การบำเพ็ญประโยชน์ต่อกันมีรูปแบบการดำเนินการอย่างไร
การบำเพ็ญประโยชน์ต่อกัน อาจจะดำเนินการได้หลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสม ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่มีสาระสำคัญอยู่ที่กิจกรรมทุกอย่างที่บำเพ็ญแล้วนั้นต้องเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญกล่าวคือ ถ้าเอกชนคนใดประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่ง ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจึงปรารถนาให้ผู้ที่ยังไม่มีอาชีพ หรือยังไม่ร่ำรวย เข้ามาศึกษาฝึกอบรมปฏิบัติงานในอาณาบริเวณพื้นที่ของตนโดยไม่คิดค่าฝึกอบรมใดๆ อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ของเอกชนผู้นั้น
บริษัท หรือองค์กรใด เมื่อจะจัดอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เป็นความรู้
มัยใหม่ให้แก่พนักงานในบริษัทหรือองค์กรของตน ก็ควรเชื้อเชิญประชาชนผู้สนใจจำนวนหนึ่งเข้าร่วมสัมมนาฟรี หรือเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น อย่างนี้ก็ถือเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ของบริษัท หรือองค์กรนั้นๆหรือองค์กรการกุศล ซึ่งอาจเป็นมูลนิธิต่างๆ จัดโครงการ ฝึกอบรมระยะสั้น 1 วัน หรือ 2 วันเกี่ยวกับการประกอบอาชีพต่างๆ เช่นการทำอาหาร ทำดอกไม้ และงานศิลปะต่างๆ ให้แก่ประชาชนฟรี อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ขององค์กรการกุศล หรือมูลนิธินั้นๆหรือองค์กรการกุศล หรือชมรมต่างๆ จัดโครงการฝึกอบรมระยะสั้น 3 วัน หรือ 1สัปดาห์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัครช่วยงานตำรวจจราจร การเข้าอบรมในค่ายเยาวชนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือเสียน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ขององค์กรการกุศล หรือชมรมนั้นๆหรือบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ในวิชาชีพ หรือศิลปวิทยาการสาขาใดสาขาหนึ่ง ที่อาสาสมัครเข้าไปทำหน้าที่วิทยากรพิเศษใน สถาบันการศึกษา องค์กร มูลนิธิ ชมรมให้การฝึกอบรมในโครงการต่างๆ ของสถาบันและองค์กรดังกล่าว โดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นการบำเพ็ญประโยชน์ของปัจเจกบุคคลนอกจากนี้ ก็ยังมีการบำเพ็ญประโยชน์ที่ไม่ได้นำมากล่าวถึงอีกมากมาย
จากหนังสือ DOU
วิชาGB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก
กลุ่มวิชาสูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก