กิจกรรมของเหล่าเทวดาในวันพระ 14 ค่ำ 15 ค่ำ
ลำดับต่อไป นักศึกษาจะได้ศึกษากิจกรรมที่สำคัญของชาวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันข้างแรมจนถึงข้างขึ้น มนุษย์ได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย มนุษย์ที่ประมาทในการดำเนินชีวิต ก็จะสนุกสนานเพลิดเพลินกับเรื่องที่ไร้สาระ เช่น เล่นอบายมุข ดื่มสุราเมรัยยาเสพติดสิ่งที่ไม่ดี เป็นต้น ส่วนมนุษย์ที่ไม่ประมาท ก็จะหมั่นสั่งสมบุญ สวดมนต์ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มนุษย์ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า การกระทำของตนเองนั้น นอกจากจะอยู่ในสายตาของชาวโลกแล้ว ยังอยู่ในสายตาของผู้มีกายละเอียดอีกมิติหนึ่งด้วย กายละเอียดเหล่านั้น คือ ภุมมเทวา ที่เป็นอดีตมนุษย์ที่มีภพซ้อนอยู่บนพื้นโลก ภุมมเทวาจะมีทุกความเชื่อ ทุกชาติ แต่อยู่ร่วมกันได้ ภุมมเทวาเหล่านี้จะมองดูพฤติกรรมของมนุษย์
นักศึกษาทราบแล้วว่า ภุมมเทวาเป็นชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จะมีการแบ่งเขตการปกครอง คล้ายมนุษย์ เป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ นานาชาติ ทั่วโลก ภุมมเทวาแต่ละพื้นที่ ก็จะมี ผู้ปกครอง ที่เรียกว่า เจ้าหน้าที่เขต มีทั้งเขตเล็ก เขตใหญ่ เหมือนผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอของมนุษย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เขตในโลกนี้มีหลายร้อยชาติทั่วโลก ตามพื้นที่อยู่ของมนุษย์
ดังนั้น เจ้าหน้าที่เหล่านี้ทั่วโลกจะคอยเฝ้าดูการกระทำของมนุษย์ สมมุติว่าในประเทศจีน ก็จะมี เจ้าหน้าที่จีนที่เป็นภุมมเทวาชาวจีนคอยดูพฤติกรรมของมนุษย์ ดูว่ากำลังคิด พูด ทำอะไร ถ้าเห็นมนุษย์ทำความดีอะไร ก็จะบันทึกไว้ในแผ่นลานทอง โดยไม่ต้องขีดเขียน แต่บันทึกเป็นภาพ เป็นเรื่องราวของบุคคลนั้น หรือเจ้าหน้าที่อินเดียก็ทำในลักษณะเช่นเดียวกัน
เมื่อเจ้าหน้าที่เขตทุกชาติ บันทึกการกระทำของมนุษย์แล้วก็จะรวบรวมบัญชีแผ่นลานทอง ไปส่ง ต่อให้หัวหน้าเขต หัวหน้าเขตก็จะรวบรวมบัญชีทุกเขต ที่อยู่ในเขตความปกครองของตน ซึ่งหัวหน้าเขตก็มีอีกหลายร้อยหัวหน้าเขตทั่วโลก แล้วก็อธิษฐานจิตให้เหลือแผ่นเดียว เช่น เจ้าหน้าที่จีนแต่ละเขตก็จะรวบรวมผู้ที่กระทำความดีใส่ในแผ่นลานทอง แล้วก็นำไปมอบให้หัวหน้าเขต หัวหน้าเขตก็รวมบัญชีไว้ในมือ แล้วก็รวมเป็นบัญชีเดียวกัน คือ นำหลายๆ บัญชีรวมมาเป็นหนึ่งบัญชี สมมุติมี 100 บัญชีก็รวมให้เป็น 1 บัญชี
หลังจากรวบรวมในระดับหัวหน้าเขตแล้ว ก็จะส่งไปให้อากาสเทวา คือ จากพื้นมนุษย์ส่งต่อไปให้เทวาที่สูงกว่า อากาสเทวาก็จะรวบรวมบัญชีของหัวหน้าเขตที่พื้นมนุษย์ ซึ่งหัวหน้าเขตอากาสเทวาก็มีมากมายทั่วโลกเช่นกัน แล้วก็อธิษฐานจิตให้เหลือบัญชีเดียว จากนั้นอากาสเทวาจะรวมบัญชีทั้งหมด นำไปให้ หัวหน้าอากาสเทวาในแต่ละสายการปกครอง สมมุติว่าอากาสเทวาที่เป็นนาครวบรวมบัญชีมาตามลำดับขั้นตอนแล้ว ก็จะนำบัญชีนี้ไปให้หัวหน้าอากาสเทวาที่เป็นนาค คือจะให้ไปตามทิศที่อยู่ของท้าวมหาราชทั้ง 4 อากาสเทวาสายยักษ์ก็จะรวบรวมบัญชีไปให้หัวหน้าอากาสเทวาที่เป็นยักษ์ อากาสเทวาที่เป็นครุฑก็นำบัญชีไปให้หัวหน้าอากาสเทวาที่เป็นครุฑ อากาสเทวาคนธรรพ์ก็นำบัญชีไปให้หัวหน้าอากาสเทวาที่เป็นคนธรรพ์
นักศึกษาคงจำได้ว่า เขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางจักรวาล ทางด้านทิศใต้เป็นของท้าววิรุฬหก ผู้ปกครองครุฑ ทางด้านทิศตะวันตกเป็นของท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค ทางด้านทิศเหนือเป็นของท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์ ทางด้านทิศตะวันออกเป็นของท้าวธตรฐ ปกครองคนธรรพ์
อากาสเทวาที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของนาคก็รวบรวมบัญชีไปเฝ้าท้าววิรูปักษ์ ผู้ปกครองอยู่ทาง ทิศตะวันตก ท้าววิรูปักษ์ท่านก็รวบรวมบัญชี แล้วก็อธิษฐานทำบัญชีให้เป็นแผ่นเดียว อากาสเทวาที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของยักษ์ก็จะไปเข้าเฝ้าท้าวเวสสุวรรณ ที่อยู่ในทิศเหนือ ท้าวเวสสุวรรณก็รวบรวมบัญชี แล้วก็อธิษฐานให้เหลือเพียงแผ่นเดียว อากาสเทวาที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของครุฑก็จะไปเฝ้าท้าววิรุฬหก อยู่ทางด้านทิศใต้ ท้าววิรุฬหกก็รวบรวมบัญชี แล้วก็อธิษฐานให้เหลือเพียงบัญชีเดียว อากาสเทวาที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของคนธรรพ์จะไปเฝ้าท้าวธตรฐ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ท้าวธตรฐก็จะรวบรวมบัญชีของการทำความดี ให้เหลือเพียงแผ่นเดียว
จากนั้นท้าวจตุโลกบาล คือ ผู้รักษาโลก ดูแลโลกในทิศทางนั้นๆ ก็รวมกลุ่มกันขึ้นไปเฝ้าท้าว-สักกเทวราช เพื่อรายงานผลการทำความดีของมนุษย์ ท้าวสักกเทวราชก็ทำการประชุมคณะกรรมการบริหารในวันโกน คือ ก่อนวันพระวันหนึ่ง มีวาระการประชุม 2 เรื่อง ได้แก่ 1. เรื่องความเป็นอยู่ของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ 2. เรื่องของท้าวจตุโลกบาลที่นำบัญชีความดีมารายงาน ท้าวสักกะ ก็จะให้โอวาทคณะกรรมการบริหาร ซึ่งตรงกับวันพระบนโลกมนุษย์
เทวดาชั้นดาวดึงส์รู้ว่าเป็นวันพระได้จากการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ โดยตรวจดูบนโลกมนุษย์ด้วยทิพยจักษุ เมื่อเห็นแล้วว่าเป็นวันพระ ก็จะมาประชุมกันที่สุธรรมาเทวสภา จากนั้นท้าวสักก-เทวราชก็จะขึ้นธรรมาสน์ เพื่อแสดงธรรม เนื้อหาที่แสดงธรรมส่วนใหญ่ เป็นเรื่องความไม่ประมาท และให้ฉลาดในการดำเนินชีวิต ให้หมั่นเจริญพุทธานุสติ แล้วก็หมั่นย้ำเตือนให้ไปนมัสการบูชาพระธาตุจุฬามณี เนื้อนาบุญของชาวสวรรค์ เป็นเรื่องหลัก เพราะชาวสวรรค์ก็เหมือนกับมนุษย์ วันพระหรือวันหยุด พวกมนุษย์ที่ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตก็จะเข้าวัด ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญบุญ พวกประมาทก็ใช้เวลาไปกับเรื่องไร้สาระ ไปสนุกสนานเฮฮา เล่นการพนัน เพราะฉะนั้นเทวดาจึงมีทั้งประมาทและไม่ประมาท เทวดาที่ประมาทก็มัวแต่เพลิดเพลินในทิพยสมบัติและกามอันเป็นทิพย์ เที่ยวชมสวน ชื่นชมเหล่าเทพบุตร เทพธิดา ดังนั้นท้าวสักกเทวราชจึงสอนไม่ให้ประมาท และให้ฉลาดในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง
หลังจากท้าวสักกะให้โอวาทเสร็จแล้ว ประมาณเวลาค่ำของโลกมนุษย์ ดวงจันทร์ขึ้นเต็มดวงแล้ว ท้าวสักกเทวราชก็จะประกาศให้แก่เหล่าเทวดาที่มาประชุมกันที่สุธรรมมาเทวสภาฟังว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หมู่มนุษย์ได้ทำบุญอะไรบ้าง บางพวกก็ดูแลบิดามารดา บางพวกก็ทำทาน บางพวกก็รักษาศีล บางพวกก็เจริญภาวนา มีจำนวนมากน้อยเพียงใด ถ้าใครที่ทำบุญใหญ่ก็ประกาศชื่อให้เทวดาทั้งหลายได้อนุโมทนา ซึ่งชื่อของบุคคลที่ทำบุญใหญ่ก็จะถูกประกาศเป็นอันดับแรก ตามด้วยบุญเล็กบุญน้อย และบุญเบ็ดเตล็ดก็ลดหลั่นกันลงมา ถ้าช่วงใดมนุษย์ที่สร้างบุญมีจำนวนน้อย เทวดาที่ดาวดึงส์จะรู้สึกไม่เบิกบาน และพูดคุยกันในหมู่เทวดาว่า โอ! สวรรค์คงจะว่าง นรกคงจะแน่น เพราะว่ามนุษย์ประมาทในการดำเนินชีวิต มีการดื่มสุราเมรัย บุหรี่ ยาเสพติด การพนันต่างๆ เป็นต้น แต่ถ้ามนุษย์ทำความดีมาก เหล่าเทวดาก็จะอนุโมทนา สาธุการดังลั่น มีความปีติเบิกบาน รัศมีระยิบระยับ
นี่ก็เป็นเรื่องกิจกรรมในวันพระ 14 ค่ำ 15 ค่ำ ของชาวสวรรค์ ที่มีการทำกิจกรรมกัน ตั้งแต่พื้นมนุษย์จนถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดังนั้นนักศึกษาควรจะทำความเข้าใจเอาไว้และให้รู้ว่า เราอยู่ในสายตาของ ชาวสวรรค์ เมื่อจะทำบาปอกุศลสิ่งใด จะได้มีความระมัดระวัง เกรงกลัวต่อสายตาของผู้ที่มองไม่เห็นด้วย แต่ที่สำคัญให้มีหิริโอตตัปปะเกิดขึ้นในใจของเราเองจะดีที่สุด
อีกประการหนึ่ง เทวดาก็คืออดีตมนุษย์ เมื่อละโลกแล้วหมดโอกาสในการทำบุญ และยังต้องการบุญ การที่ได้อนุโมทนาบุญกับมนุษย์ผู้ทำบุญ ย่อมเป็นทางมาแห่งบุญของชาวสวรรค์ เขาจึงไม่พลาดที่จะเก็บเกี่ยวบุญ ในช่วงที่มนุษย์สั่งสมบุญกันมากที่สุด
------------------------------------------------------------------
จากหนังสือ DOU GL 102 ปรโลกวิทยา
เทวภูมิ