คนเห็นผี !

วันที่ 21 กค. พ.ศ.2558

 

คนเห็นผี ! 


“ วิญญาณ ”
    มนุษย์ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเราตายไปในชาตินี้ก็จะต้องไปเกิดใหม่ในภพภูมิต่างๆ ตามกำลังบุญกำลังบาป ที่เราได้สร้างเอาไว้ บางคนทำบุญมามากก็ไปเกิดบนสวรรค์ บางคนทำสมาธิได้ดีถึงระดับหนึ่งก็ไปเกิดชั้นพรหม หรือถ้าหมดกิเลสก็เข้าพระนิพพาน ถ้าทำบาปก็ตกนรกหรือบางทีก็ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย หรือไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็มี หรือว่าอาจจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้งก็ได้
    ในกรณีที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้งนั้น เราจะเกิดมาเป็นคนที่มีตระกูลสูงตระกูลต่ำนั้น แข็งแรงหรือไม่แข็งแรงนั้น ก็ขึ้นอยู่กับแรงบุญแรงบาปที่ตัวเองสร้างเอาไว้นั่นเอง สิ่งที่ไปเกิดใหม่นี้เองเราเรียกว่า “ วิญญาณ ” บางท่านเรียกว่า “ ผี ” หรือบางท่านก็เรียกว่า “ กายละเอียด ” หลายท่านจึงอาจจะเกิดความสงสัยว่า จริงๆแล้ว วิญญาณ ผี หรือกายละเอียด นั้นแตกต่างกันหรือไม่


สัมภเวสี
    คำว่า “ ผี ” นั้น เป็นคำเรียกที่เป็นกลางๆ ซึ่งครอบคลุมกายละเอียดทั้งหมด เวลาที่เราไปเจออะไรที่ไม่ใช่มนุษย์ปกติ เช่น เห็นเหมือนคนหิ้วหัวเดินโทงๆ มานี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน คนทั่วไปก็มักจะบอกว่า เราเจอผี ซึ่งจริงๆ แล้วผีก็มีหลายแบบ เช่น กายสัมภเวสี คล้ายๆกับผีเร่ร่อน คือ คนที่ตายไปแล้วแต่มีบุญไม่มากถึงขนาดจะไปเกิดเป็นเทวดา  นางฟ้า แล้วบาปก็ไม่ได้แรงถึงขนาดต้องไปตกนรก บุญกับบาปที่มีอยู่สูสีกัน จึงยังล่อยลอย เร่ร่อนอยู่บนโลก บางที่ที่มีคนไหว้เจ้าหรือไหว้พระภูมิเจ้าที่ กายละเอียดที่มากินเครื่องเส้นต่างๆ นั้น ก็เป็นพวกกายสัมภเวสีนี่เอง


ภุมมเทวา
    กายละเอียดที่สูงขึ้นมาหน่อยก็คือ “ ภุมมเทวา ” เป็นเทวดาชั้นต้นอยู่ที่พื้นผิวดิน เช่นอยู่แถวจอมปลวกหรืออยู่กันเป็นหมู่บ้านก็มี ซึ่งภุมมเทวาเองก็มีแบบโลว์โซและไฮโซ ซึ่งคำว่า “ โลว์โซ ” หรือ “ ไฮโซ ” นั้นขึ้นอยู่กับกำลังบุญ ถ้าเป็นแบบโลว์โซก็อยู่กันแบบหมู่บ้าน คล้ายๆกับที่คนอยู่ ดีกว่าผีเร่ร่อนหน่อยเพราะว่าเป็นกายละเอียดที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ส่วนภุมมเทวาที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ก็อยู่วิมานสวยงามขึ้น อีกระดับหนึ่ง บางจังหวะคนไปเจอเข้า เขาก็เรียกรวมๆว่า “ ผี ” ซึ่งความจริงแล้วไม่เหมือนกัน

 

รุกขเทวา
    กายละเอียดที่สูงกว่าภุมมเทวาขึ้นไปอีกระดับก็คือ “ รุกขเทวา ” เป็นเทวดาที่อยู่ในต้นไม้ใหญ่ บางทีก็มีวิมานใหญ่โตสวยงาม ซ้อนอยู่ในนั้น เราอย่าไปนึกว่าต้นไม้ลำต้นไม่ใหญ่เท่าใด วิมานในต้นไม้คงจะเป็นหลังเล็กๆ เพราะของละเอียดนั้นของที่ใหญ่ ซ้อนอยู่ข้างในของที่เล็กกว่าได้


อากาศเทวา
    “ อากาศเทวา ” มีวิมานอยู่บนอากาศ สูงจากผิวดินไปประมาณ 16 กิโลเมตร คือ 1 โยชน์ มนุษย์มองไม่เห็น ส่องกล้องดูก็ไม่เจอเพราะว่าเป็นมิติซ้อนมิติ เป็นของละเอียดนั่นเอง ถ้าสูงกว่านั้นขึ้นไปอีกก็จะเป็นเทวดาชั้น “ จาตุมหาราชิกา ” ไม่ได้อยู่บนพื้นโลกทั่วไป แต่อยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรุในสวรรค์ชั้นที่ 1
    จริงๆแล้วทั้ง ภุมมเทวา รุกขเทวา และอากาศเทวา ทั้งหมดนี้ก็สงเคราะห์อยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกานี้เหมือนกัน แต่เป็นระดับต้นๆ กายละเอียดบนชั้นจาตุมหาราชิกา ค่อนข้างหลายหลายมาก นอกเหนือจากเทวดา นางฟ้าที่มีวิมานอยู่ในสวรรค์เอง โดยตรงแล้ว ยังมีที่เราคุ้นชื่อกันอยู่ด้วย เช่น ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ เป็นต้น


ยักษ์
    ยักษ์ก็มีทั้งโลว์โซกับไฮโซเช่นกัน สำหรับยักษ์โลว์โซก็คือ ยักษ์ที่มีเขี้ยวโง้งดูน่ากลัวแต่ถ้าเป็นยักษ์แบบไฮโซก็จะไม่มีเขี้ยวโง้งออกมา มีเพียงฟันเขี้ยวพอให้ดูสวยงามเท่านั้น ผิวพรรณดี ดูเหมือนเทวดา นางฟ้า แต่จะมีดวงตาเข้มๆ เมื่อเวลาโกรธถึงจะมีเขี้ยวโง้งออกมา
คนธรรพ์ ครุฑ นาค
    “ คนธรรพ์ ” มีหน้าตาคล้ายๆกับเทวดาที่เราเห็นทั่วไป คล้ายมนุษย์แต่ว่ามีผิวพรรณวรรณะที่ดีกว่ามนุษย์ พวกนี้จะเก่งเรื่องดนตรี ศิลปะ วิทยาการต่างๆ อีกทั้งยังมีพวกครุฑ นาค ซึ่งสงเคราะห์อยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาทั้งสิ้น หากเป็นสวรรค์ชั้นสูงขึ้นไปอีก อย่างสวรรค์ชั้นที่สอง คือ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นชั้นของพระอินทร์ กายของเทวดา นางฟ้าบนสวรรค์ชั้นนี้ก็จะมีรัศมีเปล่งปลั่งมากขึ้น บางทีเทวดาชั้นเหล่านี้ก็ลงมาบนเมืองมนุษย์ด้วยเหตุแห่งผู้มีบุญก็มี เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้ธรรม หรือพระบรมโพธิสัตว์มาสร้างบารมี เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่ที่พบเจอบ่อยๆ บนโลกมนุษย์ก็จะเป็นกายสัมภเวสี ภุมมเทวาเป็นต้น แต่คนทั่วไปไม่รู้จัก พอเจอเข้าก็คิดว่าเป็นผี เหมารวมกันไปอย่างนี้ แต่จริงๆนั้นแยกย่อยแล้วได้หลายแบบ ซึ่งถ้าย่อยกว่านี้ก็มีอีก เช่น ปีศาจ เป็นต้น

 

ทำไมบางคนจึงสามารถมองเห็นผีได้
    บางท่านที่สามารถมองเห็นผีได้นั้น ขึ้นอยู่ที่จังหวะว่าอายตนะใกล้เคียงกันเมื่อใดก็จะเห็นได้ บางทีกายละเอียดเหล่านั้นเขาก็อยากให้เราเห็น เพราะอาจจะเป็นญาติของเราที่ตายไปแล้ว เขาอยากแสดงตัว ซึ่งถ้าจิตของเราเองอยู่ในภาวะที่กำลังนิ่งพอดี ก็จะเห็นได้ ขึ้นอยู่กับความนิ่งของใจในขณะนั้น ไม่ได้ขึ้นกับว่าเป็นคนจิตแข็งหรือจิตไม่แข็ง แต่ต้องประกอบด้วยเหตุปัจจัยหลายๆอย่างที่พอดีกันนั่นเอง


ประสบการณ์พิเศษของคณะปฏิบัติธรรม
    เมื่อตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านพาหมู่คณะไปปฏิบัติธรรม ที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งเป็นบ้านพักของกรมป่าไม้ที่เราไปขอพักแล้วก็ปฏิบัติธรรมกัน มีบ้านแคแสด บ้านทหารไทย เรือนซูการ์โน เป็นต้น
    ไปครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2525 ก็มีคนเจอประสบการณ์พิเศษๆ อยู่บ้าง มีคุณหญิงอุไรวรรณ หงสประภาส ท่านไปนอนอยู่ที่เรือนซูการ์โน ที่ชื่อนี้เพราะว่าสร้างขึ้นมาต้อนรับประธานาธิบดีซูการ์โน ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศอินโดนีเซีย ตอนมาเยือนประเทศไทย เนื่องจากอยู่บนดอยที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณพันกว่าเมตร พอตกกลางคืนอากาศก็เย็น จึงต้องห่มผ้าห่ม จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาดึงผ้าห่มไป นึกว่าเพื่อนที่มาด้วยกันแย่งผ้าห่มก็เลยดึงกลับมา สักพักก็ถูกดึงกลับไปอีก จึงชักสงสัยจึงตื่นแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมาดู ปรากฏว่าตัวเองก็นอนอยู่บนเตียงแต่ที่ข้างเตียงมีใครก็ไม่รู้นอนลอยนิ่งอยู่กลางอากาศระดับเดียวกับเตียง แล้วก็เป็นคนดึงผ้าห่มไปห่ม คิดไปคิดมาเลยคิดว่ายกผ้าห่มให้เขาไปเลยดีกว่า ไม่ดึงกลับแล้ว จากนั้นก็รีบหลับตาโดยเร็ว ท่อง “ สัมมา อะระหัง ๆๆๆ ” นึกถึงองค์พระเป็นการใหญ่เลยทีเดียว


    อีกท่านหนึ่งนอนอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงดัง พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาลืมตาดู เห็นใครเดินอยู่ที่ข้างฝา จู่ๆเดินออกมาจากผนังได้ ก็แปลกดีเหมือนกัน แล้วหายวับไปกลางอากาศเลยอย่างนี้ก็มี บางท่านเห็นตอนกลางวันแสกๆ คือ โดยปกติที่นั่นเขาจะขึ้นไปนั่งสมาธิที่เรือนตำหนักตั้งแต่เช้ามืดจนกระทั่งสว่าง แล้วพอรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ประมาณ 8 โมงครึ่งก็ไปนั่งสมาธิต่อจนถึง 11 โมง จากนั้นรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ บ่ายโมงครึ่งก็นั่งสมาธิรวดไปถึง 4-5 โมงเย็น พอกลางคืนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยประมาณ 6 โมงเย็นก็มานั่งสมาธิต่อรวดยาวจนถึง 3 ทุ่ม วันหนึ่งนั่งสมาธิ 4 รอบ


    มีอยู่คราวหนึ่งหมู่คณะส่วนหนึ่งนั่งสมาธิเสร็จช่วงบ่ายๆ แล้วก็เดินลงมาจากที่นั่งสมาธิเรือนตำหนักซึ่งอยู่บนเนินสูง มีลักษณะเป็นยอดเนินและมีถนนรอบเนิน มีบ้านเกาะเนินไปตามทางถนน ซึ่งทางเข้าบ้านก็ออกแบบสวยงามตามธรรมชาติ คือ ใช้ตอไม้ตอโตๆ มาทำแทนขั้นบันไดให้เราเดินลงไปเรื่อยๆ ส่วนตัวเรือนที่ปลูกไว้เป็นบ้านแบบมีเสายกฟื้นขึ้นมา
    คราวนี้หมู่คณะก็เดินลงบันไดที่ทำจากตอไม้เป็นแถวมาประมาณ 4-5 คน ค่อยๆเดินไป ก้มดูตอไม้ไป พอใกล้จะถึงบ้านพักเงยหน้าขึ้นมาดูก็ตกใจ เพราะปรากฎว่าเจอใครก็ไม่รู้ใส่ชุดไทยสวยงามมานั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน กำลังก้มหน้าก้มตาแกว่งขาเล่น ท่าทางสบายอกสบายใจ พอคนที่กำลังแกว่งขาเล่นอยู่นั้น เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นคณะผู้ปฏิบัติธรรม 4-5 คนกำลังเดินลงมาก็ตกใจเหมือนกัน เลยตีลังกาม้วนเข้าใต้ถุนหายวับไปเลย เรียกว่าคนก็ตกใจผี ผีก็ตกใจคน อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน เห็นกันกลางวันแสกๆ พร้อมๆกัน ทั้ง 4-5 คน บางทีพอคณะหนึ่งปฏิบัติธรรม 7 วัน เสร็จเรียบร้อยก็กลับไป แล้วก็มีคณะใหม่ขึ้นมาแทน มีบ้างบางช่วงที่เว้นว่างไป แต่ก็มีคนอยู่ประจำที่นั่น ซึ่งท่านเป็นอุบาสิกาชื่อ ถวิล บวชเป็นแม่ชี แต่ก่อนท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนประถมนนทรี เป็นหมู่คณะรุ่นบุกเบิกสร้างวัดพระธรรมกาย ต่อมาลาออกจากราชการแล้วมาปฏิบัติธรรม บวชเป็นแม่ชีแล้วก็มาปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อ ซึ่งท่านก็นั่งธรรมะได้ดีพอสมควร


    เมื่อคณะผู้ปฏิบัติธรรมกลับกันหมดแล้ว ท่านก็พักที่บ้านทหารไทยคนเดียว รอผู้ปฏิบัติธรรมรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมา แต่แปลกดีที่บางทีท่านก็เห็นในห้องน้ำมีมือใครก็ไม่รู้เอื้อมออกมาจับลูกบิดข้างนอก ท่านก็รู้สึกว่าใจมันหวิวๆ เหมือนกัน
    เพราะท่านอยู่คนเดียวไม่มีใครอื่น แต่ด้วยความอยากรู้จึงตั้งสติมั่นเอาใจจรดกลางองค์พระในตัวแล้วเดินเข้าไปที่ห้องน้ำนั้น คิดว่าเปิดประตูเข้าไปดูเลยดีกว่า ให้เห็นจะจะว่ามือนั่นเป็นของใคร พอทำใจแข็งเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ มือนั้นก็ค่อยๆรูดถอยไป พอเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปถึงก็ไม่พบใครอย่างนี้ก็มี
    บางทีท่านเข้าไปนอนอยู่ในมุ้งแล้วก็มีเสียงดังก๊อกๆ แก๊กๆ ที่ประตูทางเข้าใหญ่ ซึ่งเรือนหลังใหญ่มีห้องพักแยกย่อยอยู่ 4-5 ห้อง ตัวเองอยู่ในห้องย่อยได้ยินเสียงดังจากประตูใหญ่ เสียงก๊อกๆ แก๊กๆ จึงนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานมาเอาน้ำอัดลมในตู้เย็นไปดื่ม แต่เพื่อความแน่ใจเลยตะโกนถามไปว่า “ นั่นใครหรือ ” อุตส่าห์ตะโกนถามเสียงดัง ปรากฎว่าเสียงตอบกลับเป็นเสียงกระซิบที่ริมมุ้งว่า “ คน ” อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน

------------------------------------------------------------------------------------

ไขปัญหาความเชื่อ
รวบรวมหลักธรรมคำบรรยายของ "พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฆ" ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ อดีตชาติ การแก้กรรม ชีวิตหลังความตาย และข้อคิดจาดความตาย เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นหนทางสู่ความสุข ความสงบภายในจิตใจ ถ่ายทอดด้วยสำนวนภาษาอ่านง่าย ให้ข้อคิดอันหลากหลาย ซึ่งคุณสามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี


http://tltpress.com/book004.html#

ซีเอ็ดบุ๊ค เซนเตอร์

ร้านนายอินทร์

ศูนย์หนังสือจุฬา

 

 

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0010617812474569 Mins