อรรถกถา พาโลวาทชาดก
ว่าด้วย คนมีปัญญาบริโภค
เช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าสดใสท่ามกลางแสงแดดสีทองอมส้ม ถูกประดับด้วย เมฆสีขาว ลอยละล่องภายใต้สายลมพัดโบกไปมา ณ โรงธรรม มีกลุ่มภิกษุสงฆ์สองถึงสามรูปกำลังนั่งพูดคุยเรื่องที่ตนเผอิญได้ยินมา "วันนี้ตอนออกบิณฑบาต มีนักบวชนอกรีตคนหนึ่งนินทาพระตถาคตเข้า" "เรื่องไรหรือ? ข้านั้นก็ไม่เคยเห็นพระศาสดาทรงมีพฤติกรรมเสื่อมเสียแม้แต่น้อย เหตุใดถึงถูกติฉินเช่นนี้" "ก็เรื่องฉันเนื้อสัตว์ไง พวกนั้นดูถูก ใสสีตีไข่ต่างๆนาๆ ถ้าเราโดนบ้าง คงหน้าชาพอสมควรเลย" "คำพูดรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือท่าน" "ใช่" ขณะนั้นพระศาสดาทรงเสด็จผ่านมาพอดี "เกิดอะไรขึ้น พวกท่านนั่งสนทนาเรื่องอะไรกัน" "เรื่องนักบวชนอกรีตพระเจ้าข้า" จากนั้นภิกษุ ได้เล่าเรื่องที่ตนได้ยินมา ให้พระพุทธเจ้าได้รับฟัง
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นักบวชนอกรีตนินทาเราว่าบริโภคเนื้อที่เขาอุทิศถวาย แม้ในกาลก่อนก็ได้ติเตียนแล้วเช่นกัน" จากนั้นทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า
ในอดีตกาล สมัยที่พระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี มีเด็กชายคนหนึ่งได้ถือกำเนิดในตระกูลพราหมณ์ ครั้นเมื่อเด็กชายคนนี้ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนุ่มใหญ่จึงได้บรรพชาเป็นฤๅษี ในเขตป่าหิมพานต์ วันหนึ่งขณะที่กำลังนั่งภาวนาอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ "เอ้..ทำไมวันนี้เราอยากกินอาหารรสจัด แปลกแฮะ! ในป่านี้ก็มีแค่ผลไม้เท่านั้น สงสัยคงต้องออกไปในเมืองสักหน่อย"
เช้าวันต่อมา ฤๅษีหนุ่มถือบาตรขนาดลูกพอดีมือ เดินผ่านป่าขนาดใหญ่เพื่อตรงไปยังเมืองพาราณสี ครั้นเมื่อถึงตัวเมืองพาราณสีแล้ว ดาบสหนุ่มได้บิณฑบาต ไปเรื่อยๆตามทางที่ปูด้วยหินสีอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะนั้นมีพ่อค้าคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมองดาบสหนุ่มอยู่ "มาขอข้าวคนกินอีกแล้ว แกล้งให้สำนึกเสียหน่อย ขอข้าวปลาอาหารของคนอื่นอยู่นั่นแหละ" เมื่อความคิดจบลง
จึงเดินตรงปรี่เข้าไปหาดาบสผู้นั้น "นมัสการท่านฤๅษี ข้านั้นเป็นพ่อค้าที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ไม่เคยเห็นเลย ท่านเดินทางจากจากที่ไหนหรือ" "เรานั้นมาจากป่าหิมพานต์ที่อยู่ทางฟากโน้น" "ดูท่า ท่านน่าจะเหนื่อยน่าดู ถ้าอย่างนั้นกระผมขอนิมนต์ท่านไปฉันที่บ้านได้ไหม"
"หึ ในที่สุดก็ติดกับเสียแล้ว สมณะเอ๋ยเหตุการณ์นี้ เจ้าจะจำได้จนวันตาย ฮ่าๆ" ใบหน้าที่เรียบเฉยปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว "เชิญทางนี้ครับ"
จากนั้นพ่อค้าจึงเดินนำฤๅษีหนุ่มตรงมายังบ้านของตน ก่อนผายมือไปยังพื้นที่มีอาสนะปูไว้อย่างเป็นระเบียบ "เชิญท่านนั่งตรงนี้ก่อน รอสักครู่ กระผมขอไปจัดเตรียมอาหารก่อน" จากนั้นพ่อค้าจึงเดินไปยังหลังบ้านของตน เวลาผ่านไปไม่นาน ถาดอาหารที่ถูกจัดอย่างสวยงามก็ปรากฏขึ้น ภายในถาดสีเงินประกอบด้วย อาหารคาวหวานหลากหลายเมนู เข้ามาวางไว้ตรงหน้าท่านฤๅษี "ภัตตาหารที่กระผมนั้นเตรียมมา เชิญฉันตามสบายเลย"
จากนั้นฤๅษีหนุ่ม ได้ทานอาหารที่พ่อค้าจัดเตรียมให้จนกระทั่งอิ่ม "ท่านดาบสอิ่มแล้วหรือ อื่มเราอิ่มแล้ว" จากนั้นเจ้าตัวพนมมือขึ้นจรดหน้าผากกว้าง "เนื้อนี้ข้าพเจ้าฆ่าสัตว์ปรุงเป็นอาหารเฉพาะท่านโดยตรง ขออกุศลนี้อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าเลย จงตกเป็นของท่านเถิด" เมื่อพ่อค้าเอ่ยจบ เหมือนมีคนมาตบหน้าฤๅษีหนุ่มเข้าอย่างจัง ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นบุรุษนิ่งเงียบ เพียงแค่ชั่วอึดใจ "ถ้าสมณะผู้มีปัญญา บริโภคอาหารของคนที่ฆ่าบุตรและภรรยาถวาย ก็ไม่ติดบาปหรอก" เมื่อดาบสหนุ่มเอ่ยจบ จึงได้แสดงธรรมแก่พ่อค้าก่อนจะลุกจากอาสนะไป
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดก
นิครนถนาฏบุตร ได้เป็นพ่อค้า
ส่วนดาบส คือ เราตถาคต นี้แล