นิตยสาร ไทม์ ขึ้นหน้าปกไว้อย่างน่าทึ่งว่า
“นักวิทยาศาสตร์” ก็ “ศึกษา ค้นคว้า วิจัย เรื่องสมาธิ”
“แพทย์” ก็ “เชียร์ให้นั่งสมาธิ”
ชาวอเมริกัน “นับสิบล้านคน” ก็ “นั่งสมาธิ” “ทุกวัน”
ถามว่า “นั่งไปทำไม? ” ขอตอบว่า... “ก็มันดีน่ะสิ”
ในสหรัฐอเมริกา คนอเมริกันสิบล้านคนนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เป็นสองเท่าของสิบปีก่อน
สถานที่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เช่น ที่นิวยอร์ก เปลี่ยนเป็นที่นั่งสมธิหลายแห่ง จนคนเรียกแถบนั้นว่าเป็นแถบของชาวพุทธ
นักเรียนนั่งสมาธิก่อนเข้าห้องเรียนทุกเช้า นักกฎหมาย นักธุรกิจ คนทำงานสาขาอาชีพต่างๆ นั่งสมาธิตามที่หน่วยงานของตนจัดให้นั่งอย่างสม่ำเสมอ
ดาราภาพยนตร์ นักการเมือง นักเขียนต่างก็นั่งสมาธิ แม้แต่นักโทษในคุกก็มีห้องนั่งสมาธิ คนที่ไม่เชื่อเรื่องสมาธิกลายเป็นกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกาไปเสียแล้ว
การนั่งสมาธิทำให้ร่างกายมีสภาวะเหมือนก่อนจะหลับ แต่ไม่ได้หลับ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ และทำให้จิตใจสดชื่นแจ่มใส
สมาธิยังช่วยขจัดความขัดแย้งในจิตใจ ทำให้ใจอยู่นิ่งได้ ท่ามกลางความสับสน สามารถเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ได้ดีขึ้น ยอมรับมันด้วยความสงบ และมีความสุขมากขึ้น
สมาธิยังช่วยทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้มากขึ้น สามารถรักษาโรคร้ายแรงเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เอดส์ มะเร็ง ความดันโลหิตสูง โรคใจสั่น คนไข้โรคมะเร็งและเจ็บปวดเรื้อรัง ๑๔,๐๐๐ คน โดยไม่ต้องกินยาแก้ปวด สมาธิยังรักษาจิตใจที่ปั่นป่วน กดดัน สมาธิสั้น วุ่นวาย ไม่อยู่นิ่งด้วย
นอกจากนี้พลังของสมาธิยังสามารถรักษาคนไข้ที่เป็นโรคผิวหนังอักเสบร้อนแดง ให้มีผิวใสขึ้นเป็น ๔ เท่าของผู้ที่ไม่ได้นั่งสมาธิ
อย่าเชย! เพราะคุณไม่ได้นั่งสมาธิ
ที่มา : นิตยสาร ไทม์ ฉบับวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๖
ขอขอบคุณ หนังสือ ลองดู
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
ห้ามนำไปใช้ประโยชน์ทางการค้าหรือหากำไร ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมาย