กฐินทานนี้มีอานิสงส์มาก เพราะเป็นทานพิเศษยิ่งกว่าทานอื่นใด ด้วยเป็นกาลทานและสังฆทาน นับเป็นทานชนิดเดียวที่ผู้ให้และผู้รับได้อานิสงส์ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย
ฝ่ายผู้รับ
พระสงฆ์ครั้นรับกฐินแล้วย่อมได้รับอานิสงส์ตามพระวินัย ๕ ประการ คือ
- เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา ก็ไม่เป็นอาบัติ
- เที่ยวไปไหนไม่ต้องถือเอาไตรจีวรไปครบสำรับก็ได้ ไม่เป็นอาบัติ
- ฉันโภชนะเป็นหมู่เป็นคณะได้ ไม่เป็นอาบัติ
- ฉันโภชนะที่รับถวายภายหลังได้ ไม่เป็นอาบัติ
- เก็บอติเรกจีวรได้ตามปรารถนาตลอดกาล ๔ เดือน และขยายเขตจีวรกาลออกไปได้ถึงกลางเดือน ๔
ฝ่ายผู้ให้
ทายกผู้ถวายกฐินทาน และผู้มีส่วนร่วมในงานบุญนี้ ด้วยการบริจาคทรัพย์ก็ดี ด้วยบริจาควัตถุสิ่งของก็ดี ย่อมได้อานิสงส์อันไพบูลย์ทั้งในภพนี้และภพชาติต่อๆ ไป อาทิ
- ทำให้เป็นผู้มีความมั่งคั่ง มั่นคงในโภคทรัพย์สมบัติและหน้าที่การงาน
- เป็นคนรูปงาม ผิวพรรณงาม
- เป็นที่รักของบุคคลทั่วไป
- เป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส ตั้งมั่นในสมาธิและเข้าถึงธรรมได้ง่าย
- แม้ละโลกแล้วย่อมได้ยังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ เป็นต้น
โดยเฉพาะอานิสงส์แห่งการถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์นั้น ต่อไปในภายหน้า ผู้ถวายย่อมจะมีเครื่องนุ่งห่มอันประณีตและบริบูรณ์ไม่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มด้วยประการใดๆ เลย กฐินทานเป็นบุญใหญ่ มีอานิสงส์มากมายสุดประมาณ
เมื่อเราสร้างบารมีกันแบบสุดๆ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ก็บอกว่า พวกเราก็จะได้ที่สุดของที่สุด ดังนี้
- ได้ที่สุดของรูปสมบัติ คือ กายมหาบุรุษ
- ได้ที่สุดของทรัพย์สมบัติ คือ สมบัติจักรพรรดิ
- ได้ที่สุดของคุณสมบัติ คือ ทรงอภิญญา
- ได้ที่สุดแห่งยศ คือ พระเจ้าจักรพรรดิ
- ได้ที่สุดของสุข คือ เอกันตบรมสุข
- ได้ที่สุดแห่งสรรเสริญ คือ ไม่ถูกนินทา