ชีวกโกมารภัจจ์ใช้วิชาชีพรักษาโรคครั้งแรก
ชีวกโกมารภัจจ์รับเอาค่าเดินทางนั้นแล้วก็กราบลาอาจารย์ออกเดินทางกลับกรุงราชคฤห์ เพียงแค่ระยะทางมาถึงเมืองสาเกตเท่านั้นเงินค่าเดินทางก็หมดลง เขาจึงคิดว่า
“ทางต่อไปข้างหน้ากันดารนัก หายาก หาอาหารก็ยากคนไม่มีเงินติดตัวเลยเช่นเรา จะเดินทางต่อไปคงไม่ง่ายนัก เราควรใช้วิชาความรู้ที่มีอยู่หาเงินเป็นค่าเดินทางเสียก่อนดีกว่า”
แล้วเขาก็เที่ยวเดินถามตามบ้านเรือนว่า มีใครเจ็บป่วยจะให้เขารักษาบ้าง บังเอิญเวลานั้นภรรยาเศรษฐีในเมืองสาเกต ป่วยเป็นโรคปวดศีรษะเรื้อรังมาถึง ๗ ปีแล้ว เชิญนายแพทย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนมารักษา ก็ไม่สามารถบำบัดโรคให้หายได้ ต้องเสียเงินเป็นค่ารักษาไปเป็นจำนวนมาก เมื่อชีวกฯ ไปเที่ยวถามหาคนป่วยเพื่อรับรักษา ชาวบ้านจึงแนะนำให้ไปรักษาโรคของภรรยาเศรษฐี เขาจึงไปยังบ้านของท่านเศรษฐีผู้นั้น แจ้งให้ยามเฝ้าประตูบ้านทราบว่าเขาเป็นหมอต้องการเข้าเยี่ยมภรรยาเศรษฐีเพื่อดูอาการป่วย
ยามเฝ้าประตูรับคำแล้วไปแจ้งข้อความนั้นให้ภรรยาเศรษฐีทราบ, ภรรยาเศรษฐีจึงถามว่า “หมอคนนั้นเป็นอย่างไร หนุ่มหรือแก่”
เมื่อยามบอกว่าหนุ่ม จึงบอกปฏิเสธผ่านยามว่า “อย่าเลยหมอหนุ่ม ๆ จะมาทำอะไรให้ฉันได้ แม้แต่แพทย์ที่มีชื่อเสียงมากหลายต่อหลายคนแล้วมารักษา ก็ยังไม่สามารถรักษาโรคฉันให้หาย เอาเงินไปเสียมากต่อมากแล้ว”
ยามจึงกลับมาแจ้งแก่นายชีวกตามที่ภรรยาเศรษฐีพูดทุกอย่าง นายชีวกฯ จึงขอร้องให้ยามกลับไปเรียนภรรยาเศรษฐีใหม่ว่ายังไม่ต้องให้อะไรก่อนก็ได้ ต่อเมื่อหายแล้ว อยากจะให้จึงค่อยให้ภรรยาเศรษฐีจึงยอมอนุญาตให้เขาเข้ามารักษาได้
ชีวกโกมารภัจจ์เข้าไปตรวจอาการแล้วจึงบอกแก่ภรรยาเศรษฐีว่า เขาต้องการเนยใส ๑ ซองมือ (ประมาณ ๓-๔ ถ้วยตะไล) ครั้นได้เนยใสมาแล้ว จึงหุงเนยใสนั้นกับยาต่าง ๆ แล้วให้ภรรยาท่านเศรษฐีนอนหงายลงบนเตียงเอายาหยอดเข้าไปทางจมูก เนยใสที่หยอดเข้าไปทางจมูกนั้นก็ไหลออกมาทางปาก ภรรยาเศรษฐี จึงบ้วนน้ำมันเนยนั้นลงในกระโถน แล้วสั่งให้หญิงรับใช้เอาสำลีมาซับเอาน้ำมันเนยไว้ ขณะนั้นนายชีวกฯ ก็คิดในใจว่า
“ประหลาดจริงหนอ ภรรยาเศรษฐีนี้ช่างขี้เหนียวเหลือเกินน้ำมันเนยนี้เป็นของที่จะต้องทิ้งแล้ว ยังให้หญิงรับใช้เอาสำลีมาซับไว้อีก ถ้าเราให้ยาที่มีราคาค่างวดมาก ๆ หลายขนานไฉนเลยนางจะให้ค่ายาแก่เราพอคุ้มค่า”
ภรรยาเศรษฐีจับสังเกตอาการผิดปกติของนายชีวกโกมารภัจจ์ได้ จึงกล่าวขึ้นว่า “พ่อหมอ พวกดิฉันได้นามว่าแม่บ้าน จะต้องสอดส่องเรื่องการบ้านการเรือนให้ดี น้ำมันเนยนี้เป็นของดีเหมาะสําหรับใช้ทาเท้าของทาสหรือกรรมกร หรือใช้ตามประทีป พ่อหมออย่าเข้าใจผิดไปเลย ค่ายาของท่านไม่ไปไหนเสียดอก ดิฉันจะจ่ายให้คุ้มค่า”
วันนั้นเอง ชีวกโกมารภัจจ์ได้รักษาโรคปวดศีรษะเรื้อรังของภรรยาเศรษฐีหายขาดปานปลิดทิ้ง โดยใช้ยารักษาหยอดทางจมูกเพียงครั้งเดียว ภรรยาเศรษฐีได้ให้เงินแก่เขา ๔,๐๐๐ กษาปณ์ บุตรดีใจว่ามารดาหายจากโรคได้จึงแถมเงินให้อีก ๔,๐๐๐ กษาปณ์ ลูกสะใภ้ก็ดีใจแถมให้อีก ๔,๐๐๐ กษาปณ์ ส่วนท่านเศรษฐีดีใจว่าภรรยาของตนหายจากโรคร้ายที่ทรมานมาถึง ๗ ปี จึงให้เงินเพิ่มอีก ๔,๐๐๐ กษาปณ์ กับทาสชาย ๑ คน ทาสหญิง ๑ คน รถม้าอีก ๑ คัน นายชีวกโกมารภัจจ์รับทรัพย์แล้ว ก็พาทาสทั้ง ๒ เดินทางด้วยรถม้าถึงเมืองราชคฤห์แล้วเข้าเฝ้าเจ้าชายอภัย กราบทูลขอพระราชทานอภัยที่หนีไปเรียน แล้วกราบทูลว่า “ข้าแต่พระบิดา นี้เป็นงานชิ้นแรกของเกล้ากระหม่อม คือเงิน ๑๖,๐๐๐ กษาปณ์กับทาสหญิงทาสชายและรถม้า ขอฝ่าพระบาททรงพระกรุณาโปรดรับไว้เป็นค่าเลี้ยงดูผู้เป็นบุตร”
เจ้าชายอภัยทรงตื้นตันพระทัยในความกตัญญูรู้คุณของชีวกโกมารภัจจ์ รับสั่งตอบว่า “อย่าเลยพ่อชีวกฯ จงเป็นของตัวเจ้าเองเถอะ และจงสร้างบ้านของเจ้าอยู่ในวังของเรานี้เถิด”
ชีวกโกมารภัจจ์รับพระกระแสรับสั่งแล้ว ได้สร้างบ้านอยู่ในวังของเจ้าชายอภัย และประกอบอาชีพเป็นหมอรักษาโรคมีชื่อเสียงเลื่องลือไปว่า หมอชีวก เป็นหมอหนุ่มที่เชี่ยวชาญการรักษาโรค ยิ่งนัก