ชีวกโกมารภัจจ์ได้เป็นหมอหลวงและได้เป็นแพทย์ประจำพระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วันที่ 22 สค. พ.ศ.2568

ชีวกโกมารภัจจ์ได้เป็นหมอหลวงและได้เป็นแพทย์ประจำพระองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

23-08-68-6b.png

                           ครั้งหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารประชวรด้วยพระโรคริดสีดวงทวาร พระภูษาทรงแปดเปื้อนด้วยพระโลหิตอยู่เนือง ๆ เหล่าพระสนมกำนันพากันทูลเข้าว่า “บัดนี้พระเจ้าอยู่หัวทรงมีระดูแล้ว ไม่ช้านักหรอก จะทรงประสูติพระราชโอรส”

 

                           พระเจ้าพิมพิสารทรงกังวลพระทัยและอับอายมาก จึงทรงเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าชายอภัยฟังและมีพระราชดำรัสว่า “ฉันเป็นโรคเช่นนี้จึงถูกพวกข้างในล้อเลียนอยู่เป็นประจำ พ่ออภัยเธอช่วยหาหมอมารักษาฉันทีเถอะ”

 

                           เห็นให้มาก เจ้าชายอภัยจึงกราบทูลสนองพระราชดำรัสว่า “พระพุทธเจ้าข้า ชีวกฯ ของข้าพระพุทธเจ้า เป็นแพทย์หนุ่มที่มีชื่อ เขาคงจะถวายการรักษาพระองค์ได้”

 

                           พระเจ้าพิมพิสารจึงมีรับสั่งให้เรียกหมอชีวกโกมารภัจจ์มาถวายการรักษา หมอชีวกฯรับรับสั่งแล้ว ใช้เล็บแคะเอายาติดเล็บไป ครั้นเข้าเฝ้าแล้วก็กราบทูลขอตรวจดูพระโรคที่ช่องพระทวารหนักระหว่างนั้นก็เคาะยาที่แทรกไว้ในเล็บทาจนทั่วบริเวณที่เกิดริดสีดวง

 

                           ชั่วเวลาเพียงไม่นานนักโรคริดสีดวง ซึ่งเกิดแก่พระเจ้าพิมพิสารมาช้านานก็หายขาดได้ ด้วยยาที่หมอชีวกโกมารภัจจ์ปรุงเป็นพระโอสถทาถวายเพียงครั้งเดียว

 

                           พระเจ้าพิมพิสารเมื่อทรงหายจากประชวรพระโรคแล้ว ก็มีพระราชโองการสั่งให้พระสนม ๕๐๐ นางแต่งเครื่องประดับต่าง ๆอันมีค่าครบถ้วนมาเฝ้าที่ท้องพระโรง แล้วให้ทุกนางถอดเครื่องประดับทั้งหมดกองไว้กลางผ้าผืนใหญ่แล้วรวมเป็นห่อเดียวกัน จากนั้นได้มีพระราชดำรัสแก่หมอชีวกฯ ว่า“พอชีวก เครื่องประดับของสตรี ๕๐๐ นางในห่อนี้เราขอมอบให้เจ้า”

 

                           ขณะที่รับสั่งอย่างนั้นได้ทรงดำริว่า “ถ้าหากเจ้าชีวก เอาเครื่องประดับนี้ เราจะตั้งมันไว้ในตำแหน่งพอสถานประมาณ แต่ถ้ามันไม่รับเอา เราจะตั้งมันเป็นแพทย์คนสนิทประจำตัวเรา”

 

                           ทันทีนั้น หมอชีวกโกมารภัจจ์ ก็กราบทูลว่า “ขอเดชะเครื่องประดับเหล่านี้นั้น ไม่เป็นสิ่งสมควร ที่ข้าพระพุทธเจ้า จะรับพระราชทานถือเอา ข้าพระพุทธเจ้าถวายการรักษาครั้งนี้ มิได้หวังรับพระราชทานรางวัลแต่อย่างใดเลย ขอถวายคืนทั้งหมด และขอถวายชีวิตไว้ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า”

 

                           พระเจ้าพิมพิสารทรงพอพระราชหฤทัย ในคำกราบบังคมทูลนั้นอย่างยิ่ง จึงทรงมีพระบรมราชโองการ ณ บัดนั้น ว่า “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตั้งให้เจ้าเป็นหมอหลวงมีหน้าที่บำบัดโรคแก่ข้าและพวกฝ่ายใน ทั้งให้เจ้าทำหน้าที่ถวายการบำบัดโรคพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายอันมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประมุข ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

 

                           ชีวกโกมารภัจจ์ดีใจเป็นล้นพ้น กราบบังคมทูลรับสนองตามพระบรมราชโองการ แล้วทูลลากลับที่พัก

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.11090093453725 Mins