อรหัตโลกุตรภูมิ
ภูมิของพระอรหันต์เป็นโลกุตรภูมิลำดับสุดท้าย อันเป็นภูมิขั้นสูงสุดของโลกุตรภูมิ ซึ่งจะต้องเจริญภาวนาผ่านโลกุตรภูมิทั้ง 3 ขั้นข้างต้นมาก่อน จึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอรหันต์ได้ ผู้ที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ต้องเป็นผู้มีปัญญาอันยอดเยี่ยม สามารถประหารกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไปได้ และ ผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์จะได้รับการยกย่องบูชาอย่างยิ่ง เพราะเป็นผู้สะอาดบริสุทธิ์ทั้ง กาย วาจา ใจ ในพระพุทธศาสนาแล้ว
ความหมายของอรหัตโลกุตรภูมิ
อรหัตโลกุตรภูมิ คือ ภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ควรแก่การบูชา หมายความว่า ผู้ที่เข้าถึงภูมินี้แล้ว ย่อมได้ชื่อว่า เป็นพระอรหันต์ เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุด ในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ควรแก่การบูชา
ในภาคปฏิบัติ การเจริญภาวนาเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้ขยายความในส่วนนี้ว่า หมายถึง ภาวะที่เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกายอรหัต ซึ่งมีอยู่ภายในกลางกายของทุกคน
คุณวิเศษของพระอรหันต์
พระอรหันต์ทั้งหลายท่านมีคุณธรรมและคุณวิเศษ สามารถกำจัดกิเลสที่ยังเหลือติดอยู่ในสันดานได้หมด และสามารถละสังโยชน์เบื้องสูงอีก 5 ชนิด คือ
1. รูปราคะ คือ ความพอใจในรูปฌานหรือรูปภพ
2. อรูปราคะ คือ ความพอใจในอรูปฌานหรืออรูปภพ
3. มานะ คือ ความถือตัว
4. อุทธัจจะ คือ ความฟุ้งซ่านแห่งจิต
5. อวิชชา คือ ความไม่รู้สภาพความเป็นจริงของธรรม
ดังนั้น คุณวิเศษของพระอรหันต์ คือ สามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำ สังโยชน์เบื้องสูงได้หมดสิ้นไม่เหลือเศษ เป็นพระอริยบุคคลที่ควรบูชาอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา
ประเภทของพระอรหันต์
พระอรหันต์ผู้เป็นอริยบุคคลอันสูงสุดในพระพุทธศาสนานั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
ประเภทที่ 1 เจโตวิมุตติ คือ การหลุดพ้นจากกิเลส ด้วยอำนาจสมถะนำหน้าในการบรรลุธรรม
ประเภทที่ 2 ปัญญาวิมุตติ คือ การหลุดพ้นจากกิเลส ด้วยอำนาจวิปัสสนานำหน้าในการบรรลุธรรม
สมดังพุทธวจนะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ใน มหามาลุงกยโอวาทสูตร5) ว่า
“ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้ามรรคนี้ ปฏิปทานี้ ย่อมเป็นไปเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน์ 5 เมื่อเป็นอย่างนั้น เพราะเหตุไร ภิกษุบางพวกในพระศาสนานี้ จึงเป็นเจโตวิมุตติ บางพวกเป็นปัญญาวิมุตติเล่า. ”
“ ดูก่อนอานนท์ ในเรื่องนี้ เรากล่าวความต่างกันแห่งอินทรีย์ ของภิกษุเหล่านั้น”
จากพระสูตรนี้ แสดงให้ทราบถึงขั้นตอนของการบรรลุธรรมของพระอรหันต์ 2 ประเภท ต้องผ่านขั้นตอนของการทำสมถะในที่นี้คือ รูปฌาน 4 และอรูปฌาน 3 เหมือนกัน แต่ที่จัดเป็น 2 ประเภทเพราะความต่างกันแห่งอินทรีย์ทั้ง 2 คือ เจโตวิมุตติอรหันต์ อาศัยสมาธินทรีย์เป็นตัวนำในการกำจัดราคะ ส่วนปัญญาวิมุตติอรหันต์ อาศัยปัญญินทรีย์ที่แก่กล้าเป็นตัวนำในการกำจัดอวิชชา
สรุป
นักศึกษาคงมีความเข้าใจในเรื่องของโลกุตรภูมิมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องของภูมิที่พ้นจากภพ 3 พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดตามลำดับของการตัดกิเลสของพระอริยบุคคลทั้ง 4 ประเภท คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
การเข้าถึงความเป็นพระอริยบุคคลทั้ง 4 ประเภท ต้องละสังโยชน์ไปตามลำดับ จึงจะเข้าถึงสภาวธรรมของพระอริยบุคคลต่างๆได้ เช่น การเป็นพระโสดาบันต้องเข้าถึงสภาวธรรมที่ทำเป็นพระโสดาบัน คือ ละสังโยชน์เบื้องต้นได้ 3 ประการ การเป็นพระสกิทาคามี ก็ต้องเข้าถึงสภาวธรรมที่ทำให้เป็นพระโสดาบันก่อน แล้วจึงจะต่อด้วยการเข้าถึงสภาวธรรมที่ทำให้เป็นพระสกิทาคามี สามารถทำสังโยชน์เบื้องต่ำที่เหลืออีก 2 ชนิด ให้เบาบางลงได้ การเป็นพระอนาคามีบุคคล ต้องผ่านสภาวธรรมที่ทำให้เป็นพระโสดาบัน และพระสกิทาคามีมาก่อน และการที่จะเป็นพระอรหันต์ได้ ต้องผ่านขั้นตอนของการเข้าถึงสภาวธรรมของพระอริยบุคคลทั้ง 3 ประเภทก่อน จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์ พระอริยบุคคลขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา
พระอริยบุคคลทั้ง 4 ประเภทนั้น เป็นผู้เข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพาน ตามลำดับเช่นกัน ถ้าเป็นพระอริยบุคคล 3 ขั้นแรก สามารถรู้เห็น เข้าถึงและรู้รสแห่งนิพพานสุขได้ตามส่วนกิเลสที่ตนละได้ ส่วนพระอรหันต์นั้น สามารถกำจัดกิเลสได้หมดสิ้น จึงเข้าถึงนิพพานและสัมผัสรู้รสแห่งนิพพานได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น โลกุตรภูมิจึงเป็นภูมิที่สำคัญที่สุด และเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะพระอรหันต์อันเป็นพระอริยบุคคลขั้นสุดท้ายของการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ เมื่อนักศึกษาทราบอย่างนี้แล้ว ก็จะได้ฝึกฝนตนเองให้ตรงเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ให้สำเร็จต่อไป
------------------------------------------------------------------------
5) มหามาลุงกยโอวาทสูตร, มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์, มก. เล่ม 20 ข้อ 159 หน้า 314-315.
จากหนังสือ DOU GL 102 ปรโลกวิทยา
โลกุตตรภูมิ