ชาดก 500 ชาติ
ปัณณิกชาดก ชาดกว่าด้วย ที่พึงให้โทษ
ณ เมืองสาวัตถีเมื่อครั้งพุทธกาลนั้น ยังมีอุบาสกผู้หนึ่งซึ่งประกอบสัมมาชีพในการค้าขายผักต่างๆ เลี้ยงชีวิต เขามีบุตรีผู้มีรูปร่างงดงามและมีดวงหน้าอิ่มเอิบแจ่มใสอยู่ผู้หนึ่งซึ่งไม่เพียงแต่นางจะมีความสวยงามในรูปลักษณ์เท่านั้น แต่นางยังงามสบูรณ์ด้วยมารยาทและความประพฤติอันน่าชื่นชมยิ่ง
กิริยาเพียงประการเดียวที่อุบาสกผู้เป็นบิดายังไม่วางใจในตัวบุตรี นั้นคือ เธอผู้นี้ชอบส่งเสียงหัวเราะระรื่นอยู่เสมอ “ ผักผลไม้มาแล้วจ้า มีทั้งแตงกว่า ลูกฝัก น้ำเต้าก็มีนะจ๊ะสดๆ ทั้งนั้นเลยจ้า สนใจแวะทางนี้ได้นะจ๊ะ ”
ครั้นอยู่ต่อมาได้มีมีผู้ใหญ่จากสกุลที่คู่ควรได้มาทาบทามขอบุตรีอุบาสกให้กับบุตรชายของตน ทำให้อุบาสกผู้เป็นบิดารู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย “ ท่านอุบาสก ลูกสาวของท่านช่างงามจริงๆ การบ้านการเรือนรึก็คล่องแคล่ว ข้าก็เลยอยากมาทาบทามและก็สู่ขอให้แต่งงานกับลูกชายของข้า ท่านจะว่าอย่างไร ”
“ ข้าเองก็มิได้รังเกียจท่าน กับลูกชายของท่านหรอกนะ แต่เพียงเรื่องนี้ลูกสาวของข้ายังไม่ทราบมาก่อน ขอให้ข้าได้หารือกับนางก่อนเถิด แล้วข้าจะเร่งให้คำตอบท่าน ” “ อ่อ ก็ดีเหมือนกันไว้ข้าจะรอฟังข่าวดีจากท่านอุบาสกนะ ” “ ได้ๆ ข้าขอบคุณท่านจริงๆ ที่เอ็นดูลูกสาวข้า แล้วข้าจะรีบส่งข่าวไปนะ ”
อุบาสกผู้เป็นบิดานั้น ด้วยยังไม่มั่นใจว่าบุตรีของตนมีคุณสมบัติอันเหมาะควรที่จะเป็นสะใภ้แล้วหรือไม่ ทั้งเกรงว่าหากแม้นนางยังขาดคุณสมบัติของกุลสตรี แต่ต้องออกเรือนเดินไปสู่ตระกูลสามี ย่อมเป็นที่ครหาถึงมารดาบิดาและวงตระกูลได้
ดังนั้นเขาจึงครุ่นคิดอยู่ในใจถึงวิธีการที่จะทดสอบบุตรีผู้มีใบหน้าระรื่นอยู่เสมอนี้ ว่าเป็นผู้ยังด้วยกุมาริกาธรรม คือถึงพร้อมด้วยหิริ โอตับปะ แล้วหรือไม่ (เราต้องลองใจลูกสาวคนนี้ดูสักหน่อยเอาละ ใช้วิธีนี้แหละ) “ ลูกเอ้ย เช้าวันนี้ เจ้าออกไปเก็บผักในป่ากับพ่อนะ พ่ออยากให้ลูกไปช่วยถือตะกร้าผักสะหน่อย ” “ ไปสิจ๊ะพ่อจ๋า เดี๋ยวลูกจะไปเตรียมตะกร้านะจ๊ะ ” “ ดีแล้วลูก รีบไปแต่เช้า จะได้รีบกลับ ตอบบ่ายเราก็จะได้เอาผักไปขายกัน ” “ จ๊ะพ่อ ”
เมื่อไปถึงกลางป่า อุบาสกก็เริ่มทำตามแผนของตนทันที เขาแสร้งกล่าวถ้อยคำเล้าโลม จับมือบุตรีเอาไว้แน่นแล้วทำท่าจะโอบกอด ทำทีประหนึ่งถูกกิเลสรัดรึงจนไม่อาจทานทนได้ด้วยเจตนาที่ทดสอบจิตใจของบุตรีนั้นเอง “ ลูกรักของพ่อ เจ้ารู้ตัวไหมว่า เจ้ายิ่งโตก็ยิ่งสวยถูกใจพ่อจริงๆ พ่อเฝ้ามองเจ้ามานาน วันนี้เป็นโอกาสดีแล้ว มาให้พ่อกอดเจ้าให้สมกับที่พ่อรักหน่อยเถิด ”
“ อุ๊ย พ่อจ๋า ทำไมพ่อพูดอย่างนั้นละจ๊ะ พ่อ พ่อ จับมือลูกไว้ทำไม พ่อปล่อยลูกเถิดนะจ๊ะพ่อจ๋า ” “ พ่อไม่ปล่อย พ่อรอเวลานี้มานานแล้วนะ ลูกรักของพ่อ ” “ โธ่ พ่อจ๋า นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเลยนะจ๊ะ พ่อผู้เปรียบเสมือนสายน้ำเย็นฉ่ำ เป็นที่พึ่งของลูกเสมอมาบัดนี้กลับจะเปลี่ยนเป็นเปลวไฟที่ร้อนแรง แผดเผาลูกเสียได้อย่างไร พ่ออย่าทำอย่างนี้เลยนะจ๊ะ ปล่อยลูกไปเถิด ลูกเป็นลูกของพ่อนะจ๊ะ ”
อุบาสกผู้เป็นพ่อค้าผัก เห็นท่าทางของบุตรีเช่นนี้ก็ประจักษ์แก่ใจตน เขาหยุดการกระทำอันไม่สมควรนั้นด้วยความยินดีและปลอดโปร่งใจพลางกล่างปลอบประโลม และถามย้ำบุตรีด้วยมธุรสวาจาว่า “ ลูกรัก เจ้าจงหยุดร้องไห้เสียเถิด บิดาของเจ้ามิได้มีจิตใจต่ำช้าเช่นนั้น การกระทำเมื่อสักครู่นี้ พ่อเพียงต้องการทดสอบกุมารธรรมในใจของเจ้าเท่านั้นเอง เจ้าจงวางใจในคุณธรรมของพ่อเถิด ”
“ พ่อจ๋า จริงหรือจ๊ะพ่อ พ่อแค่ต้องการลองใจลูกจริงๆ เท่านั้นนะจ๊ะ ” “ นั่นเป็นความจริงแท้ลูกรัก เจ้าจงบอกพ่อให้กระจ่างเถิดว่า เดี๋ยวนี้เจ้ามีกุมาริกาธรรม คือหิริโอตับปะ คือความละอายและเกรงกลัวต่อการกระทำชั่วแล้วหรือไม่ ”
“ ลูกมีแล้วจ๊ะพ่อจ๋า เพราะลูกไม่เคยมองผู้ชายคนไหนด้วยจิตที่ฝักใฝ่อยากจะได้ตัวเขาเลย ” “ ลูกเอ๋ย พ่อภูมิใจในตัวลูกจริงๆ ” เมื่อวางใจในความเป็นกุลสตรีของบุตรีดังนี้ อุบาสกผู้เป็นพ่อค้าผักจึงจัดให้มีการมงคลสมรสก่อนจะส่งตัวบุตรีให้เข้าไปสู่ตระกูลของสามีนางต่อไป
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจอันเป็นมงคลแล้ว อุบาสกพ่อค้าผักจึงครุ่นคิด ถึงการที่จะไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาที่พระเชตวันมหาวิหาร “ การมลคลขอลลูกสาวเราก็เสร็จสิ้นแล้ว เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์แล้ว ออกเดินทางเลยดีกว่า ”
ครั้นถึงพระเชตวันมหาวิหาร ได้ถวายเครื่องหอมและดอกไม้ เห็นการบูชาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว อุบาสกพ่อค้าผักจึงกราบทูลถึงเหตุการณ์ที่ตนทดสอบจิตใจบุตรี แด่สมเด็จพระบรมศาสดา พระพุทธองค์เมื่อสดับแล้วจึงตรัสกับอุบาสกพ่อค้าผู้นั้นว่า
“ อุบาสก กุมาริกราถึงพร้อมแล้วด้วยมารยาทและศีลนานแล้วเทียว อนึ่งท่านมิใช่เพิ่งจะทดลองนางอย่างนี้ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อน ท่านก็เคยทดสอบจิตใจบุตรีนางนี้มาแล้วดุจเดียวกัน ”
“ ข้าแต่พระพุทธองค์ ขอได้โปรดทรงเล่าเรื่องราวในครั้งนั้นประทานแก้ข้าพระองค์ด้วยเถิด ” ครั้นแล้วสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงนำเอาเรื่องราวในอดีตมาสาทกดังต่อไปนี้
ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดาในป่า ครั้งนั้นในนครพาราณสีมีพ่อค้าผักคนหนึ่งใคร่จะทดสอบกุมาริกาธรรมในบุตรีก่อนจะส่งตัวไปสู่ตระกูลสามี จึงชักชวนบุตรีเข้าไปเก็บผักในผักในป่า และในอดีตกาลครั้งนั้นพ่อค้าผักก็ได้กระทำการที่ทำให้บุตรีเข้าใจว่า
ผู้เป็นบิดาบังเกิดกิเลสรัดรึงใจอย่างหนักเช่นเดียวกับอุบาสกผู้เป็นพ่อค้าผักได้กระทำในกาลนี้ “ ลูกพ่อบัดนี้เจ้าเติบโตเป็นสาวงาม จนพ่อไม่อาจหักห้ามราคะในใจได้ มาเถอะขอให้พ่อได้สัมผัสกายของเจ้าสักหน่อยเถอะนะ ” “ พ่อจ๋า พ่อที่ประเสริฐของฉัน ทำไมพ่อทำอย่างนี้ละ พ่อปล่อยมือลูกเถิดนะจ๊ะ อย่าทำอย่างนี้กับลูกเลยนะ พ่อ ”
การกระทำดังกล่าวของพ่อค้าผัก ล้วนอยู่ในสายตาของรุกขเทวดา ผู้สถิตอยู่ ณ ป่าแห่งนั้นโดยตลอด และด้วยหยั่งรู้ถึงจิตใจของพ่อค้าผักว่า ฝืนกระทำการอันหยาบต่ำไปด้วยเจตนาลองใจบุตรี รุกขเทวดาจึงเฝ้ามองเหตุการณ์นั้นอยู่อย่างสงบ
“ เถอะน่าลูก ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ไม่มีใครรู้เห็นหรอก เจ้าอย่าขัดขืนพ่อเลย มามะ ลูกรักของพ่อ ” บุตรีของพ่อค้าเมื่อถูกผู้เป็นบิดาลองใจเช่นนี้ ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น และร่ำร้องกล่าวถ้อยคำอันลึกซึ้งขึ้นมาว่า “ พ่อจ๋า ที่ผ่านมายามเมื่อฉันมีทุกข์ ผู้ใดเล่าเป็นที่พึ่ง คนผู้นั้นก็คือพ่อ ตอนนี้พ่อกลับมาทำบัดสีกับฉันในป่า ฉันจะร่ำร้องให้ใครช่วยได้ละจ๊ะ ก็ในเมื่อผู้ที่เป็นที่พึ่งของฉันกลับเป็นผู้ทำกรรมอันสาหัสเสียเองอย่างนี้ พ่อจ๋า ได้โปรดปล่อยลูกเถิดจ๊ะ ฮือๆๆ ”
พ่อค้าผักผู้ประสงค์จะลองใจบุตรี ปลาบปลื้มประโลมใจยิ่งนักเมื่อเห็นกิริยาของบุตรีเช่นนี้ เขาปลอบโยนบุตรีอย่างอ่อนโยน “ลูกรักของพ่อ พ่อแจ้งแก่ใจ ในกุมาริกาธรรมของเจ้าแล้วบัดนี้ พ่อขอถามเจ้าอีกครั้งว่า เจ้ารักษาตนได้ดีแล้วหรือ ” “ จ๊ะพ่อ ฉันรักษาตนเองได้ ”
สิ้นคำของบุตรีพ่อค้าผัก รุกขเทวดาที่กำบังกายอยู่ด้วยฤทธาแห่งเทพก็ปรากฎร่างขึ้นพร้อมกับเปล่งเสียงสาธุการกังวาลไปทั่วทั้งป่าแห่งนั้น ครั้นแล้วพ่อค้าผักจึงพาบุตรีกลับเรือนแล้วจัดทำการมงคลก่อนส่งตัวบุตรีไปสู่สกุลสามี “ ข้าขอฝากลูกสาวที่เป็นความภาคภูมิใจของข้าคนนี้ให้อยู่ในความดูแลของบุตรชายท่านเถิด ” “ ข้าขอขอบคุณที่ท่านไว้ใจให้บุตรชายข้าได้ดูแลลูกสาวท่าน ท่านวางใจเถิด พวกเราจะยกย่องและดูแลหญิงผู้มีคุณสมบัติแห่งกุลสตรีคนนี้อย่างดีที่สุด ”
เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงนำพระธรรมเทศนานี้ มากล่าวสาทกเสร็จสิ้นแล้ว อุบาสกผู้นั้นก็สำเร็จในโสดาปัตติผล พระศาสดาจึงทรงประชุมชาดกว่า
บิดาในครั้งนั้น ได้มาเป็นบิดาในครั้งนี้
ธิดา ก็คงมาเป็นธิดา
ส่วนรุกขเทวดาผู้เห็นเหตุการณนั้นโดยประจักษ์ ได้มาเป็นเราตถาคต