ตอบแทนพระคุณผู้ละโลกไปแล้ว ต้องทำอย่างไร?
การที่จะตอบแทนพระคุณท่านเหล่านั้นจะต้องทำอย่างไร ?
หาทางเพิ่มบุญให้ท่านต้องทำอย่างไร ?
ให้ทำอย่างที่เราตั้งใจมาทำบุญกันในวันนี้ แต่ในการทำบุญให้ท่านก็มีองค์ประกอบ คือ
๑.ทรัพย์ที่ทำบุญบริสุทธิ์
เราต้องมีทรัพย์สินเงินทองที่จะมาทำบุญ ถ้าไม่มีทรัพย์ ถึงแม้มีใจก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร นี้เป็นข้อจำกัดขึ้นมาอีกแล้ว ฉะนั้นขณะที่เรายังมีเรี่ยวมีแรงทำงานหาทรัพย์สินเงินทองอยู่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า
ถ้ามีเรี่ยวมีแรงอย่างนี้ อุบาสกทั้งหลายขยันทำมาหากิน ส่วนที่ต้องกินต้องใช้ก็ทำไป อีกส่วนหนึ่งให้ทำบุญ จะได้มีโอกาสตอบแทนพระคุณพ่อ พระคุณแม่ พระคุณผู้ที่มีคุณต่อเรา
นี้เป็นองค์ประกอบว่า เราต้องมีทรัพย์ จึงต้องทำในขณะที่มีเรี่ยวมีแรงทำ และต้องหาทรัพย์ด้วยความบริสุทธิ์ ด้วยเรี่ยวแรง เราจริง ๆ ไม่ได้คิดโกงใครมา นี้เป็นองค์ประกอบที่หนึ่ง
๒.ผู้รับทานบริสุทธิ์
ต้องมีผู้ที่บริสุทธิ์ที่เป็นเหมือนเนื้อนาบุญที่ดีมารับทานที่เราบริจาค ผู้บริสุทธิ์สูงสุดก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเหล่าพระอรหันต์ แต่ปัจจุบันนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว พระอรหันต์ก็เข้านิพพานไปมากแล้ว ที่ยังเหลืออยู่นี้ใครจะเป็นพระอรหันต์บ้างเราไม่ทราบ
ก็ยังเหลือลูก ๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระภิกษุสามเณรที่กำลังตั้งใจฝึกตัวเองอยู่ ท่านยังไม่ได้หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าตั้งใจกำจัดกิเลสให้หมดไป วันหนึ่งข้างหน้า คงจะได้เป็นพระอรหันต์บ้าง จะช้าจะเร็วขอให้ท่านตั้งใจฝึกเถิด ท่านเหล่านี้เป็นเหมือนเนื้อนาบุญให้เราได้ทำบุญ แล้วเกิดบุญได้เต็มที่
ถ้ามีทรัพย์แต่ไม่มีผู้บริสุทธิ์เป็นเนื้อนาบุญให้ ทรัพย์นั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นบุญส่งไปยังผู้ละโลกได้มากเท่าที่ควรจะเป็นเพราะว่าผู้ที่ละโลกไปแล้วในปรโลก ไม่สามารถรับอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ที่เป็นวัตถุได้ นอกจากรับบุญซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ ที่เกิดจากการทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลของพวกเรา เขารับได้ในรูปอย่างนั้น
เราเลยต้องรอพระภิกษุสามเณรที่ตั้งใจฝึกตัวเองให้หมดกิเลสมาเป็นเนื้อนาบุญให้ แม้ท่านยังไม่หมดกิเลส แต่ว่าตั้งใจฝึกตัวเอง ถ้ามีองค์ประกอบอย่างนี้ก็จัดเป็นเนื้อนาบุญชั้นดีของโลกได้ หากมีพระภิกษุตั้งใจฝึกตัวอย่างนี้มารับทานที่เราถวาย บุญใหญ่ก็เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น บุญที่เกิดขึ้นจะได้มากหรือได้น้อยขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของพระภิกษุสามเณรที่มารับทานนั้นเอง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเคี่ยวเข็ญพระภิกษุสามเณรให้ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติธรรมตามที่พระองค์ทรงสั่งสอนเอาไว้ ทรงสั่งให้มีการสอบ ทางโลกมีการสอบอย่างไร ทางธรรมก็มีการสอบอย่างนั้น คือ
ทุกวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ค่ำ เรียกกันว่า “วันพระ" พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกำหนดให้พระภิกษุสอบทบทวนศีลของตัวเอง รวมทั้งทบทวนธรรมะที่ตัวเองปฏิบัติในระหว่าง ๑๔ วัน ที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทบทวนกันอย่างนี้ตั้งแต่ครั้งพระองค์ ยังทรงพระชนม์อยู่ จนกระทั่งทรงปรินิพพานมาแล้วตั้ง ๒,๕๐๐ กว่าปี การสอบของพระภิกษุก็ยังคงกระทำอยู่ทุกกึ่งเดือน โดยมาร่วมกันประชุมในโบสถ์ มาฟังพระปาติโมกข์จากพระภิกษุที่เป็นตัวแทนสวดปาติโมกข์ มาทบทวนดูว่า ความประพฤติใน ๑๔ วันนี้ ผ่าน หรือไม่ผ่าน มีความก้าวหน้าในการศึกษาด้านอื่นมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งรายงานผลการปฏิบัติธรรม รายงานงานของการคณะสงฆ์ ที่รับเอาไว้ให้หมู่คณะรับทราบอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ฉะนั้น ในวัน ๑๕ ค่ำ หรือวันพระใหญ่ เป็นวันที่พระภิกษุที่กำลังตั้งใจฝึกตัว บริสุทธิ์ที่สุดในรอบ ๑๕ วัน