โลกใบนี้เป็นโลกแห่งความแตกต่าง แม้เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เหมือนกัน บางคนหน้าตาสวยงาม บางคนหน้าตาขี้เหร่ บางคนเกิดมามีอวัยวะสมบูรณ์ บางคนพิการ บางคนเกิดในตระกูลเศรษฐี บางคนเกิดในตระกูลยาจก แต่ในความแตกต่างนั้น ยังมีสิ่งที่เหมือนกัน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใคร มียศใหญ่ ร่ำรวยเพียงใด จะมีเชื้อชาติ หรือศาสนาใดก็ตาม ล้วนไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากกฎธรรมชาติ คือความตายไปได้
จากตรงนี้ทำให้มีคำถามต่อไปว่า ในเมื่อความตายไม่เลือกว่า บุคคลนั้นจะเป็นใคร มีความเชื่ออย่างไร ดังนั้นชีวิตหลังความตายก็น่าจะอยู่ในกฎเกณฑ์เดียวกัน เพราะเป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เหมือนๆ กัน นี้เป็นประเด็นสำคัญที่นักศึกษาควรจะพิจารณา
หลักคำสอนในหลายๆ ลัทธิความเชื่อที่มีในโลกปัจจุบันนี้ ได้ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องชีวิตหลัง ความตายไว้แตกต่างกันไป สำหรับพระพุทธศาสนานั้น ก็ให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เช่นกัน เป็นคำตอบที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล ความรู้ตรงนี้ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรู้เห็นด้วยพระปัญญาอันบริสุทธิ์ ที่เกิดจากการฝึกจิตโดยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เพื่อค้นหาปริศนาของชีวิตเหล่านี้ จนกระทั่งความรู้ของพระองค์เต็มเปี่ยม จึงทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของชีวิตหลังความตาย หรือการเวียนว่ายตายเกิดของสัตวโลกในภพภูมิต่างๆ และเห็นว่าปรโลกนี้เป็นของสากลที่ทุกคนต้องไปในวันใดวันหนึ่ง
ขอให้นักศึกษาพิจารณาง่ายๆ อย่างนี้ว่า โลกที่เราอยู่นี้เป็นโลกใบเดียวกัน ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ที่เราเห็นก็เป็นดวงเดียวกัน คือ เป็นของสากลที่ทุกคนมองเห็นและเข้าใจตรงกัน ปรโลกก็เช่นเดียวกัน เป็นสถานที่ที่เป็นสากลสำหรับคนทุกเชื้อชาติและศาสนา ซึ่งสามารถอุปมาเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นได้ว่า ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายและต้องเข้าคุกนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพลเมืองในประเทศนั้นเท่านั้น ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม หากกระทำผิดก็มีสิทธิ์เข้าคุกในประเทศนั้นได้ แสดงให้เห็นว่า คุกเป็นของสากล เพราะฉะนั้นสถานที่อยู่ของชีวิตหลังความตายหรือปรโลกก็เช่นกัน เป็นของสากล ไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์ก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลักความเชื่อใดๆ แต่เป็นความจริงที่ท้าทายการพิสูจน์อยู่เสมอ เมื่อความตายเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ เรื่องปรโลกก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
พระพุทธศาสนามิได้สอนให้เชื่อเรื่องปรโลกแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังสอนวิธีการพิสูจน์อีกด้วย ซึ่งตรงนี้เป็นลักษณะเด่นของพระพุทธศาสนาที่แตกต่างจากศาสนาอื่นๆ บางศาสนาสอนให้เชื่อ แต่ไม่ได้สอนให้ พิสูจน์ กลับสอนว่าถ้าหากไม่เชื่อจะเป็นบาป พระพุทธศาสนาหาได้กล่าวเช่นนั้นไม่ พระพุทธศาสนาสอนให้เห็นและเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต พร้อมทั้งสอนวิธีการพิสูจน์ความจริงนั้นด้วย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ นักศึกษาที่จะศึกษาและปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้พิสูจน์ให้เห็นจริงด้วยตัวเอง
--------------------------------------------------------------------------
จากหนังสือ DOU GL 102 ปรโลกวิทยา
องค์รวมแห่งปรโลก