หลักการทำหน้าที่กัลยาณมิตร การแนะนำบุคคลอันเป็นที่รักให้เข้าใจเรื่องบุญ
ประเภทของบุญ
การแนะนำบุคคลอันเป็นที่รักให้เข้าใจเรื่องบุญ นอกจากจะพูดถึงการบริจาคทาน เป็นหลักแล้ว ต้องหาโอกาสที่พอเหมาะพอสมอธิบายให้เข้าใจถึงการทำบุญในพระพุทธศาสนาว่า ไม่ใช่เพียงแค่การบริจาคเท่านั้น แต่มีอยู่ด้วยกันถึง 10 ประการ ที่เรียกว่า “บุญกิริยาวัตถุ” คือ
1.ทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการให้
2.สีลมัย บุญที่สำเร็จด้วยการรักษาศีล
3.ภาวนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการเจริญสมาธิภาวนา
4.อปจายนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน
5.เวยยาวัจจมัย บุญที่สำเร็จด้วยการให้ความช่วยเหลือ ขวนขวายในกิจการงานที่ถูกที่ควร
6.ปัตติทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น
7.ปัตตานุโมทนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการอนุโมทนาในการทำบุญ หรือแสดงความยินดี ต่อความสำเร็จของคนอื่น
8.ธัมมัสสวนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการฟังธรรม
9.ธัมมเทสนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงธรรม
10.ทิฏฐุชุกัมม์ บุญที่สำเร็จด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้องดีงาม ตรงตามความเป็นจริง (มีสัมมาทิฏฐิ)
การทำบุญทั้ง 10 วิธีนั้น สามารถย่อให้ง่ายขึ้นเป็นบุญกิริยาวัตถุ 3 ประการ คือ ทาน ศีล ภาวนา
ศีล และ กุศลกรรมบถ บทฝึกตนในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
เมื่อกัลยาณมิตรรู้จักแนะนำบุคคลอันเป็นที่รักได้รู้จักคุณค่าของความเป็นมนุษย์และคุณค่าของการสั่งสมบุญแล้ว ก็ต้องแนะนำให้รู้จักการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักพุทธวิธี คือการรักษาศีล อันจะเป็นหนทางไปสู่สุคติสวรรค์ ผู้รักษาศีลนอกจากจะได้ชื่อว่าสร้างความปลอดภัยและความไว้เนื้อเชื่อใจให้ กับคนอื่นแล้ว ยังได้ชื่อว่ารักษาตัวเองให้รอดจากภัยในอบายภูมิ เมื่อถึงคราวตายก็ไม่ต้องหวาดกลัวต่อปรโลก
บุคคลผู้ตั้งวาจาและใจไว้โดยชอบ ไม่ทำบาปด้วยกาย อยู่ครองเรือนอันมีข้าวและน้ำมาก เป็นผู้มีศรัทธา อ่อนโยน จำแนกแจกทาน รู้ความประสงค์ ชอบสงเคราะห์ มีวาจาน่าคบ เป็นสหายมีวาจา อ่อนหวาน ผู้ตั้งอยู่ในคุณธรรมดังกล่าวมานี้ ไม่พึงหวาดกลัวปรโลกเลย
การรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์คือการสร้างความมั่นใจให้กับชีวิตในสังสารวัฏ ขณะเดียว กันก็ต้องประพฤติกุศลกรรมบถ 10 ประการควบคู่กันไปด้วย เป็นพัฒนาการที่สูงขึ้นกว่าการรักษาศีล 5 โดย ทั่วไป แบ่งเป็นประพฤติกายสุจริต 3 อย่าง ประพฤติวจีสุจริต 4 อย่าง ประพฤติมโนสุจริต 3 อย่าง
กายสุจริต 3 อย่าง ได้แก่
1. ละเว้นจากการฆ่าสัตว์
2. เว้นจากการลักทรัพย์
3. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
วจีสุจริต 4 อย่าง ได้แก่
1. ละเว้นการพูดเท็จ
2. เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด
3. เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ
4. เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ
มโนสุจริต 3 อย่าง ได้แก่ 1. ไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น 2. ไม่มีจิตคิดพยาบาทปองร้าย 3. เป็นผู้มีความเห็นชอบ คือมีสัมมาทิฏฐิ เชื่อว่า ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล การบูชามีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วมีอยู่ โลกนี้มี โลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ผู้เป็นอุปปาติกะมี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไปชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม มีอยู่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน จูฬกัมมวิภังคสูตร ความว่า
ดูก่อนมาณพ บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ ให้ตกล่วง เป็นคนเหี้ยมโหด มีมือเปื้อนเลือด หมกมุ่นในการประหัตประหาร ไม่เอ็นดูในเหล่าสัตว์มีชีวิต เขาตายไปจะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้นอันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมี อายุสั้น…
ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม ละปาณาติบาตแล้ว เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญาวางศาสตราได้มีความละอาย ถึงความเอ็นดู อนุเคราะห์ ด้วยความเกื้อกูลในสรรพสัตว์และภูตอยู่ เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้ พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ใน ภายหลัง จะเป็นคนมีอายุยืน
บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มีปกติเบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้ หรือศาสตรา เขาตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ถ้ามาเป็นมนุษย์ เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคมาก
บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นสตรีก็ตาม บุรุษก็ตาม เป็นผู้มีปกติไม่เบียดเบียนสัตว์ด้วยฝ่ามือ หรือก้อนดิน หรือท่อนไม้หรือศาสตรา เขาตายไป จะเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะกรรมนั้น อันเขาให้พรั่งพร้อม สมาทานไว้อย่างนี้ หากตายไป ไม่เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ถ้ามาเป็นมนุษย์เกิด ณ ที่ใดๆ ในภายหลัง จะเป็นคนมีโรคน้อย