อรรถกถา กุนตินีชาดก
ว่าด้วย การเชื่อมมิตรภาพ
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่กลุ่มพระภิกษุกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกัน อยากออกรสออกชาติอยู่ ภิกษุรูปหนึ่งได้กล่าวขึ้นว่า "ท่านเคยได้ยินเรื่องนกกระเรียนไหม" ภิกษุอีกรูปตอบอย่างรวดเร็ว "ไม่เคยครับท่าน" "ถ้าอย่างนั้นผมขอเล่าให้ฟังนะครับ"
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนกกระเรียนตัวหนึ่งมีหน้าที่นำจดหมายไปส่งยังต่างแดน ตามคำสังพระราชาซึ่งตัวนางนกกระเรียนนั้น มีลูกน้อยอยู่ ๒ ตัว ทุกครั้งที่ตนเองออกเดินทางไปทำหน้าที่ มักจะฝากฝังคนในวังในช่วยดูแลลูกน้อยเสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง นกกระเรียนได้รับมอบหมายภาระกิจให้ส่งจดหมายยังประเทศหนึ่ง ซึ่งไกลมากใช้เวลาหลายวัน และก็เป็นอย่างเช่นเดิม นางได้ฝากฝังลูกรักทั้งสองไว้กับ คนดูแล
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น เมื่อนางนกกระเรียนเดินทางกลับมาถึงราชวัง กลับพบว่า ลูกทั้งสองของตนได้กกลายเป็นศพนอนกองอยู่กับพื้น ไปแล้ว
ไม่นะลูกแม่ ! ตึกๆ ตึกๆ นางนกกระเรียนวิ่งเข้าไปกอดศพลูก ใครฆ่าลูก! ความคับแค้นพุ่งปรี๊ดเข้าสู่หัวใจ ก่อนหันไปเห็นเด็กน้อย ที่นั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ นางจึงลุกขึ้น ปาดน้ำตา เดินตรงไปที่กลุ่มเด็กๆ ก่อนจะถามว่า "ใครฆ่าลูกของฉัน" เด็กน้อยกลุ่มนั้น ได้ยินคำถามพากันนิ่งเงียบ ก่อนที่จะชี้โบ๊ชี้เบ๊กล่าวโทษกันเอง นางนกกระเรียนได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งโกรธเจ้าเด็กน้อยมากขึ้นอีก จึงพยายามหาโอกาสแก้แค้น
วันหนึ่ง กลุ่มเด็กน้อยกำลังนั่งคุยกันเรื่องเสือโคร่งที่ถูกล่ามโซ่ อยู่ไม่ไกลจากวังมากนัก บังเอิญนางนกกระเรียนดันเดินผ่านมาได้ยินเข้าพอดี ก่อนคิดในใจว่า "หึ! ในที่สุดข้าจะได้แก้เเค้นเจ้าเด็กพวกนั้นสักที" นางนกกระเรียนจึงเดินตรงเข้าไปที่กลุ่มเด็กน้อย "เฮ้ พวกเจ้าจะไปกรงเสือโคร่งกันหรอ" "ใช่ มีอะไรหรือเจ้านกกระเรียน" "ไม่มีอะไรหรอกแค่ยากไปดูด้วย ตั้งแต่ข้าเกิดมายังไม่เคยเห็นเสือโคร่งตัวเป็นๆเลย" ''อื่มได้สิ งั้นตามพวกเรามาแล้วกัน''
ทั้งหมดเดินมาหยุดหน้ากรงเสือโคร่ง ก่อนจะมีเด็กคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น "เฮ้ยดูดิ เสือตัวใหญ่จัง" "จริงด้วย!" "งั้นเราเข้าไปดูใกล้ๆไหม" แม่นกกระเรียนพูดขึ้น "แต่เสือดุนะ" หนึ่งในกลุ่มเด็กพูด "พวกเจ้าไม่ต้องกลัวเสือโคร่งตัวนั้นหรอกเพราะถูกล่ามโซ่ไว้ไง ทำอะไรไม่ได้หรอก" นางนกกระเรียนเอ่ย "อื่มจริงด้วย" พวกเด็กๆต่างพากันเดินเข้าไปใกล้ นางนกกระเรียนสบโอกาส จึงใช้ปีกทางสองข้างผลักเด็กให้ล้มลงใกล้เท้าของเสือโคร่งก่อนจะโดนขย้ำกินจนตาย
นางนกยืนมองศพเด็กตรงหน้า บัดนี้ แค้นถูกชำระเรียบร้อยแล้ว จึงบินไปยังหิมวันตประเทศทันที
ภิกษุได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้วจึงนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภา ได้ยินว่า นางนกกระเรียน ผลักพวกเด็กที่ฆ่าลูกของตนให้ล้มลงที่ใกล้เท้าเสือโคร่ง แล้วบินไปยังหิมวันตประเทศ
พระพุทธเจ้าทรงผ่านมาพอดี จึงเอ่ยถามว่า "พวกเธอนั่งคุยกันเรื่องอะไรกันอยู่" "พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องนางนกกระเรียนเจ้าค่ะ" ภิกษุเอ่ย "อ่อเรื่องนั้นเองรึ "
พระพุทธเจ้าทรงทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อน "จริงๆ แล้วเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน" "ตอนนั้นเราคือพระราชาเจ้านายนางนกกระเรียนเอง"
ในวันนั้นจู่ๆนางก็ขอเข้าเฝ้ากระทันหันและเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ที่พวกเด็กๆที่ถูกฆ่า เพราะความประมาทของเราเอง ถ้าวันนั้นพระองค์ทรงกำชับคนดูแล ลูกของกระหม่อม จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแน่นอน
พระพุทธเจ้าทรงนิ่งไปพักนึง ก่อนจะพูดต่อ จากนั้นนางนกกระเรียนกล่าวขอโทษและขอบคุณพระราชา ก่อนที่จะขอลากลับไปป่าหิมพานต์ "นางนกกระเรียน ท่านจงอยู่เถิด อย่าไปเลย" คนที่ทำกรรมชั่วร้าย ไม่ว่าจะทารุณ ฆ่าลูกของตน เมื่อแก้เเค้นด้วยสำเร็จ ย่อมรู้สึกว่าเราตอบโต้เขาได้แล้ว เวรนั้นย่อมสงบไปด้วย นางนกกระเรียนกล่าวตอบ "ท่านให้ข้าพเจ้าจากไปเถิด" ไม่มีมิตรไมตรีสำหรับการกระทำเช่นนี้หรอก ใจของท่านช่างประเสริฐยิ่งนักที่ไม่โกรธหรือเกลียดข้า ที่ได้ฆ่าลูกหลานของท่าน พระราชากล่าว "เดี๋ยวก่อน" มิตรภาพ ย่อมเชื่อมกันได้เสมอ
"จำได้ว่าตอนนั้นเราพยายามยื้อไม่ให้นางไป แต่สุดท้าย ก็ห้ามไม่ได้อยู่ดี" "เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละเเล้วอยากรู้ไหมว่าตอนนี้เจ้านกกระเรียนได้เกิดเป็นใครในชาตินี้""ครับ"ภิกษุเอ่ยอย่างสนอกสนใจ"ชาตินี้นางได้เกิดเป็นนกกระเรียนอีกครั้งในพระราชวังของพระเจ้าโกศล ในปัจจุบัน ไงล่ะ"