ชาดก 500 ชาติ รวมนิทานชาดกพร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ชาดก 500 ชาติ : ชาดก 500ชาติรวมชาดก 500 ชาติพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในอดีตชาติของพระโคตมพุทธเจ้า คือ สมัยที่พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่ พระองค์ทรงนำมาเล่าให้พระสงฆ์ฟังในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงหลักธรรมสุภาษิตที่พระองค์ทรงประสงค์ เรียกเรื่องในอดีตของพระองค์นี้ว่า ชาดก ชาดกเป็นเรื่องเล่าคล้ายนิทาน บางครั้งจึงเรียกว่า นิทานชาดก

ชาดก 500 ชาติ :: อรรถกถาปัพพชิตวิเหฐกชาดก ว่าด้วยกราบไหว้ผู้ควรกราบไหว้

อรรถกถา ปัพพชิตวิเหฐกชาดก

ว่าด้วย กราบไหว้ผู้ควรกราบไหว้

 


              ในอดีตสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในเมืองพาราณสี ในคืนเดือนมืดมีชายปริศนา กำลังลอยอยู่กลางอากาศ ร่างกำยำลอยผ่านกำแพงสูง ก่อนไปหยุดที่หน้าต่างบานใหญ่ ในเขตพระราชวัง ซึ่งถูกเปิดรับลมยามค่ำคืน  "ตึกๆ" เสียงฝ่าเท้ากระทบพื้น อย่างแผ่วเบา พร้อมเดินตรงไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณมุมห้อง "ช่างงดงามสมกับเป็นพระชายาจริงๆ" ชายหนุ่มเอ่ยชม ก่อนจะใช้มืออันหยาบกร้านตะปบเข้าที่ร่างอ้อนแอ้น "ใคร" หญิงสาวสะดุ้งตื่น "ท่านพี่หรือคะ" แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆจากตรงหน้า ดวงตาที่เคยหลับพริ้มค่อยๆลืมตาขึ้น ปรากฏใบหน้าหน้าชายที่ตนไม่รู้จักที่บัดนี้อยู่ใกล้เพียงคืบ "ช่วยด้วย!"  มือใหญ่บีบเข้าไปที่ริมฝีปาก พร้อมกับกระซิบอย่างแผ่วเบา  "ถ้าแหกปากตายแน่"  คืนนี้ตกเป็นของข้าเถิด "อย่าขัดขืนนะ ถ้าข้าไม่พอใจ พรุ่งนี้เธออาจจะไม่มีลมหายใจก็ได้" เสียงเหี้ยมเอ่ย หญิงสาวจึงปล่อยให้ชายแปลกหน้าทำตามที่ใจต้องการ ก่อนเวลาย่ำรุ่ง "ข้าไปก่อนนะน้องสาว เดี๋ยวมาหาใหม่" "ฮ่าๆ" เจ้าตัวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่ชายร่างกำยำจะเดินจากไป

 

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%871.jpg

 

 

                      เช้าของวันเดียวกัน พระเจ้าพรหมทัตเดินเข้ามาห้องส่วนพระองค์ แต่ไม่เห็นวี่แววของภรรยาตนแม้แต่น้อย พระราชามองไปยังบ่าวรับใช้ ก่อนเอ่ยถาม "พระมเหสีอยู่ไหนล่ะ" "เอ่อ......" สาวรับใช้ทำท่าอึกอัก "มีอะไรจะพูดกับข้าหรือ" ขณะบ่าวรับใช้กำลังจะเอ่ยขึ้น เสียงของพระมเหสีก็พูดแทรก พร้อมกับร่างบางที่ตอนนี้วิ่งเข้าโผกอดพร้อมกับใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา "เสด็จพี่ช่วยน้องด้วย" "เกิดอะไรขึ้น" พระราชามีท่าทีตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่มือใหญ่จะลูบเข้าไปที่ผมสีน้ำตาลเข้มอย่างเบามือ "น้องเป็นอะไร บอกพี่หน่อยได้ไหม ใครรังแกเจ้า" "ฮึกๆ เมื่อคืนมีคน แอบเข้ามาทำมิดีมิร้ายกับน้องเพคะท่านพี่" "ห้ะ...เจ้าว่าอะไรนะ!" ดวงหน้าผู้เป็นสามีก้มมองลงไปยังหญิงสาวที่ตอนนี้ยังคงกอดพระองค์แน่น "เจ้าพูดจริงหรือ" หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ มือใหญ่บีบแน่นจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดโปน "เจ้ารู้ไหมว่าเป็นใคร" "ไม่รู้เจ้าค่ะ" ก่อนผู้เป็นสามีใช้มือจับเข้าไปที่ไหล่บาง "น้องหญิงไม่เป็นไร พี่ไม่โกรธน้องหรอก แต่เรื่องแบบนี้ ถ้าปล่อยไปคงจะไม่ดีต่อตัวเจ้า ขอเวลาพี่สักครู่ พี่จะหาวิธีจับตัวคนร้ายมาให้ได้ "  เมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ พระองค์ได้เอ่ยขึ้น "เอาอย่างนี้ไหมเธอสามารถทำเครื่องหมาย หรือสัญญาณอะไรไว้ที่มันได้ไหม?" "ได้ค่ะท่านพี่" "ถ้าอย่างนั้นก็ดี เจ้าไปนำเอาถาดสีมาให้พระมเหสีด้วย" "พะย่ะข้า"

 

                       คืนต่อมา ชายหนุ่มแอบเข้ามาหาพระมเหสีอีกครั้ง ก่อนจะจากไปในยามรุ่งสาง เช้าวันต่อมา พระราชาตรงปรี่เข้ามาหาภรรยาของตนทันที ก่อนเอ่ยถาม "เมื่อคืนเจ้าชายชั่วนั้นเข้ามาหาเจ้าไหม" "มาเพคะ" "เจ้าได้ทำสัญลักษณ์ไว้รึเปล่า" "ทำค่ะ ชายคนนั้นมีรอยสีแดงอยู่ที่หลัง" "ดีมาก" รอยยิ้มอย่างผู้พึงพอใจปรากฎขึ้น  "เดี๋ยวพี่มานะ" ผู้เป็นสามีเดินออกจากห้องไปก่อนเดินตรงไปยังท้องพระโรง "ทหารเจ้าจงออกไปพากันตรวจดูในทั่ว ตามจับชายคนที่มีรอยสีแดงอยู่บนหลังมาให้ข้า" "พะย่ะข้า"
 

                       ณ สุสานที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเมืองพาราณสีมากนักมีชายคนหนึ่ง กำลังยืนขาเดียวนมัสการพระอาทิตย์ ขณะนั้นมีกลุ่มทหารเดินเข้ามาค้นหา หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น "นั่นใช่คนที่ตามหาไหม" พร้อมกับชี้ไปที่ชายยืนอยู่กลางสุสาน "เห็นรอยมือที่เปื้อนอยู่ด้านหลังไหม" " อื่ม น่าจะใช่" ก่อนที่จะเข้าไปล้อม ชายหนุ่มไว้ "เหตุใดถึงมาล้อมเช่นนี้เราทำอะไรผิดหรือ" "ยังจะกล้าถามอีกหรอ เจ้าคือคนชั่วที่แอบเข้าไปห้องพระมเหสี " "พวกท่านเข้าใจผิดรึเปล่า" "ยอมให้จับเสียดีๆ" ชายหนุ่มที่บัดนี้ยืนอยู่ใจกลางวงเอ่ย "ถูกจับได้แล้วละสิ เจ้าตัวยิ้มบางๆ พวกเจ้าจับข้าไม่ได้หรอก" ก่อนที่เจ้าจะร่ายมนต์ใส่ตัวเองก่อนเหาะไปกลางอากาศ

 

 

%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%872.jpg

 


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                    "เอ้ยหนีไปแล้ว!" หนึ่งในทหารเอ่ยขึ้น "เจ้านักบวชนั่นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว" "ชิ ตามไม่ทันแล้ว" "เหล่าทหารวิ่งตามจนเหนื่อย" "กลับไปรายงานพระราชากันเถิด" จากนั้นเหล่าทหารได้เดินทางกลับยังพระราชวังพาราณสี 

 

                      ณ ห้องท้องพระโรง เหล่าทหารเดินทางกลับมาเข้ามารายงานพระเจ้าพรหมทัต  พระองค์ถึงกับตบเข่าฉาด "เจ้าเห็นใบหน้าชายชั่วนั่นไหม" "ไม่เห็นพะย่ะข้า" "แล้วเจ้ารู้ไหมว่าเจ้านั่นคือใคร" "ไม่รู้เหมือนกันแต่ลักษณะการแต่งกายเหมือนบรรพชิต พะย่ะข้า" เมื่อได้ยินเช่นนั้น พระราชาถึงกลับหัวเสียก่อนพระองค์จะสบถขึ้น  "กลางคืนเที่ยวทำอนาจาร แต่เวลากลางวันทำตัวเป็นคนดี เพศสมณะ เนี้ยนะ ทำตัวไม่น่านับถือเสียจริง พวกเจ้าหลังจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ให้ทหารตีกลองประกาศให้ บรรพชิตทั้งหมดออกไปจากพาราณสีให้หมด ถ้าใครฝ่าฝืนลงโทษอย่างหนัก" "พะย่ะข้า"

 

                      หลายปีผ่านไป ณ สวรรค์สถานที่ท้าวสักกะทรงประทับอยู่ ขณะนั้นพระองค์ทรงเปิดรายชื่อคนตายถึงรู้สึกแปลกใจ "เกิดอะไรขึ้นทำไมคนที่ตายช่วงนี้ไม่มีใครได้ขึ้นสวรรค์เลย หรือเพราะชาวบ้านปล่อยปละละเลย" ก่อนทรงใช้ญาณ ย้อนดูเหตุการณ์ "อย่างนี้เองหรือ พระราชาทรงกริ้วไล่บรรพชิตออกจากแว่นแคว้น เพราะเหตุการณ์นั้นแท้ๆ เราคงต้องเปลี่ยนความคิดท่านเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นสถานการณ์คงจะแย่ลงไปเรื่อยๆ" จากนั้นจึงเสด็จไปสำนักพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ตั้งอยู่บนภูเขานันทมูลกะ "ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ขอให้พระปัจเจกพุทธเจ้าอาวุโสองค์หนึ่งแก่กระผมเถิด" "เพราะเหตุใดท้าวสักกะที่ชื่อว่าเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยฤทธิ์เดชถึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือเช่นนี้" "คือว่ากระผมอยากจะช่วยให้ราษฎรชาวพาราณสีกลับมาเลื่อมใสใบบรรพชิต อีกครั้ง เลยอยากจะขอให้พระปัจเจกพุทธเจ้าช่วย" "ถ้าอย่างนี้ได้สิ"

 

                     จากนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าอาวุโส ทรงเดินตรงมายังที่ท้าวสักกะ "เราพร้อมแล้ว ท่านให้เราช่วยอย่างไร" "พระคุณเจ้าขอยืมถือบาตรและจีวรของพระองค์ จากนั้นช่วยยืนอยู่ด้านหน้ากระผมด้วย" "อื้ม" ต่อมาท้าวสักกะแปลงกายเป็นหนุ่มรูปหล่อ "พระคุณเจ้าเราไปกันเถิดครับ" ทั้งสองลอยไปบนท้องฟ้าวนรอบพระนครทั้งก่อนมาหยุดที่ประตูพระราชวังยืนอยู่บนอากาศ


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                   "เอ้ยนั้น!" เหล่าบรรดาทหารอำมาตย์ ต่างมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทหารบางส่วนออกไปตามพระราชาเมืองพาราณสี "พระองค์ มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งนำเอาสมณะเฒ่าลอย อยู่บนอากาศตรงประตูพระราชวังพะย่ะข้า" "อย่างนั้นหรือ "  พระราชาจึงเสด็จตรงมายืนดูคนที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า ก่อนที่พระราชาทรงตรัสกับชายหนุ่มที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า "เธอนั้นเป็นผู้ที่มีรูปร่างงดงามแต่เหตุได จึงยืนถือบาตรและจีวรของสมณะผู้มีรูปร่างขี้เหร่ เช่นนี้" ท้าวสักกเทวราชจึงตรัสกับพระราชาว่า "ข้าพเจ้านั้นชื่อท้าวสักกะผู้เป็นจอมทวยเทพชาวไตรทศ"

 


%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%873.jpg

https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif         

                      "พระองค์คือท่าวสักกะ หรือพะย่ะข้า" พระราชาเมืองพาราณสี อุทานเบาๆ ด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ก่อนที่พระองค์จะเอ่ยถามต่อ "เหตุใดท้าวสักกะ ถึงพาสมณะมาถึงที่วังเช่นนี้" "เราจะมาเปลี่ยนใจของท่าน สิ่งที่ทำให้ท่านโกรธเมื่อหลายปีก่อน ไม่ใช่บรรพชิต แต่เป็นการแต่งกายมีความใกล้เคียงกันเท่านั้น" "อย่างนั้นหรือพะย่ะข้า" "ใช่ ท่านผู้นี้ตังหากที่คือบรรพชิตที่แท้จริง ไหนๆพระปัจเจกพุทธเจ้ามาถึง ขอจงให้ท่านผู้ประนมมือกราบนมัสการ" "ข้าพระองค์ กระหม่อมขอถามอะไรสักอย่าง บรรพชิตจุติจากโลกนี้ไปแล้ว จะได้รับความสุขอะไร?" "ผู้ใดเห็นภิกษุผู้เข้าถึงข้อปฏิบัติเป็นเครื่องบรรลุวิชชา แม้ท่านแค่ประนมมือกราบนมัสการ ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญในปัจจุบัน และจะได้ไปสวรรค์ เมื่อร่างกายแตกดับไปแล้ว"

https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif 
                       "วันนี้บุญที่ได้เกิดขึ้นแก่กระหม่อมแล้วหนอ" "ข้าพระองค์ได้พบเห็นพระผู้เป็นเจ้า" "ข้าแต่ท้าวสักกะ ข้าพระองค์เห็นพระภิกษุ และพระองค์แล้ว กระหม่อมจะทำบุญมากที่สุดเท่าที่จะทำได้" "ดูก่อนพระราชา พระองค์เห็นภิกษุและเราแล้ว จงทรงทำบุญสม่ำเสมอ เป็นคนใจเย็น ไม่หุนหันพลันแล่น มีจิตเลื่อมใส เป็นผู้ที่คู่ควรที่พึ่งแก่ปวงประชา"


      https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                     ฝ่ายท้าวสักกะประทับยืนอยู่ที่อากาศ ประทานโอวาท ต่อแต่นี้ไป เจ้าทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด แล้วทรงให้ตีกลองป่าวประกาศว่า สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้หนีไปแล้ว จงกลับมาอยู่ที่เดิมเถิด

                      https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif                   จากนั้นท่านทั้ง ๒ ได้เสด็จไปยังที่ของตน พระราชาทรงตั้งอยู่ในเทวโอวาทของท้าวสักกะนั้นแล้วได้ทรงทำบุญทั้งหลายมีทานเป็นต้น

 


https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gifพระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกไว้ว่า
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gif
พระปัจเจกพุทธเจ้าครั้งนั้น ได้ปรินิพพานแล้ว
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gifพระราชาได้แก่ พระอานนท์
https://84000.org/tipitaka/atita100/space1.gifส่วนท้าวสักกะได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล.

 

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

* * ชาดก 500 ชาติ แนะนำ * *

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล