โลกันตนรก (นรกขุมพิเศษ)
โลกันตนรกนี้ เป็นนรกขุมพิเศษอีกขุมหนึ่ง นอกจากมหานรก อุสสทนรก และยมโลกนรก เป็นขุม ที่น่าศึกษา เพราะเป็นสถานที่สำหรับบุคคลที่ทำอกุศลกรรมหนาแน่น เป็นนรกที่อยู่นอกจักรวาล อยู่ระหว่าง โลกจักรวาล 3 โลก เปรียบเหมือนมีดอกบัว 3 ดอก มาชิดติดกัน จะเกิดช่องว่างในตรงกลาง บริเวณช่องว่างในตรงกลางนั้นเรียกว่า “ โลกันตนรก”
สัตว์ที่มาเกิดในโลกันตนรกนี้มีร่างกายใหญ่โตยิ่งนัก มีเล็บมือเล็บเท้ายาว ต้องใช้เล็บมือเล็บเท้าเกาะอยู่ตามเชิงจักรวาล ห้อยโหนโยนตัวอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ เหมือนค้างคาวห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ และก็จะรำพึงในใจว่า “ ทำไม กูจึงมาอยู่ที่นี่ สงสัยจะมีเพียงกูผู้เดียวกระมัง” เหตุที่รำพึงเช่นนี้เพราะว่าโลกันตนรก นั้นมืดมิด ไม่มีแสงสว่างแม้เพียงนิดเดียว ต่างห้อยโหนโยนตัวเปะปะด้วยความหิวโหย พอตะครุบไปถูกตัวซึ่งกันและกัน จึงคิดว่าเป็นอาหาร ต่างปล้ำฟัดกันอยู่อย่างนี้ ไม่ช้าต่างก็พลัดตกลงไปในทะเลน้ำกรดอันเยือกเย็น เนื้อตัวร่างกายก็เปื่อยแหลกเหลว ตายไปในทันที แล้วก็กลับฟื้นขึ้นมาอีก ต้องได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนี้ไม่มีวันสิ้นสุดชั่วพุทธันดร กัปหนึ่งจึงพ้นโทษจากโลกันตนรก
บุพกรรมของสัตว์นรก คือ เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เป็นคนประพฤติชั่วช้า ทำร้ายทรมานบิดามารดา หรือเป็นพวกมิจฉาทิฏฐิ ไม่เชื่อนรก ไม่เชื่อสวรรค์ ทำบาปกรรมชั่วช้าเป็นประจำ อีกประการหนึ่ง เป็นคนปากกล้า ด่าว่าบิดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่ชาย พี่สาว ด้วยคำเจ็บแสบ หรือพอฉุนโกรธขึ้นมาก็ด่าว่าไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ แม้ผู้ทรงศีล เช่น สมณะ ชี พราหมณ์ พระภิกษุสงฆ์ สามเณร
สรุปสาระสำคัญของนิรยภูมิ
จากการศึกษาเรื่องนิรยภูมิ นักศึกษาจะเห็นสภาพโดยรวมของนรกแล้วว่า เป็นสถานที่หลังความตายฝ่ายทุคติ ที่มีแต่ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเพียงฝ่ายเดียว ตั้งแต่การทรมานที่หนักที่สุดในมหานรก ที่ไม่มีเวลาว่างเว้นจากการได้หยุดพักทรมานเลย เมื่อหมดกรรมในมหานรกแล้ว ยังต้องมาถูกทรมานต่อในอุสสทนรก ซึ่งแม้ว่าการทัณฑ์ทรมานจะหย่อนลงไปบ้าง แต่ยังหนักหนาสาหัสอยู่ และเมื่อหมดกรรมจากอุสสทนรกแล้ว ยังต้องมาถูกทัณฑ์ทรมานต่อในยมโลก สำหรับผู้กระทำบาปอกุศลไว้มาก
------------------------------------------------------------
จากหนังสือ DOU GL 102 ปรโลกวิทยา
อบายภูมิ