รู้ทันโรคมะเร็ง
มีสถิติที่น่ากลัวจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งรายใหม่ๆ ประมาณ 100,000 คน และในจำนวนนั้นมีประมาณ 60,000 คนที่เสียชีวิต ถ้านับเป็นรายวันแล้วจะมีผู้เสียชีวิตถึงประมานวันละ 152 ราย หรือ 6 คนต่อชั่วโมง ถือว่า “ มะเร็ง ” เป็นโรคร้ายแรงที่ใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที
“ มะเร็ง ” โรคร้ายใกล้ตัว
โดยภาพรวมแล้วโรคมะเร็งเกิดจากการกลายพันธุ์ในยีนปกติของร่างกายคนเราจะมีเซลล์อยู่หลายชนิด เมื่อเซลล์บางส่วนตายไปก็จะมีการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ ในการสร้างเซลล์ใหม่นั้นจะต้องอาศัยแม่แบบของเซลล์เดิมเป็นต้นแบบ เช่น ตับของคนเรามีอายุไม่เกิน 4 เดือน เซลล์ผิวหนังมีอายุเพียง 21 วัน เลือดของเราก็มีอายุประมาณ 90 วันเท่านั้น ในระหว่างที่ร่างกายของเราต้องใช้แม่แบบเดิมในการสร้างเซลล์ใหม่นานๆ เข้า จึงมีโอกาสเกิดการผิดพลาด เนื่องจากตัวแม่แบบอาจจะโดนโจมตีจากไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือรังสีต่างๆ
ยกตัวอย่างถ้าเราเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ ก็จะได้รับรังสีคอสมิก ตลอดจนสารเคมี สารพิษต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อยีน ซึ่งประมาณ 70 % มาจากสิ่งแวดล้อมสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบ ต่อเซลล์ทั้งนั้น อีก 30 % ที่เหลือเกิดจากกรรมพันธุ์ โดยตัวยีนเองอาจจะมีส่วนของความผิดพลาดทางพันธุกรรมมาตั้งแต่กำเนิด โดยได้รับมาจากพ่อแม่ญาติพี่น้อง สุดท้ายก็เลยทำให้เซลล์มีการกลายพันธุ์ คือ ถูกทำลายกัดกร่อนไป ส่งผลให้เซลล์ที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่สามารถทำงานได้สมบูรณ์ กลายเป็นเซลล์ด้อยคุณภาพ และยังเป็นพิษต่อร่างกาย
ปกติร่างกายคนเราสามารถกำจัดเซลล์ด้อยคุณภาพนี้ทิ้งได้ แต่ “ เซลล์มะเร็ง ” เกิดจากระบบกำจัดเซลล์ผิดปกติของร่างกายทำงานไม่เต็มที่ ทำให้เซลล์ผิดปกติเหล่านี้รวมตัวกันสะสมเซลล์กลายพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ จากหนึ่งเซลล์เพิ่มเป็นสองเซลล์ จากจุดเดียวขยายเป็นหลายจุด เมื่อมีการกลายพันธุ์ที่จุดหนึ่งก็กลายเป็นต้นแบบให้สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาอีก เซลล์ใหม่ก็เลยกลายพันธุ์เพิ่มเป็นจุดที่สอง สาม สี่ ห้า พอเป็นสิบจุดมันก็กลายเป็นเซลล์หน้าตาประหลาด ถ้าเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นที่ตับเรา เซลล์ตับก็ทำงานไม่ได้เพราะถูกเซลล์มะเร็งกินจนกลายพันธุ์ไปนั่นเอง
ใครมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งได้บ้าง
ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ทั้งนั้น เพราะในปัจจุบันสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรามีพิษมาก ส่วนคนที่เคยมีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งก็ยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นไปอีก คนที่ชอบกินอาหารที่มีอนุมูลอิสระมาก เช่น อาหารที่ใช้ความร้อนสูงประเภท ทอด ปิ้ง ย่าง หรือคนที่ชอบกินผัก แต่ว่าผักปนเปื้อนสารพิษจากยาฆ่าแมลง กระทั่งคนที่ชอบกินปลาเพราะคิดว่าปลาเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่ว่าจริงๆแล้ว ในปัจจุบันปลามีสารปรอทปะปนอยู่ทุกตัวมากน้อยต่างกันไป
ปลาประเภทกินเนื้อเช่น ปลาที่กินปลาด้วยกันเองมีสารปรอทมากกว่าปลาชนิดอื่นๆ เนื่องจากเกิดสภาวะที่โรงงานปล่อยสารพิษขึ้นอากาศ หรือเราใส่สารเคมีในการปลูกพืช เมื่อฝนตกลงมาสู่ดิน ฝนชะสารพิษในดินลงมาในน้ำจืดแล้วไหลลงไปในน้ำทะเลปลาจึงได้รับสารปรอททุกตัว ดังนั้น เราทุกคนจึงมีสิทธิ์ที่จะเป็นมะเร็งได้ด้วยกันทั้งนั้น
วิธีสังเกตความผิดปกติของตัวเอง
“ มะเร็ง ” ไปอยู่ที่ไหนก็เกิดโรคที่นั่น ดังนั้น ถ้าเราปวดหัวบ่อยๆ ก็ควรจะเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์ ลองสแกนสมองดู เพราะอาจจะพบเนื้อมะเร็งที่เยื่อหุ้มสมองก็เป็นได้ หรือถ้าเรามีอาการปวดท้องบ่อยๆ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ เพราะอาจจะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งตับอ่อนก็ได้ มะเร็งมีอาการเฉพาะที่ ปรากฏที่ไหนก็จะออกอาการตรงนั้น ถ้าเราพบว่าร่างกายมีอาการผิดปกติก็ควรรีบเข้ารับการตรวจร่างกายทันที อย่านิ่งนอนใจปล่อยไว้จนโรคร้ายลุกลาม
เมื่อรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง
ปัจจุบันมีการศึกษาครั้งใหญ่ โดยการนำผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา และทั่วประเทศออสเตรเลียมารวมกันเพื่อทำการวิจัย ได้ผลสรุปว่า ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษากับผู้ป่วยที่ไม่เข้ารับการรักษามีผลแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษามีโอกาสรอดเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 5 %
ในต่างประเทศผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดผ่านไป 5 ปี มีคนรอดชีวิตเพิ่มขึ้นไม่ถึง 5 % จึงอาจสรุปได้ว่า ในปัจจุบันเราต้องบูรณาการการรักษาโรคมะเร็งประกอบกันหลายวิธี เช่น เปลี่ยนแปลงวิธีชีวิตของตัวเอง เปลี่ยนแปลงอาหารการกิน หรือใช้สมุนไพรในการรักษาร่วมด้วย จะพึ่งแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเดียวคงไม่พอ ประเทศเยอรมนีมีสถาบันที่เน้นการรักษามะเร็งแบบบูรณาการครบวงจร เช่น การใช้ความร้อนในการรักษาโรค หรือการดึงพลังทางด้านจิตใจเข้ามาช่วย กระทั่งการป้องกันด้านภูมิต้านทานวิทยา ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางใหม่
แนวทางด้านภูมิต้านทานนั้นจะเป็นการรักษาของอนาคตโดยการหาวิธีเสริมภูมิต้านทานในตัวเรา เพื่อให้ภูมิต้านทานไปกำจัดเชื้อมะเร็งด้วยตัวของมันเอง การเสริมภูมิต้านทานในตัวเรามีหลากหลายวิธีด้วยกัน ยกตัวอย่าง การใช้สารกระตุ้นจากภายนอก เช่น สารสกัดจากเห็ดบางชนิดของทิเบตที่มีตัวกระตุ้นภูมิอยู่ หรือใช้วิธีการดูดภูมิต้านทานในตัวเราที่ใช้ไม่ได้แล้วออกมาจากเลือด ประมาณ 200 ซีซี. หลังจากนั้นนำไปเลี้ยงให้แข็งแกร่งขึ้นจนกระทั่งเพิ่มขนาดขึ้นมาอย่างน้อย 100 เท่า แล้วใส่กลับเข้าไปในร่างกายอีกครั้ง ซึ่งวิธีการนี้ ปัจจุบันได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น ส่วนในประเทศไทยก็เริ่มมีการนำมาใช้รักษาบ้างแล้ว
แนวทางป้องกันรักษาโรคมะเร็ง
ถ้าตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะแรก เราก็มีโอกาสรักษาให้หายได้มากขึ้น แต่ปัญหาคือผู้ป่วยหลายรายกว่าจะตรวจพบมะเร็งก็ป่วยระยะสุดท้ายแล้ว การตรวจสุขภาพประจำปีจึงช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ โดยการตรวจดูว่ายีนกลายพันธุ์หรือยัง เรามีโอกาสเป็นมะเร็งได้มากน้อยแค่ไหน เราสามารถตรวจสอบระดับของยีนได้ ซึ่งจะตรวจพบยีนผิดปกติตั้งแต่ยังไม่เกิดมะเร็ง
ยกตัวอย่าง แองเจลิน่า โจลี่ นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ตรวจพบยีนผิดปกติในร่างกาย ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมสูงถึง 80 % และมะเร็งรังไข่ถึง 60% เพราะฉะนั้นแองเจลิน่า โจลี่ จึงตัดสินใจผ่าตัดเต้านมและรังไข่ทิ้งไปก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง
วิธีการนี้ได้รับการนิยมทางการแพทย์ว่า ถ้าผู้ป่วยตรวจพบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งสูง ก็มีสิทธิ์ว่าจะเข้ารับการรักษา หรือจะตัดสินใจตัดทิ้งไปเลยก็ได้ ปัจจุบันในต่างประเทศมีการสนับสนุนการศึกษาเรื่องการตรวจยีนเพิ่มมากขึ้น จึงมีข้อมูลในการนำมาใช้ประกอบการรักษาเพื่อให้คุณภาพชีวิตของผู้อื่นดีขึ้น ถือว่าเป็นแนวทางการป้องกันรักษามะเร็งที่ดีทางหนึ่ง สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ปรากฏว่าสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นสามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ถ้าเราหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในชุมชนที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อหวัดมากๆ ก็จะลดโอกาสที่เซลล์ในร่างกายของเราจะถูกโจมตีด้านภูมิต้านทาน เป็นต้น
ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็ง ทำให้เซลล์กลายพันธุ์ ภูมิต้านทานตก เชื้อซ่อนเร้นอยู่ในตัว ทำให้ภูมิต้านทานมองไม่เห็น ผ่านไปไม่เกิน 15 ปี ถึงพบว่าเป็นมะเร็ง เราควรพยายามป้องกันไม่ให้สารพิษเข้าสู่ร่างกายโดยการเลือกกินอาหาร เลือกอากาศหายใจ เลือกที่จะป้องกันไม่ให้สารพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย เช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยความร้อนสูงทุกชนิด เพราะเมื่อเนื้อเยื่อของอาหารถูกความร้อนสูงๆ จะก่อให้เกิดมะเร็งได้ แม้แต่อาหารดีๆ มีคุณประโยชน์ที่เรานำไปทอดด้วยความร้อนสูง ปรากฏว่าอาหารส่วนที่อยู่ในน้ำมันมีสารชนิดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งได้เหมือนกัน แต่ถ้าเราใช้วิธีนึ่งหรือตุ๋น เมื่อเปรียบเทียบกับทอดแล้วปรากฎว่า อาหารที่ทอดเพียง 10 นาที มีสารก่อมะเร็งสูงกว่าอาหารที่นำไปตุ๋นตลอดทั้งคืน เนื่องจากใช้ความร้อนต่ำจึงไม่เกิดสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งนั่นเอง
--------------------------------------------------------------------------
หนังสือ " รู้ทันชีวิต "
ธรรมะขัดเกลานิสัย สร้างสุขภาพที่ดี ให้ร่างกายพร้อมสร้างบารมีต่อไป
โดย พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ