เศรษฐกิจไทยแก้ได้ด้วยบุญ
โอวาทพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ก่อนที่เราจะกล่าวถึงผลกระทบจากสภาวะเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หลวงพ่อขอให้ทุกคนทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่า เหตุการณ์หรือวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง หรือเรื่องใดๆ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของโลก เป็นสภาวะของโลกธรรม ๘ ประการคือมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ มียศ ก็มีเสื่อมยศ มีสรรเสริญ ก็มีนินทา มีสุข ก็มีทุกข์ อันเป็นธรรมดาของโลกที่เราจะต้องพบ สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ต่อไปก็ต้องเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต่อไปภายหน้าก็ต้องเปลี่ยนแปลง เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ คือสรรพสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเดี๋ยวเศรษฐกิจดี เดี๋ยวไม่ดี สลับกันไปอย่างนี้
แต่วิกฤตเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันนี้ หลวงพ่อขอเรียกว่ามันเกิดขึ้นแบบภาพลวงตา คือคนมีเงินแต่ไม่มั่นใจในการลงทุน เพราะถูกสร้างภาพให้เห็นว่า เศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกเช่นนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนรู้สึกว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ จึงเกิดผลกระทบต่อมวลรวมอุปมาเหมือนคนอยู่ในห้องมืด มีคนบอกว่าห้องนี้มีผี ก็เกิดความกลัวกลัวจนกระทั่งคิดว่ามีผีจริงๆ เอาผ้าห่มคลุมตัวจนอึดอัด ทั้งๆ ที่ห้องนั้นไม่มีอะไรเลย
เพราะฉะนั้น ถ้าถามหลวงพ่อว่ารู้สึกอย่างไร ก็ขอตอบว่าไม่รู้สึกอะไร เพราะเรารู้แล้วว่าอะไรคือเหตุ อะไรคือผล ภาพลวงตานี้ถ้าเราไม่เอาจิตไปปรุงแต่งไปขยายจากเรื่องลมๆ แล้งๆ จนกลายเป็นเรื่องราวแล้วละก็ เราก็สามารถรู้เท่าทันโลกตามความเป็นจริงได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ไม่เกิดความหวั่นไหว
พระเดชพระคุณหลวงพ่อ
มองอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่รีบแก้ไข
“วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องช่วยกันแก้ไข ถ้าไม่รีบแก้ไข ก็จะถอยหลังไปมากกว่านี้ และจะกระทบต่อมวลรวมจริงๆ ขอให้ทุกคนมีกำลังใจ พยายามทำความเข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่แท้จริงมันคืออะไรรักษาขวัญกำลังใจของเราให้มั่นคง เสมือนกองทัพหากทหารเสียขวัญเสียแล้ว ก็ยากจะเอาชนะข้าศึกได้ หรือเปรียบเหมือนกับม้าฝีเท้าดี เพียงแค่ได้กลิ่นเสือยังไม่เห็นว่าเป็นเสือจริงหรือเปล่า ถอดใจกลัวเสือเสียแล้วยอมนอนให้เสือกิน ทั้งๆ ที่สามารถวิ่งหนีเสือหรือเตะเสือได้ โลกก็เหมือนผืนผ้าใบ แล้วแต่จิตรกรจะแต่งแต้มสีสันอะไรลงไป จะทำให้มืดน่ากลัวหรือจะให้ดูสดใสอย่างไรก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากเราเข้าใจอย่างนี้ รู้จักใช้ปัญญา อย่าหวั่นไหว ถ้าทำได้ อนาคตย่อมดีอย่างแน่นอน”
ขอความเมตตาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ชี้ทางออกที่พอจะทำได้ในขณะนี้ให้ดีที่สุด
“หลวงพ่อเห็นว่าในขณะนี้ ทางออกที่เหมาะสมที่สุดก็คือ เราจะต้องกล้าเผชิญกับความจริง กล้าที่จะเรียนรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงเหมือนกับคนอยู่ในห้องมืดกลัวผี ถ้าลองเอาผ้าห่มออก แล้วเปิดไฟกล้าที่จะมองดูว่ามีผีจริงหรือไม่ ในที่สุดก็จะรู้ว่าเราคิดไปเอง
วิกฤตการณ์ที่เป็นภาพลวงตานี้ เปรียบเหมือนไฟที่เพิ่งจะไหม้แค่รั้วประตูบ้านเท่านั้น ถ้ารีบช่วยกันดับเสีย ก็จะไม่ลามลุกไปไหม้ที่อื่นจนทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้
การไม่กล้าลงทุนหรือการไม่กล้าดำเนินสิ่งต่างๆ ไปตามปกติ ก็เหมือนกับการเล่นฟุตบอล ถ้าเราเก็บเอาลูกฟุตบอลออกไป การเล่นก็ไม่เกิดขึ้น จะให้นักกีฬาวิ่งไปวิ่งมาจากประตูด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งเฉยๆก็คงไม่ทำ และไม่มีใครดู เพราะฉะนั้น จงโยน “ลูกฟุตบอล” ราคาไม่กี่สตางค์ลงไปในสนามให้เร็วเถิด แล้วจะเกิด “กิจกรรม” ขึ้น นักฟุตบอลจะเล่นอย่างสนุกสนาน คนก็พร้อมจะจ่ายเงินเพื่อซื้อตั๋วเข้าไปชมไปเชียร์ผู้ที่ไปสนามฟุตบอลไม่สะดวก ก็จะชมและเชียร์อยู่หน้าจอทีวีทั่วประเทศทั่วโลก แล้วความสนุกสนานก็จะขยายจากลูกฟุตบอลใบเล็กๆ ที่ราคาไม่แพงนั้น ไปถึงทุกคนทั่วพื้นโลกเลยทีเดียว ก็คล้ายกับในตอนนี้ หลวงพ่ออยากจะให้ทุกคนลืมคำว่า “เศรษฐกิจตกต่ำ” ไปชั่วคราว แล้วทำตัวให้ปกติ
เคยลงทุนประกอบกิจการที่ไหนอย่างไร ก็ทำไปอย่างนั้น รักษากาย วาจาและใจ ให้ทำ พูด และคิด แต่ในสิ่งที่ดี กระแสแห่งความดีก็จะแผ่ขยายออกไป บรรยากาศที่ดีก็จะเกิดขึ้นกับครอบครัวกับบ้านเมือง ถ้าทำได้เช่นนี้ ไม่นานเท่าใดจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น”
ขอความเมตตาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
ได้ให้คำแนะนำสำหรับการปฏิบัติตัวในภาวะเช่นนี้
“การที่สิ่งต่างๆ จะดีขึ้น ขอให้เริ่มต้นมองที่ตัวเราแล้วค่อยมองไปยังบุคคลรอบข้าง ตลอดจนสิ่งแวดล้อมที่ไกลตัวออกไป หลวงพ่อขอแนะนำว่า ใครเคยทำงานอะไร ก็ทำไปตามปกติ ปัญหาที่มีก็แก้ไขกันไปโดยคิดว่า นี่ไม่ใช่อุปสรรคของชีวิต แต่เป็นขั้นตอนของการทำงานที่เราจะต้องเจอก่อนที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นขอให้ใช้สติและปัญญาแก้ไข ธรรมดาคนป่วยเมื่อปวดศีรษะแล้วไม่ยอมทานข้าว ร่างกายที่ป่วยอยู่ก็ยิ่งทรุด อาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย ฉันใด ในสภาวะที่ต้องสร้างขวัญกำลังใจ ก็ต้องรู้จักสร้างบุญบารมี เพราะบุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตของทุกคน จะทำอะไรก็ตามเราจะมีเพียง มือถึง ใจถึง ทุนถึง ทีมถึง ฯลฯ...ถึง แค่นี้ยังไม่เพียงพอต้อง “บุญถึง” ด้วย จึงจะประสบความสำเร็จได้ การสร้างบารมีก็ทำง่ายๆสั้นๆ คือ ทาน ศีล ภาวนา นั่นเอง
ขอย้ำว่า จงลืมคำว่า “เศรษฐกิจตกต่ำ” ไปชั่วคราว แล้วทำทุกสิ่งให้เป็นปกติ คล้ายกับการโยนลูกฟุตบอลลงไปในสนาม ในไม่ช้าทุกอย่างก็จะดีขึ้นและประเทศไทยของเราจะก้าวหน้าไปเป็น “ไทยมหารัฐ” ในที่สุด”
(หนังสือพิมพ์ สยามรัฐ ปีที่ ๔๘ ฉบับที่ ๑๖๒๗๑)