำเป็นต้องประพฤติพรหมจรรย์จึงอยากถามว่า คนที่รักษาพรหมจรรย์กับคนที่แต่งงาน แตกต่างกันอย่างไรกับการที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม”


         หลวงพ่อตัดสินใจจะแต่งงานมาหลายครั้ง  แล้วก็หลายคนแล้วก็ไม่ได้แต่ง เพราะคำพูดของโยมพ่อ ท่านพูดว่า


            “ลูกผู้ชาย จะมีเมียสักคนน่ะไม่ยาก แต่ที่ยากคือหาแม่ดีๆให้ลูก เพราะแม่บางคน ลูกก็ยังไม่อยากเรียกว่าแม่ เพราะกลัวขายหน้า....ผู้หญิงก็เหมือนกัน จะหาผัวสักคนไม่ยาก แต่ที่ยากคือจะหาพ่อดีๆ ให้ลูกเจอทีไรก็มีแต่ขี้เหล้า เจ้าชู้ จะเป็นพ่อที่ดีได้อย่างไร”


             แล้วท่านก็พูดย้ำอีกว่า


             “มีลูกน่ะไม่ยาก แต่การเป็นพ่อแม่ที่ดีน่ะซียาก”


            ท่านเตือนว่า จะแต่งงานแต่งการ ให้ดูทั้งเขาทั้งเราให้ดีโดยเฉพาะตัวเรา ให้ถามตัวเองเสียก่อนว่า


            “ถ้ามีเมียวันนี้  มีลูกวันนี้  จะมีธรรมะข้อไหนมาสอนเขาให้เป็นคนดี  เพราะถ้าจะแค่เลี้ยงลูกให้โตน่ะไม่ยาก แต่เลี้ยงให้เป็นคนดีนี่ยาก เพราะฉะนั้น ให้ไปคิดดูให้ดีๆ สัก ๗ คืน ถ้าคิดว่ายังหาคำตอบไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งแต่ง เรื่องนี้ให้ไปตัดสินใจเอาเอง ไม่อย่างนั้น วันหลังจะหาว่าพ่อกีดกัน”


           หลวงพ่อนอนคิดอยู่คืนหนึ่ง ก็ได้คำตอบว่า ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปสอนเขา ก็เลยตัดสินใจเข้าวัดศึกษาธรรมะ ตอนแรกก็คิดว่าจะเอาไว้สอนลูกสอนเมีย เมื่อมาพบหลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งตอนนั้นท่านยังไม่ได้บวช และคุณยายอาจารย์จันทร์ ก็ได้ท่านชี้ทางถูกให้ ได้ความเข้าใจพื้นฐานว่า


            “ดื้อที่สุดในโลก  สอนยากที่สุดในโลก ไม่ใช่ใครที่ไหน ที่แท้คือตัวเราเอง ทั้งที่รู้ว่าไม่ดี ยังขืนทำก็เยอะ แต่ไอ้ที่ไม่รู้ก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่”


              ศึกษาไปศึกษามา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อฝึกสมาธิมากๆเข้า ก็เลยคิดบวชเสียเลย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0010969003041585 Mins