พุทธภาษิตสอนใจ
การผูกเวร
คือ การอาฆาตหรือเกลียดกัน ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น ซึ่งเกิดจาก “ทิฐิ (มิจฉาทิฐิ – ความเห็นผิด) และมานะ (ความถือตัว)”
การผูกเวรนี้ เป็นการทำลายมิตรภาพ ทำลายความเจริญ รุ่งเรืองของสังคม พระพุทธเจ้าทรงปรารภการจองเวรของนางยักษิณีกับนางกุลธิดา ที่ผูกเวรทำร้ายกันผลัดกันฆ่าลูกมาหลายชาติเมื่อมาพบพระพุทธเจ้า เวรจึงได้จบลงในชาตินี้ จึงได้ตรัสยกตัวอย่างการจองเวรของหมีกับไม้สะคร้อ, เวรของกากับนกเค้า และเวรของงูเห่ากับพังพอน ที่จองเวรกันทุกชาติจนมาถึงปัจจุบัน ทั้งสามคู่นี้ เจอกันเมื่อไรก็ต้องกัดกัน ทำร้ายกันอยู่ตลอด เพราะได้ผูกเวรหรือจองเวรกันมาตั้งแต่อดีตชาติ (อ่านรายละเอียดได้ในชาดก)
มีพุทธภาษิตกล่าวว่า “อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม เย จ ตํ นูปนยฺหนฺติ เวรํ เตสูปสมฺมติ แปลว่า คนเหล่าใดไม่คิดอาฆาตว่า... มันด่าเรา มันทำร้ายเรา มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา... เวรของเขาย่อมจบลงได้”
ใครด่าเรา ใครเกลียดเรา ถ้าไม่คิดอาฆาตตอบ แผ่เมตตาให้กัน เวรก็จบลง และว่า “อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ อชินิ มํ อหาสิ เม เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ เวรํ เตสํ น สมฺมติ แปลว่า ก็คนเหล่าใดคิดอาฆาตว่า... มันด่าเรา มันทำร้ายเรา มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา... เวรของเขาย่อมไม่จบลง” หากไม่ยอมกัน ด่าตอบ ทำร้ายตอบ ก็จองเวรกันไปเรื่อยๆ
หากจิตใจของพวกเรามีเมตตา (ความรัก) มีกรุณา (ความสงสาร) มีมุทิตา (ยินดีกับผู้ที่ได้ดี) มีอุเบกขา (รู้จักปล่อยวางบ้าง) การผูกเวรจะหมดไปได้