วันวิสาขบูชาโลก
มนุษย์ยุคนี้ มีบุญวาสนามาก เพราะได้เกิดในยุคภัทรกัป กัปที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาตรัสธรรมมากที่สุดถึง 5 พระองค์ สมเด็จพระสมณโคดม หรือพระนามเดิมว่า “เจ้าชายสิทธัตถะ” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเราทั้งหลาย นับเป็นพระองค์ที่ 4 ส่วนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 ที่จะตรัสรู้ธรรมในอนาคต คือ พระศรีอารยเมตไตร บางกัปนั้นไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นเลยแม้แต่พระองค์เดียวเรียกว่าสุญญกัป
แม้พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรินิพานนานกว่า 2,500 ปีแล้วแต่พระธรรมคำสอนยังคงดำรงอยู่เป็นต้นทางสว่างให้แก่ชาวโลกได้เดินไปสู่ความสุขเสรีอย่างไม่มีประมาณ ความมหัศจรรย์อีกประการหนึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานตรงกันในวันเดียวกัน คือวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือนหก
ชาวพุทธเรียกว่าวันวิสาขบูชา ซึ่งปัจจุบันองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นวันสำคัญของโลกหรือวันวิสาขบูชาโลก ปีนี้ประเทศเวียดนาม ได้รับเป็นเจ้าภาพจัดงานวันวิสาขบูชาโลกในระหว่างวันที่ 11-17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ส่วนที่ประเทศไทยก็มีพระราชพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลกทุกปี ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนพรองค์ มาให้ประชาชนได้สักการะบูชา ณ มณฑลท้องสนามหลวง
ในวาระสำคัญที่สุดนี้ของประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาซึ่งตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2557 “วันวิสาขบูชาโลก” ชาวพุทธทั้งหลายควรได้น้อมรำลึกนึกถึงพระมหากรุณาของพระบรมศาสนาสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรสมาธิอย่างยิ่งยวดภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อินเดีย ทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ว่า หากไม่ได้ตรัสรู้ธรรมทรงไม่ยอมลุกจากรัตนบัลลลังก์เด็ดขาด แม้ว่าชีวิตเลือดเนื้อก็จะเหือดแห้งหายไป ในที่สุดพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ธรรมในค่ำคืนวันเพ็ญเดือนหก
พระพุทธธรรมคำสอน จึงเป็นอมตะธรรมเที่ยงแท้ไม่แปรเปลี่ยนตามกาลเวลา พระพุทธธรรมคำสอนทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ไม่ใช่ความรู้ที่เป็นปรัชญา จากความรู้สึกนึกคิดคาดคะเน
แต่เป็นวิชชาความรู้ที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริง คือ เห็นด้วยธรรมจักขุ รู้ได้ด้วยญาณทัสสนะของกายธรรมที่อยู่ภายในตัวของพระพุทธองค์ มีลักษณะเป็นกายแก้วใสบริสุทธิ์ ตั้งมั่นอยู่ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 อันเป็นผลมาจากการสั่งสมบุญบารมีทั้ง 30 ทัศ ตลอดระยะเวลานับ 20 อสงไขยกับแสนมหากัป กระทั่งพระบารมีเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
บุคคลใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธหรือเชื้อชาติศาสนาอื่น หากได้ปฎิบัติตามพระธรรมคำสอนอย่างเคร่งครัดจริงจังจริงแม้เพียงธรรมะข้อใดข้อหนึ่ง ก็จะนำไปสู่การสั่งสมบุญกุศลอื่นตามมาและสามารถตรัสรู้ธรรมได้หมด แต่จะได้ลุ่มลึกเพียงใดขึ้นอยู่กับกำลังบุญบารมีในอดีตชาติ และกำลังบุญบารมีในชาติปัจจุบัน แต่ที่ย่นเวลาและระยะทางได้วิเศษสุดคือ “สัมมาสมาธิ” หลับตาลงทำสมาธิวางใจนิ่งๆไว้ตรงศูนย์กลางกายกลางท้อง ผ่านไปเพียง 1 ชั่วโมง เมื่อใจเริ่มเป็นสมาธิใจจะนุ่มนวลอ่อนโยน แผ่กว้างหลุดออกจากความคับแคบ เมื่อนั่งสมาธิทุกวันอย่างสม่ำเสมอวันละ 1 ชั่วโมง ใจจะผ่องใสบริสุทธิ์ไม่คิดไม่ทำในสิ่งที่ทำให้ใจเราหมองขุ่นมัวเพราะรู้สึกว่าไม่มีความสุขไม่สบายใจ เริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพุทธดำรัสที่ว่า
เมื่อใดใจผ่องใส ย่อมมีสุคติเป็นที่ไป
เมื่อใดใจหมองมัว ย่อมมีทุคติเป็นที่ไป
เมื่อใดใจผ่องใสเป็นนิจ เราก็จะตั้งใจรักษาศีลเว้นการทำบาป รักษากายใจให้บริสุทธิ์
เมื่อใดใจใส ใจย่อมมีมหากรุณา มีหัวใจของผู้ให้ เต็มใจที่จะบริจาคทาน แบ่งปันให้ความช่วยเหลือแก่ผู้อื่น
เมื่อใดใจใส ความสำรวมกายวาจาใจก็จะตามมาอยากทำแต่สิ่งดี ที่ทำให้จิตใจมีความสุข ชีวิตเริ่มเดินตามสายกลาง มรรคมีองค์ 8 ซึ่งก็คือความพอดีของชีวิต ที่จะทำให้บรรลุธรรมได้ง่ายในที่สุด
อย่าปล่อยให้เวลาที่วิเศษสุดในวันวิสาขบูชาโลกผ่านไปอย่างเหมือนไร้คุณค่า เลิกยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขทั้งหลายเลิกเที่ยวเตร่สักหนึ่งวัน หันมารักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ หลับตาทำสมาธินึกถึงพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปแก้วใสเป็นอารมณ์อย่างสบายตรงศูนย์กลางกาย กลางท้อง หากใจนิ่งเป็นสมาธิ เราจะได้บุญติดตัวอย่างมหาศาลเกินพรรณา
บทสารคดี รัตนวนาลี
12/05/57