อรรถกถา พาหิยชาดก
ว่าด้วย เป็นคนควรศึกษาศิลปะ
เช้าวันหนึ่ง ณ ธรรมสภา มีภิกษุกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มสนทนากัน "เมื่อหลายวันก่อนพระเจ้าลิจฉวีมาทำบุญที่พระมหาเชตวันพระองค์ทรงพาภรรยามาด้วย เรานั้นเห็นครั้งแรกรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย" "ทำไมหรือ" "ก็พระเจ้าลิจฉวีนั้นช่างงดงามอย่างกับเทพบุตร แต่ภรรรยาของพระองค์นั้นขี้ริ้วขี้เหร่ตรงข้ามกับพระองค์ทุกประการ" "ขนาดนั้นเลยหรือ" "ใช่ ไม่รู้ว่าทรงอภิรมย์กับเทวีได้อย่างไรกันนะ?" ขณะเดียวกัน
พระศาสดาทรงเสด็จผ่านมาพอดี "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั้งคุยเรื่องอะไรกัน เรื่องพระเจ้าลิจฉวีและพระมเหสีของพระองค์ พะย่ะข้า กระหม่อมแค่สงสัยว่าทั้งสองพระองค์ดูไม่เหมาะสมกันเลย แล้วทำไมถึงเคียงคู่กันได้" เมื่อพระพุทธเจ้าได้ยินดังนั้น จึงตรัสขึ้น "เช่นนั้นเองหรือ"
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจ้าลิจฉวีนี้ ไม่ใช่แต่ในตอนนี้เท่านั้น แม้แต่ในอดีตก็ทรงอภิรมย์กับหญิงที่มีร่างกายอ้วนเหมือนกัน" แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล สมัยพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในเมืองพาราณสี มีท่านอำมาตย์คอยทำหน้าที่รับใช้ วันหนึ่งขณะที่พระองค์ทรงประทับอยู่บนบัลลังก์อยู่ พลันทอดพระเนตรผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ลงไปยังพระลานหลวงที่ตอนนี้มีต้นไม้ หลากหลายถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม
ขณะนั้นมีหญิงอ้วน กำลังเดินลัดลานหลางอยู่ แต่ได้เกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้น อาการปวดท้องหนักเข้าโจมตีนางอย่างรุนแรง "โอ้ยข้าศึกบุก!" ใบหน้าเหย่เกร เต็มไปด้วยความเจ็บปวด พยายาม หาห้องน้ำที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แต่อนิจจาเหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย "โคร๊กกก โอ้ย มะ...ไม่ไหวแล้ว ทำไมมาปวดตอนนี้เนี่ยเอาว้ะ แถวนี้ก็ได้!" เจ้าตัวหันรีหันขวาง สอดส่องว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือไม่ ก่อนวิ่งจู๊ดไปที่โคนต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับถกกระโปรงขึ้น นั่งลงทำธุระ "เฮ้อค่อยยังชั่ว ทีหลังกินอะไรต้องระวังมากกว่านี้แล้ว ผ้าคลุมๆ" หญิงสาวมีท่าทีเลิ่กลั่ก ก่อนจะใช้มือคว้าผ้าแล้วเอามาคลุมหัวไว้
"ฮ่าๆ ช่างน่ารักอะไรเยี่ยงนี้" ท่านอำมาตย์มีท่าทีแปลกใจ "พระองค์เป็นอะไรหรือทำไม่จู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา" "ดูนั่นสิ หญิงผู้นี้ถ่ายอุจจาระแถวพระลาน ดูไม่งามเสียเลยผู้คนทั่วไปคงจะเข้าใจแบบนี้ แต่สำหรับข้าถึงแม้จะดูหยาบคาย แต่ความจริงแล้วคงจะเป็นคนขี้อายมากๆ เอาผ้านุ่งคุมตัวจนมิด คงจะกลัวคนเห็นเข้า"
ด้านหญิงสาวที่ตอนนี้ถ่ายอุจจาระเสร็จแล้ว รีบยืนขึ้น หันซ้ายหันขวา แล้วเดินออกไป พระราชาที่ดูภาพเหตุการณ์ทั้งหมด " ข้าว่านะท่านอำมาตย์ ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นสาวพรหมจรรย์แน่" "ทำไม่ล่ะ" "พฤติกรรมนั้นไง ถ้าเป็นหญิงสาวที่มีลูกแล้วคงจะไม่ใช้ผ้าคลุมหัวหรอก" "ก็จริงของพระองค์" สายตาที่พึงพอใจ จ้องมองไปยังหญิงอ้วน "ช่างกระมิดกระเมี้ยนยิ่งนัก ถ้าใครได้เป็นภรรยาลูกที่เกิดมาต้องเป็นผู้มีบุญแน่ๆ"
"ท่านอำมาตย์ข้ารู้สึกถูกใจหญิงสาวผู้นั้นยิ่งนักช่วยข้าหน่อยได้ไหม พานางมาพบข้าที่" เมื่อท่านอำมาตย์ พานางมาพบแล้ว จึงแต่งตั้งเป็นอัครมเหสี
หญิงสาวเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างมาก ไม่นานนักก็ประสูติพระโอรสองค์หนึ่ง และโอรสของพระนางก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ แห่งพาราณสี
"บุคคลควรศึกษาศิลปะทั้งหลาย ชนทั้งหลายที่พอใจในศิลปะนั้นก็มีอยู่ แม้แต่หญิงที่เกิดในจังหวัดชั้นนอก ก็ยังทำให้พระราชาทรงโปรดปรานได้ด้วยความกระมิดกระเมี้ยนของเธอ"
พระโพธิสัตว์กล่าวคุณของศิลปะทั้งหลาย อันสมควรแก่คุณค่าของการศึกษา ด้วยประการฉะนี้.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
คู่สามีภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเป็นคู่สามีภรรยา ในบัดนี้
ส่วนอำมาตย์ผู้เป็นบัณฑิตได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.