ภรรยารับจ้าง
เมื่อนางอุตตราผู้เป็นโสดาบันได้มาเป็นสะใภ้อยู่ในตระกูลราชคหเศรษฐีผู้มีมิจฉาทิฐิ นางได้กล่าวกับสามีว่า “ดิฉันจะขอรักษาอุโบสถศีลเดือนละ ๘ วัน ทั้งในวันโกนและวันพระ” แต่สามีไม่อนุญาต ซึ่งนางก็ไม่ได้ว่าอะไร
พอถึงช่วงเข้าพรรษา นางก็ยังคิดหาวิธีที่จะสั่งสมบุญอีกพรรษานี้เราจะขออนุญาตสามีรักษาอุโบสถศีลตลอดทั้งพรรษาสามีก็ไม่ยินยอม จนเวลาผ่านไปเหลือแค่ ๑๕ วันก็จะออกพรรษาแล้ว นางก็ยังไม่ละความพยายาม อยากจะรักษาอุโบสถศีลให้ได้ตลอดทั้ง ๑๕ วันนั้น
นางจึงส่งข่าวไปถึงมารดาบิดาว่า “ลูกถูกท่านพ่อท่านแม่ส่งมาอยู่ในตระกูลนี้เหมือนถูกขัง ไม่มีโอกาสที่จะรักษาอุโบสถศีลเลยแม้แต่เพียงวันเดียว ขอให้ท่านพ่อท่านแม่โปรดส่งเงินมาให้ลูก ๑๕,๐๐๐ กหาปณะเถิด ลูกจะนำเงินก้อนนี้มาใช้เพื่อให้ได้รักษาอุโบสถศีล” ทางบิดามารดาก็รีบส่งเงิน ๑๕,๐๐๐ กหาปณะไปให้ทันที
เมื่อนางอุตตราได้เงินมาแล้ว ก็คิดอุบายจะว่าจ้างนางสิริมามาทำหน้าที่แทนตน ๑๕ วัน ในช่วงก่อนออกพรรษาจึงเรียกนางสิริมามาพบแล้วกล่าวว่า “สิริมา ฉันจะรักษาอุโบสถศีลตลอดครึ่งเดือนนี้ เธอช่วยปรนนิบัติสามีแทนฉันหน่อยเถิด ฉันมีค่าจ้างให้เธอวันละ ๑,๐๐๐ กหาปณะติดต่อกันเป็นเวลา ๑๕ วัน รวมแล้ว ๑๕,๐๐๐ กหาปณะ” นางสิริมาก็ตอบตกลง
ส่วนทางสามีของนางอุตตราพอรู้ว่าจะได้นางสิริมามาเป็นตัวแทนก็พอใจ ยินยอมตกลง ทั้งสองจึงอยู่ร่วมกันในเรือนอย่างผาสุก สามีของนางอุตตราเอาอกเอาใจนางสิริมาอย่างดีและนางสิริมาก็เอาอกเอาใจสามีของนางอุตตราอย่างดี ต่างก็พึงพอใจซึ่งกันและกัน
ส่วนนางอุตตราก็พึงพอใจที่มีตัวแทนไปทำหน้าที่ปรนนิบัติสามีแทนตัวนาง ซึ่งทำให้หน้าที่ภรรยาของตนไม่ขาดตกบกพร่องแล้วก็ดีใจที่เห็นสามีมีความสุขด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นางดีใจที่ได้สมาทานอุโบสถศีล ทุกๆ วันนางได้จัดเตรียมภัตตาหารด้วยมือของตนเองตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจะนำไปถวายแด่พระบรมศาสดาส่วนเวลาที่เหลือในแต่ละวันก็จะระลึกนึกถึงอุโบสถศีลที่ได้สมาทานเอาไว้